เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

Sign in Buddha’s palm 13 ส่งดัชนีผ่านอากาศ

นอกศาลาพระคัมภีร์

เหงื่อเย็นเยียบไหลซึมแผ่นหลังของร่างเงาจนชุ่มโชก

แม้จะเป็นแบบนั้นร่างเงาก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวและยังคงซ่อนตัวต่อไป ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจกลัวว่าจะไปกวนใจซูฉินเข้า

ในฐานะสมาชิกพรรคมาร เงาดำรู้ดีว่ามีความเสี่ยงมากเพียงไรที่ลอบเข้ามาในวัดเส้าหลินครั้งนี้

แต่ร่างเงาก็ไม่มีทางเลือก

เขาไม่อาจจะละเลยคำสั่งของประมุขพรรค จึงต้องกัดฟันทนแล้วรับความเสี่ยงที่จะเข้ามาที่นี่

เดิมทีร่างเงาสีดำคิดไปว่า ถึงสุดท้ายเขาจะขโมยคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นมาไม่ได้ก็คงไม่เป็นปัญหาในการล่าถอยด้วยวิธีการลอบเร้นของตน

แต่ร่างเงาไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกบังคับให้ต้องเปิดเผยตัวตั้งแต่ยังไม่ได้ผ่านเข้าประตูศาลาคัมภีร์เสียด้วยซ้ำ

“วัดเส้าหลินนี่มันจะน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว”

“พวกพระกวาดลานต่างก็มีความแข็งแกร่งถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”

ร่างเงารู้สึกขมขื่น

ซูฉินไม่ทราบว่าร่างเงากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขายังพอสังเกตเห็นได้ถึงความกังวลใจอย่างมาก

กำลังภายในของร่างเงาหมุนวนอย่างดุเดือดและพร้อมที่จะระเบิดพลังออกไปได้ทุกเมื่อ

ทว่า…

สิ่งนั้นไม่ได้ดึงดูดความความสนใจของซูฉินเลย

ถ้าร่างตรงหน้าเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ซูฉินจะเคร่งเครียดกว่านี้

อย่างไรก็ตามร่างเงาก็เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่สี่ ไม่ได้เป็นแม้แต่ระดับชั้นที่สาม แม้จะระเบิดพลังออกมาได้รุนแรงแค่ไหนก็ไม่พอจะต้านทานลูกตบของซูฉินได้สักหนึ่งฝ่ามือ

“ไม่มีทาง”

“ข้าจะถูกถ่วงเวลาต่อไปแบบนี้ไม่ได้”

ความคิดของร่างสีดำเปลี่ยนเป็นแหลมคม ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ตรงหน้า

ศาลาพระคัมภีร์เป็นพื้นที่หลักของวัดเส้าหลิน จะมีพระเดินตรวจตราตลอดเวลา ก่อนหน้า ร่างเงาใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เรื่องเวลาการตรวจตราจึงเข้ามาได้ในที่สุด

แต่เหลือเวลาไม่มากแล้ว

ถ้าเกิดร่างเงายังถูกถ่วงเวลาไว้แบบนี้ ถึงแม้ซูฉินจะไม่ทำอะไร แต่พระที่จะเข้ามาตรวจตราย่อมพบเจอเขาเป็นแน่

จากนั้นร่างเงาจะพบกับการไล่ล่าสังหารของสุดยอดพรรคอย่างเส้าหลิน

คิดได้แบบนี้ร่างเงาจึงขบฟันแน่น

“ต้องสู้!”

เข็มเงินสามเล่มปรากฏในมือขวาของเขาอย่างไร้สุ้มเสียง

เข็มเงินทั้งสามเล่มนี้สร้างขึ้นจากเหล็กดำ มีการออกแบบเพื่อการเจาะทะลวงร่างกาย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบนก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากมัน

“จัดการมันให้กับข้า”

สีหน้าของร่างเงาฉายความคิดฆ่าฟัน

ฟู่ว!

เข็มเงินทั้งสามเหมือนกับเป็นงูพิษ พุ่งเข้าใส่ซูฉิน

ในขณะนั้นเองร่างเงาจึงถอยกลับเต็มกำลังแล้วหนีออกนอกวัดเส้าหลิน

พริบตาร่างนั้นก็หลบหนีออกมาได้หลายสิบเมตร

“มันไม่ไล่ตามมารึ?”

ร่างเงาดำรู้สึกยินดียิ่ง มันหันหัวกลับไปมองทางที่ซูฉินอยู่อย่างไม่ตั้งใจ

“ฮะ?”

รูม่านตาของร่างเงาหดตัวลง

เพราะเข็มเงินกำลังพุ่งเข้าหาแต่ซูฉินกลับไม่หลบเลี่ยงราวกับเขานั้นกำลังหวาดกลัวไม่กล้าขยับ

มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

ในสายตาของร่างเงา อย่างน้อยซูฉินก็ควรจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบน

ถึงแม้เข็มเงินจะไร้เสียง ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบน การหลบหลีกย่อมไม่เป็นปัญหาอะไร

“หรือข้าคิดผิดไป พระกวาดลานเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีพลังงั้นหรือ?”

เงาดำแอบโกรธขึ้นมา

หลังจากนั้น

เข็มเงินพุ่งเข้าไปที่หน้าอกของซูฉิน

อย่างไรก็ตาม

ร่างเงาได้เห็นฉากที่เหนือจินตนาการ เข็มเงินไม่สามารถทิ่มทะลุผ่านหน้าอกของซูฉินได้ แล้วกลายเป็นซากเศษเหล็กกระดอนตกลงไปบนพื้น

“นี่มัน…”

ร่างเงาตะลึงงัน

เพียงเท่านั้นความหนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วจิตใจ

“ใช้เพียงร่างกายเพื่อรับการโจมตีของเข็มที่ทำจากเหล็กดำ?”

“เป็นไปได้ยังไง?!!!”

หัวใจของร่างเงาสั่นสะเทือนราวกับพบภูติผี

ในพริบตานั้น

ร่างเงากระตุ้นใช้ทักษะลับเพื่อเพิ่มความเร็วในการหลบหนีโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ แล้วเริ่มหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต

“นี่เจ้าต้องการจะฮิตแอนด์รัน[1] หรือ?”

ร่องรอยของการเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน ยกมือขวาไปที่ด้านหน้าตวัดมือออกเป็นกระบวนท่าของดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ

ฟิ่ว!

รังสีของดัชนีไร้สภาพยิงออกไปในระยะทางเกือบลี้ โจมตีเข้าไปที่คนในชุดดำ

ร่างสีดำครวญครางแต่ไม่ยอมหยุดกลับใช้แรงส่งของกระบวนท่านี้พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

ซูฉินมองฉากนั้นแต่ไม่ได้ไล่ตามต่อไป

แต่เขาก้มตัวลงไปหยิบเข็มเงินที่ตอนนี้กลายเป็นเศษเหล็กแทน

“นี่คงจะเป็นเหล็กดำที่ออกแบบมาเพื่อทำลายกำลังภายในของผู้ฝึกยุทธสินะ?”

ซูฉินมองและคิดด้วยความสนใจ

ทุกวันนี้ถึงแม้เหล่าผู้ฝึกยุทธจะครองยุทธภพแต่พวกเขาก็มิใช่จะอยู่ยงคงกระพัน

ตัวอย่างเช่นเหล็กดำตรงหน้าเขานี่แหละคือตัวซวยของเหล่าจอมยุทธ

ถึงอย่างนั้นเหล็กดำพวกนี้หายากมาก และมีการควบคุมการผลิตตลอดในแต่ละภูมิภาค

คนทั่วๆ ไปหรือเหล่าจอมยุทธเองก็ไม่สามารถเข้าถึงมันได้โดยง่าย

ซูฉินเพ่งพินิจมันครู่หนึ่งก่อนจะบีบมันไปอย่างไม่ใส่ใจ เขาบดขยี้เข็มเงินจนเป็นเศษผง โรยมันลงพื้น และมันก็กระจายไปกับสายลม

พลังในการทำลายกำลังภายในของเหล็กดำเป็นของจริง แต่ซูฉินเข้าถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ [กายาวัชระคงกระพัน] ร่างกายของเขาแข็งแกร่งดุจป้อมปราการสูงใหญ่ที่ไม่มีใครข้ามผ่านได้ เหล็กดำจะนับเป็นสิ่งของอันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา?

นอกจากนี้

แม้ซูฉินจะยังไม่ถึงขั้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในวิชากายาวัชระคงกระพัน ด้วยกำลังภายในที่ทรงพลังของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง เหล็กดำก็ทำอะไรไม่ได้

เหล็กดำยับยั้งกำลังภายในของจอมยุทธได้จริงๆ นั่นแหละ แต่การยับยั้งนั้นมันต้องสัมพันธ์กัน

ก็เหมือนกับใช้น้ำดับไฟ

ถ้าคุณมีเพียงน้ำในถ้วยเล็กๆ จะไปเผชิญหน้ากับกองเพลิงขนาดมหึมาได้อย่างไร?

หลังจากนั้นครึ่งวัน

ห่างจากวัดเส้าหลินหลายร้อยลี้

ในห้องโถงใหญ่ที่มืดทึบ

เป็นห้องโถงใหญ่ที่ห่างไกลเขตชุมชนแทบไม่มีใครเยื้องกรายเข้ามาใกล้ นี่คือสถานที่ตั้งของพรรคมาร

ขณะนี้กลุ่มคนต่างมารวมตัวกันในห้องโถงนี้ราวกับกำลังรอรับฟังข่าวบางอย่าง

พวกเขาแต่ละคนแผ่กลิ่นอายอันแข็งแกร่ง แน่นอนว่าคนเหล่านี้คือผู้ฝึกยุทธและเป็นผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลังเสียด้วย อย่างน้อยๆ ก็อยู่ในชนชั้นสามระดับกลาง และบางคนถึงกับอยู่ในสามระดับบน

“ท่านประมุข การส่งคนไปยังวัดเส้าหลินเพื่อขโมย ‘คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น‘… ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ท่านจะคิดตื้นเกินไป”

“ไม่ว่าอย่างไร วัดเส้าหลินก็เป็นถึงสุดยอดพรรค…” หญิงร่างอวบอ้วนเอ่ยวาจาพร้อมทั้งขมวดคิ้วไปด้วย

“หืม?”

“สุดยอดพรรคงั้นรึ?”

บัดนั้นผู้อาวุโสท่าทางเย็นชาก็ยกมุมปากเยาะเย้ย “ตั้งแต่หกสิบปีก่อน สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับชั้นที่หนึ่งคนสุดท้ายของวัดเส้าหลินได้มรณภาพไป วัดเส้าหลินก็ตั้งอยู่แบบนั้นมาหกสิบปีโดยไม่มีผู้ที่อยู่ระดับชั้นที่หนึ่ง”

“ปราศจากระดับชั้นที่หนึ่งแล้ว พวกมันไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าสุดยอดพรรค”

วาจาที่กล่าวออกมา

มีเสียงอื้ออึงแสดงความเห็นด้วยมาจากผู้คนในโถง

“จริงๆ แล้ว พวกกลุ่มลาหัวโล้นในวัดเส้าหลินทำอะไรได้บ้างนอกจากอ่านคัมภีร์เล่มสองเล่ม”

“ไม่ต้องพูดถึงการขโมยคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเลย แม้แต่การทำลายล้างวัดเส้าหลินก็ไม่น่าจะยากลำบากอะไร!”

“ฮึ่ม หากพรรคมารของเราต้องการสิ่งใด วัดเส้าหลินยังจะกล้าปฏิเสธอะไรด้วยหรือ?”

เสียงพูดคุยสร้างความวุ่นวายไปทั่วโถง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชุดม่วงที่นั่งอยู่เป็นลำดับแรกของห้องโถงก็กล่าวคำ “เอาล่ะ หยุดได้แล้ว”

ทันทีที่ชายชุดม่วงกล่าวคำ ทั้งห้องโถงก็เงียบลง

“ข้าได้ส่งคนลอบเข้าไปในวัดเส้าหลินครานี้ไม่ใช่เพียงไปขโมย ‘คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น‘ แต่ยังเป็นการทดสอบกำลังของวัดเส้าหลินด้วย”

ชายชุดม่วงพักครู่หนึ่งก่อนจะดำเนินคำกล่าวต่อไป “ถ้าพวกเราได้คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นมาจริงๆ นั่นพิสูจน์ได้ว่าวัดเส้าหลินตกต่ำโดยสมบูรณ์แบบและพรรคมารของเราจะบุกเข้าวัดเส้าหลินในเร็วๆ นี้!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นทำเอาทุกคนในโถงตกใจ

“แผนการของท่านประมุขนั้นกว้างไกลยิ่ง”

“พวกลาโง่วัดเส้าหลินบางทีคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความเป็นตายของพวกมันตกอยู่ในการคำนวณของท่านประมุขหมดสิ้นแล้ว!”

ชายชุดม่วงยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้กล่าวคำใดต่อไป

ในตอนนั้นเอง

ร่างเงาเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องโถง

“กลับมาแล้วรึ?”

“ได้‘คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น‘มาหรือเปล่า?”

ชายในชุดม่วงจำร่างเงาได้และถามออกมาอย่างแผ่วเบา

“ท่าน…ท่านประมุข” ร่างเงาเปิดปาก ต้องการจะเอ่ยคำแต่ใบหน้าของเขาซีดราวกับแผ่นกระดาษ

“นี่เจ้าบาดเจ็บ?” หัวคิ้วของชายชุดม่วงชนเข้าหากัน

พวกคนอื่นๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้ก็เริ่มไม่พอใจ

“วัดเส้าหลินช่างกล้านัก กล้าดียังไงมาทำร้ายคนของพรรคมาร?”

“ท่านประมุข ตราบที่ท่านออกคำสั่ง พวกข้าจะบุกเข้าโจมตีวัดเส้าหลิน ละเลงทั้งวัดให้ท่วมไปด้วยเลือด”

“ใช่ ท่านประมุขโปรดออกคำสั่ง”

จอมยุทธในพรรคมารหลายคนต่างส่งเสียงโห่ร้อง

แต่ก็เท่านั้น

เมื่อเทียบกับจอมมยุทธพรรคมารพวกนั้นแล้ว ชายในชุดม่วงพบบางอย่างผิดปกติ

ฟึ่บ!

ชายชุดม่วงก้าวเข้าไปที่ด้านหน้าของร่างเงา

“ใครที่ทำร้ายเจ้า!”

ชายชุดม่วงเหยียดแขนขวาออกไปเพื่อจะตรวจดูอาการบาดเจ็บ

ทว่า

เพียงเมื่อชายชุดม่วงเคลื่อนกำลังภายในของเขาเข้าไปในกายของร่างเงาพลันรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง

ไอพลังปราณปะทุออกมาจากร่างของมัน ทะลุออกมาจากร่างเงากลายเป็นพลังดัชนีไร้สุ้มเสียงพุ่งเข้าใส่ชายในชุดม่วง

“นี่มัน?!”

สีหน้าชายชุดม่วงถึงกับเปลี่ยนไป

ยกมือขึ้นปิดกั้นตามสัญชาตญาณ

ตูม!!!

คลื่นกระแทกกระจายออกไปสร้างความหวาดผวา

ชายในชุดม่วงถูกบังคับให้ถอยร่นกลับไปถึงแปดก้าวจึงค่อยหยุดลงได้ ก่อนที่จะกระอักเลือกออกมา

“การโจมตีจากหลายร้อยลี้ที่แสนไกล… นี่คือยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ยืมมือคน เพื่อมาเตือนพรรคมารของเรา…”

ชายในชุดม่วงเงยหน้ามองร่างเงาที่บัดนี้ลมหายใจถูกตัดขาดไปแล้ว จึงได้แต่พูดพึมพำกับตนเอง

เมื่อคำพูดนี้ได้ถูกกล่าวออก

ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความสงัด

จอมยุทธพรรคมารที่โห่ร้องประกาศจะทำลายวัดเส้าหลินก่อนหน้าต่างตกอยู่ในความหวาดกลัวไม่กล้าที่จะส่งเสียงอะไรออกไปอีก

——————————————————————————

(1) ฮิตแอนด์รัน (Hit and run) โดยทั่วไปมักจะเป็นคำศัพท์ที่ใช้ในเกมประเภท RPG ที่ผู้เล่นจะโจมตีไปที่เป้าหมายเพื่อดึงความสนใจแล้ววิ่งหนีออกมาจากสถานที่นั้น ทำให้เป้าหมายติดตามผู้เล่นจนออกห่างจากฝูง จากนั้นผู้เล่นจึงสามารถจัดการเป้าหมายได้โดยสะดวก (หรืออาจเป็นการลากเป้าหมายให้ออกจากฝูงแล้วให้ผู้เล่นอื่นช่วยกันกลุ้มรุมสังหารก็ได้)

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท