เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 102

ตอนที่ 102

Sign in Buddha’s palm 102 วางแผน

“ใบสั่งยานี้…”

ซูเยว่หยุนหยิบใบสั่งยาขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทาและพึมพำอยู่กับตนเอง

ถ้าบอกว่าในตอนแรกนางยังคงเชื่อคำพูดของซูฉินอยู่ครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เมื่อเห็นซูฉินเขียนใบสั่งยาออกมา ซูเยว่หยุนก็เชื่อมั่นอย่างสนิทใจ

แม้ซูเยว่หยุนและซูฉินจะไม่ได้พบกันมาเกือบสามสิบปี แต่ซูเยว่หยุนรู้ดีว่าซูฉินไม่ใช่คนประเภทที่ชอบพูดจาใหญ่โตโอ้อวด

เมื่อซูฉินบอกออกมาเช่นนี้แปลว่าเขาต้องแน่ใจมาก

“พี่สาม ขอบคุณมาก”

ดวงตาขององค์รัชทายาทหลี่เชิงรื้นแดงเล็กน้อย

ถ้าเลือกได้ใครจะไม่อยากมีทายาทสืบสกุล?

“ไม่เป็นไร”

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

ซูฉินโบกมือและพูดอย่างไม่ยี่หระ

การช่วยซูเยว่หยุนกำจัดธาตุหยินออกไปนั้นไม่ได้เป็นปัญหาใดกับซูฉินเลย มันง่ายเหมือนกินดื่มอาหาร

“เอาล่ะ”

“ข้าจะกลับแล้ว”

ซูฉินลุกขึ้นและเดินออกนอกห้องโถงไป

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบติดตามไปทันทีและไม่กลับไปจนกว่าจะส่งซูฉินจนถึงตำหนักชุนฝั่งขวา

ห้องโถงเฉิงเอิน

“หยุนเหนียง ใบสั่งยาเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่องค์รัชทายาทกลับมาเจอซุเยว่หยุนก็รีบถามอย่างกระตือรือร้น

“ไม่มีอะไรจะเสีย มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย”

เห็นได้ชัดว่าซูเยว่หยุนประหม่าพอสมควร นางมองไปที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงอย่างคาดหวังแล้วพูดขึ้นว่า “คราวนี้มันจะได้ผลหรือไม่?”

“มันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน”

องค์ชายหลี่เชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง

ในเวลาเดียวกัน

ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมืองฉางอัน

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวกำลังจิบชาและมองไปยังทิศทางของพระราชวัง ไม่รู้ว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่

ในขณะนั้นเองชายร่างท้วมที่ดูเหมือนพ่อค้าผู้ร่ำรวยก็เดินอย่างสำรวมมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากชายชุดขาวแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า

“คารวะท่านผู้บังคับกรมขุนนาง[1]”

พ่อค้าร่างท้วมผู้ร่ำรวยดูระมัดระวังมากเสียจนเหมือนว่าชายชุดขาวตรงหน้านี้เป็นสัตว์ร้ายสักชนิดก็มิปาน

ถ้ามีหน่วยข่าวกรองของต้าถังอยู่ที่นี่และได้ยินคำว่า ‘ผู้บังคับกรมขุนนาง‘ ละก็ จะต้องผงะไปอย่างแน่นอน

เนื่องเพราะผู้บังคับกรมขุนนางเป็นขุนนางระดับสูงของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรของอาณาจักรหนานหมิง เป็นรองก็เพียงแต่หน่วยบัญชาการ ทั่วทั้งหน่วยงานมีตำแหน่งนี้เพียงแค่สามคน แต่ละคนมีอำนาจสูงส่งจนทำให้เหล่าข้าราชสำนักตกใจกลัวได้เลยทีเดียว

โดยเหตุผลแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลเช่นผู้บังคับกรมขุนนางจะเข้ามาภายในอาณาจักรถังเพียงลำพังหรือแอบเข้ามาในเมืองฉางอันเพียงลำพัง

หากผู้บังคับกรมขุนนางตกไปอยู่ในกำมือของอาณาจักรถังเข้า อาณาจักรหนานหมิงจะต้องสูญเสียผู้บังคับกรมขุนนางที่มีอยู่อย่างน้อยนิดและมีความเป็นไปได้ที่ตามกลิ่นมาถึงเครือข่ายสายลับของหนานหมิงที่ซุกซ่อนอยู่ในต้าถังได้

ด้วยฐานะของผู้บังคับกรมขุนนาง การถูกเปิดเผยข้อมูลใดสักเล็กน้อยอาจจะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักต่อภาพรวมของอาณาจักรหนานหมิงทั้งหมด

“ลุกขึ้น”

ชายชุดขาวลดสายตาลงและพูดขึ้นเบาๆ

“ขอรับ”

พ่อค้าร่างท้วมผู้มั่งคั่งยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ

“เป็นอย่างไรบ้าง” จากนั้นไม่นานชายชุดขาวก็เอ่ยถามขึ้น

“รายงานท่านผู้บังคับกรมขุนนาง คนของเราเข้าแฝงตัวไปกับคณะทูตและเข้าไปภายในวังเรียบร้อยแล้ว”

พ่อค้าร่างท้วมรีบรายงานในทันที

“ไม่เลว”

ชายชุดขาวพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ใส่ใจอะไรนัก

ในสายตาของเขาการแฝงตัวเข้าไปในวังหลวงนั้นเป็นเพียงขั้นตอนแรกและเขาก็ไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมันมากนัก

“ขออนุญาตถามท่านผู้บังคับกรมขุนนาง ครั้งนี้เป้าหมายของเราคือจักรพรรดิถังใช่หรือไม่?”

เมื่อพ่อค้าผู้มั่งคั่งเห็นชายชุดขาวอารมณ์ดีเขาก็ลองลอบถามอย่างระมัดระวัง

ในความคิดของเขา หากอาณาจักรหนานหมิงถึงขนาดยอมปล่อยชายชุดขาวซึ่งเป็นผู้บังคับกรมขุนนางผู้นี้มาเสี่ยงที่นี่ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นแผนที่สุดยอด และในทั่วทั้งพระราชวังคงไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์มากไปกว่าการลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิถังอีกแล้ว

เมื่อจักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์ อาณาจักรถังก็จะตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างมิอาจเลี่ยง เวลานั้นหนานหมิงจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อรุกคืบขึ้นเหนือเข้าสู่ฉางอัน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ร่องรอยความรุ่มร้อนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของพ่อค้าผู้ร่ำรวย

หากทำตามแผนนี้จริง ผลลัพธ์ที่กลับมาจะต้องยอดเยี่ยมมากเป็นแน่

รู้หรือไม่เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่หนานหมิงถูกกำลังพลของต้าถังตอนใต้กดดันอย่างแข็งกร้าวจนไม่สามารถขยายพื้นที่ทางตอนเหนือออกไปได้เลย

หากใช้โอกาสในยามนี้ในการบุกทะลวงเข้าสู่ต้าถัง ด้วยแผนการและกลยุทธ์ของจักรพรรดิหมิงองค์ปัจจุบัน อาจจะสามารถกวาดล้างไปทั่วทุกที่และครอบครองผืนแผ่นดินทั้งหมดได้

“ลอบสังหารจักรพรรดิถัง?”

ชายชุดขาวเหลือบมองไปที่พ่อค้าร่างท้วม “ด้วยการคุ้มกันของขันทีชุดม่วง จักรพรรดิถังจะไม่มีทางตายหรอก”

เมื่อชายชุดขาวพูดเช่นนี้ เขาก็ส่ายหัวไปด้วยเล็กน้อย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้หนานหมิงและต้าถังมักจะแลกเปลี่ยนสื่อสารทางการทูตในฉากหน้า แต่เบื้องหลังฉากหน้านี้พวกเขาก็แอบต่อสู้กันอย่างลับๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

เป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้ถึงความสามารถของขันทีชุดม่วงผู้นั้น

“นั่น?”

พ่อค้าตัวอวบผู้มั่งคั่งผงะไปชั่วขณะแล้วถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านจะลอบสังหารพวกองค์ชายหรือ?”

ยกเว้นไว้แต่เพียงองค์จักรพรรดิ พ่อค้าตัวอ้วนไม่สามารถนึกออกได้ว่าใครจะมีค่าพอให้ผู้บังคับกรมขุนนางต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง

“องค์ชาย?”

ชายชุดขาวยิ้ม “ฝ่าบาทยังอยากจะเห็นพวกองค์ชายกัดกันให้เต็มที่ พวกเขาจะตายได้อย่างไร…”

“เจ้าไม่ต้องเดาอีกต่อไปแล้ว เป้าหมายครั้งนี้ขององครักษ์เสื้อแพรคือองค์รัชทายาท”

ชายชุดขาวจิบชาอีกหนึ่งครั้งแล้วพูดออกมาเบาๆ

“องค์รัชทายาท?”

พ่อค้าอ้วนผู้ร่ำรวยถึงกับผงะไป

เท่าที่เขารู้ องค์รัชทายาทของอาณาจักรถังเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งโดยองค์จักรพรรดิถังโดยไม่ถามความเห็นใคร ทำให้เกิดแม้กระทั่งการต่อต้านจากเหล่าขุนนางเพราะพระองค์ไม่มีรากฐานใดในเมืองฉางอันเลย

แม้แต่พ่อค้าตัวอ้วนผู้ร่ำรวยยังสงสัยเลยว่าองค์รัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งโดยจักรพรรดิถังพระองค์นี้ เจตนาทำไปเพื่อปกปิดความจริงอะไรบางอย่างหรือไม่

“เจ้ายังไม่เข้าใจ”

ชายชุดขาวพูดด้วยเสียงสงบนิ่ง “ฝ่าบาททรงรู้จักจักรพรรดิถังดีเกินไป จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้จะไม่ทำสิ่งใดลงไปโดยไร้ความหมาย”

“นอกจากนี้หน่วยองครักษ์เสื้อแพรได้พบข้อมูลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เมื่อสามสิบปีก่อน จักรพรรดิถังมีโชคชะตานำพาให้พบกับนางกำนัลผู้หนึ่ง ปีถัดมาพวกเขาก็ได้ให้กำเนิดทายาทขึ้นมา”

“เพียงแต่ว่าฮองเฮา[2]ทรงรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง นางกำนัลผู้นั้นก็เสียชีวิตลงไม่นานหลังจากนางคลอดบุตรสำเร็จ”

“ในเวลานั้นราชสำนักไม่มั่นคงและจักรพรรดิถังก็ต้องการอำนาจของตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของฮองเฮา เขาจึงทำได้เพียงส่งบุตรของนางกำนัลคนนั้นออกไปนอกวังหลวง”

“และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีองค์ชายที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาจากการเป็นสามัญชน จากนั้นก็ถูกสถาปนาขึ้นเป็นองค์รัชทายาท”

ชายชุดขาวมองไปที่พ่อค้าผู้ร่ำรวยพร้อมกับใบหน้าที่แฝงความหมายอันลึกซึ้ง “เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่เล่า?”

“ท่านผู้บังคับกรมขุนนางหมายความว่าเช่นไรหรือ?”

ความคิดของพ่อค้าร่างท้วมเปลี่ยนแปลงไปอย่างเร็วจี๋และเอ่ยถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“การสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ไม่ใช่เป็นแค่การโจมตีองค์จักรพรรดิถังเท่านั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นองค์ชายคนอื่นๆ ได้อีกด้วย เพราะไม่มี ‘ภูเขาอันใหญ่‘ มาค้ำหัวพวกเขาไว้อีกต่อไป พวกเขาสามารถต่อสู้ห้ำหั่นกันเพื่อราชบัลลังก์ได้อย่างชอบธรรม”

“และเหตุการณ์เช่นนี้แหละที่ฝ่าบาททรงชมชอบมากที่สุด”

ชายชุดขาวกล่าวคำช้าๆ “อีกไม่กี่วัน องค์รัชทายาทจะออกจากวังไปพร้อมกับพระชายาที่ประตูเต่าดำและเดินทางไปยังตระกูลซู”

“คนของเจ้าต้องจัดการให้ได้ก่อนหน้านั้น”

“จำไว้ว่าเจ้าจะต้องไม่ปล่อยให้องค์รัชทายาทมีชีวิตรอดจนออกจากประตูเต่าดำไปได้”

ชายชุดขาวกล่าว

ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังตะวันออกหรือประตูเต่าดำต่างก็มีทหารราชองครักษ์อยู่เป็นจำนวนมาก

แต่ระหว่างทางจากพระราชวังตะวันออกไปถึงประตูเต่าดำนั้นมีช่องว่าง อาจจะไม่ถึงกับกล่าวได้ว่าขาดกำลังป้องกันในจุดนี้แต่ก็เป็นสถานที่ที่มีจำนวนทหารราชองครักษ์น้อยที่สุด มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงที่สุดในการลอบสังหาร

และเมื่อใดที่องค์รัชทายาทได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากประตูเต่าดำ กองทัพทหารก็จะต้องติดตามไปคุ้มกันอย่างมิอาจเลี่ยง

ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงหมดโอกาสที่จะลอบสังหาร

“ขอรับ”

พ่อค้าอ้วนผู้ร่ำรวยโค้งคารวะ

ที่ด้านหน้าของวังเว่ยยาง

ซูฉินหยุดยืนและมองขึ้นไปยังพระราชวังที่อยู่ตรงหน้า

“เป็นครั้งแรกที่ข้ามาลงชื่อเข้าใช้ในสถานที่นี้”

ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มก็เผยออกมาบนใบหน้าของเขา

และเริ่มพูดในใจเงียบๆ “ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘คัมภีร์ดอกทานตะวัน‘ ]

อ่านนิยายก่อนใครที่ novelza.com

—————————————————

[1] 镇抚使 เจิ้นฝูสื่อ ผู้บังคับกรมขุนนางระดับสี่ (ชั้นต้น) หรือผู้บังคับกรมขุนนางเป็นตำแหน่งหนึ่งในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมีอำนาจรองลงมาจาก ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ และผู้ช่วยผู้บัญชาการ

[2] 皇后 ฮองเฮา หรือจักรพรรดินี เป็นตำแหน่งที่เหนือยิ่งกว่าพระมเหสี พระชายา เจ้าจอม หรือพระสนม มีเพียงตำแหน่งเดียวและมีศักดิ์สูงสุดในการปกครองฝ่ายใน

102 วางแผน

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท