เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 106

ตอนที่ 106

Sign in Buddha’s palm 106 จักรพรรดิหมิง

“ขันทีชุดแดง?”

ใบหน้าของชายชุดคลุมสีขาวตอนนี้ดูน่าเกลียดมาก

ในพระราชวังถังนั้น ขันทีที่สามารถสวมเครื่องแบบขันทีสีแดงได้นั้นย่อมเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้นอยู่บ้าง

เช่นหงกงกงที่อยู่ข้างกายพระชายาลี่เฟยที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ชั้นที่สอง เขาก็ยังได้รับเครื่องแบบขันทีสีแดง

แต่ข้อยกเว้นเหล่านี้ค่อนข้างหายาก

และในเวลานี้ชายในชุดคลุมสีขาวสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของทั้งหกคนที่โอบล้อมคฤหาสน์อยู่นี้ ทั้งหมดล้วนเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง

“ไม่คาดคิดว่าจะเป็นผู้บังคับกรมขุนนางจากหน่วยองครักษ์เสื้อแพร…”

ขันทีชุดแดงจำตัวตนของชายในชุดคลุมสีขาวได้ในทันที

หน่วยองครักษ์เสื้อแพรจากอาณาจักรหนานหมิงเป็นที่ครั่นคร้ามไปทั่วทุกแว่นแคว้น ฉะนั้นทุกอาณาจักรไม่มีทางที่จะไม่คิดต่อต้านสิ่งนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอาณาจักรถัง ที่ได้สืบสาวข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีอำนาจระดับสูงของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมาแล้ว

“จักรพรรดิถังรู้จักคิดแผนการดีนี่…”

ชายชุดขาวยิ้มและสีหน้าของเขาก็สงบลงในทันที

“คิดจะตัดขั้วหัวใจเพื่อฆ่าตัวตายเช่นนั้นหรือ?”

ขันทีในชุดแดงเดินยิ้มหยามเหยียด ก้าวเข้าไปที่ด้านข้างของชายชุดขาว จากนั้นจึงใช้นิ้วทั้งห้ากดลงไปเบาๆ

หวึ่ง!!!

ชายชุดขาวรู้สึกเพียงภาพที่เห็นนั้นพร่ามัว เส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจที่กำลังจะขาดออกจากกันกลับเริ่มซ่อมแซมตัวอย่างช้าๆ

“เจ้า?!”

ชายชุดขาวหมดสติไปก่อนที่จะพูดจบ

พระราชวังตะวันออก

ภายในตำหนักชุนฝั่งขวา

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ แก่นแท้แห่งพลังภายในกายค่อยๆ หมุนวนไปตามคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง พยายามควบแน่นพลังธาตุหยิน

หลังจากเวลาผ่านเลยไป

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ทันใดนั้นอุณหภูมิในรัศมีหลายสิบเมตรรอบตัวของซูฉินพลันลดลงอย่างรวดเร็วราวกับอยู่ในพื้นที่ขั้วโลกภายในพริบตา ไอน้ำในอากาศเริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง

“หือ?”

ซูฉินขมวดคิ้ว

ในทันใดนั้น

อุณหภูมิที่ลดฮวบลงไปในตอนแรกก็เพิ่มสูงกลับมาสู่สภาวะปกติในชั่วพริบตา

“คัมภีร์เก้าอิมจินเก็งนี่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว”

ความคิดของซูฉินเดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลงอยู่ภายในใจ

เมื่อเทียบกับคัมภีร์เก้าสุริยัน คัมภีร์เก้าอิมจินเก็งนั้นแปลกประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งกว่า ทั้งยังเป็นขั้วตรงข้ามของวิชาเก้าสุริยันอย่างสุดกู่

“แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการหรอกหรือ?”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

ด้วยร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงสภาพไปถึงสามครั้งแล้ว พลังธาตุหยินผสานธาตุหยางธรรมดาๆ นั้นไม่มีผลอะไรเลยกับร่างกายของซูฉิน

“อีกสองวันเป็นอย่างช้า ข้าคงสามารถฝึกฝนคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งจนถึงจุดสูงสุดโดยกลั่นพลังธาตุหยินเก้ารูปแบบออกมาได้”

ซูฉินคิดอยู่ในใจ

หากเป็นจอมยุทธธรรมดาที่ต้องการจะฝึกฝนคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งจนสำเร็จวิชา อาจจะฝึกไม่สำเร็จแม้ผ่านไปสิบปีหรือร้อยปี ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับจอมยุทธคนนั้นมีคุณสมบัติโดยกำเนิดเหมาะสมกับคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งหรือเปล่า

แต่ซูฉินนั้นแตกต่างออกไป

ในฐานะที่เป็นถึงขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สาม ควบคู่ไปกับระบบที่ฝังข้อมูลทั้งหมดของคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งมาให้ ซูฉินยังรู้สึกเลยว่าขนาดใช้เวลาฝึกฝนสองวันก็ยังแอบยาวนานไปหน่อย

วันต่อมา

ซูฉินเดินทางมาที่ห้องโถงเฉิงเอิน

“พี่สาม มาแล้วหรือ”

องค์รัชทายาทหลี่เชิงเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางมีความสุข

“หลังจากที่หยุนเหนียงดื่มยาตามใบสั่งของพี่สามไปแล้ว ร่างกายของนางก็ดีขึ้นอย่างชัดเจนเลย แม้แต่หมอหลวงประจำกายพระบิดาก็ยังแสดงท่าทางเหลือเชื่อออกมา…”

องค์รัชทายาทหลี่เชิงมองไปที่ซูฉินด้วยอาการสำนึกขอบคุณ

“อย่างนั้นหรือ?”

ซูฉินไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

เขาก็แค่ช่วยน้องสาวของตนเองในการกำจัดพลังธาตุหยินออกไป มันก็แค่นั้น ไม่ได้มีอะไรเลย

“ใช่แล้ว”

“ท่านจำเรื่องการลอบสังหารเมื่อวานได้หรือไม่?”

ทันใดนั้นองค์รัชทายาทหลี่เชิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะมองไปรอบข้างแล้วจึงกระซิบขึ้นมาเบาๆ

“เกิดอะไรขึ้น?”

อ่านนิยาย novelza.com

ซูฉินถามออกไปส่งๆ

“ข้าได้ไปหาพระบิดาในเช้าวันนี้ และรู้สึกว่าพระบิดาดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มันน่าจะเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารของคณะทูตจากหนานหมิงที่เกิดขึ้นเมื่อวาน…”

องค์รัชทายาทหลี่เชิงพูดสิ่งที่คาดเดาอยู่ในใจออกมา

แม้ว่าองค์จักรพรรดิถังไม่ได้บอกเขาอย่างชัดเจนในเวลานั้น แต่ก็ได้แอบบอกใบ้ออกมาสองสามคำโดยจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็มิอาจรู้ได้

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

ดูเหมือนยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งหกคนที่ออกจากวังไปเมื่อวานจะจับปลาตัวใหญ่ได้

มิฉะนั้นตามลักษณะนิสัยของจักรพรรดิถังแล้วนั้น ถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ครั้งใหญ่จริงๆ เขาจะไม่ประพฤติตนเช่นนี้

ต่อจากนั้นซูฉินก็สนทนากับองค์รัชทายาทหลี่เชิงต่ออีกสักพัก

ในความเป็นจริงก็คือ องค์รัชทายาทเป็นฝ่ายพูด ขณะที่ซูฉินเพียงฟังอย่างไม่ได้เคร่งเครียดอะไร

และเนื้อหาส่วนใหญ่ในการสนทนาขององค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับราชสำนัก เช่น ขุนนางที่ออกมาฟ้องร้องตัวเขา…

เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าจะได้เป็นองค์รัชทายาทด้วยคำยืนยันอันหนักแน่นขององค์จักรพรรดิ แต่ตำแหน่งนี้ก็ไม่ได้มั่นคงและต้องตั้งรับกับคำถามและข้อสงสัยมากมาย

“ถ้าในอนาคตเจ้าได้เป็นจักรพรรดิขึ้นมา เจ้าอยากจะทำอะไร?”

หลังจากคุยกันมาสักพัก ซูฉินก็ถามขึ้นอย่างไม่ได้จริงจังนัก

แม้ว่าหลี่เชิงจะมีโชคชะตาบ้านเมืองของอาณาจักรถังถึงหนึ่งส่วนสิบ ตราบเท่าที่เขาไม่ตายไปเสียก่อน ราชบัลลังก์ในอนาคตย่อมตกเป็นของหลี่เชิง

แต่ซูฉินก็อยากจะรู้ว่าหลี่เชิงวางแผนอนาคตไว้อย่างไร

“พี่สาม ท่านอย่าได้พูดอะไรเช่นนี้อีกต่อไปในอนาคต ตอนนี้สุขภาพของพระบิดาดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…” องค์รัชทายาทพูดอย่างร้อนรน

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำดังกล่าว

ร่างกายขององค์จักรพรรดิถังนั้นซูฉินไม่คิดว่ามันจะดีขึ้นได้อีก หากไม่ใช่เพราะยอดปรมาจารย์ยอมแลกชีวิตเพื่อช่วยชีวิต ป่านนี้เขาก็คงตายไปแล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นองค์จักรพรรดิถังก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อได้อีกนานนัก แม้แต่ตำนานยุทธหรืออรหันต์ก็ยังมีช่วงชีวิตที่จำกัด นับประสาอะไรกับชีวิตมนุษย์ธรรมดาเล่า?

“อาการดีขึ้น” ในสายตาขององค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่มีอะไรไปมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอก

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ซูฉินกลับมาที่ตำหนักชุนฝั่งขวาอีกครั้ง

“ใกล้แล้วล่ะ”

อ่านนิยาย novelza.com

“ต้องพยายามฝึกฝนคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งจนสำเร็จวิชาให้จงได้ จากนั้นก็สร้างการเปลี่ยนแปลงกายเนื้อครั้งที่สี่ให้สำเร็จไปพร้อมกันในทีเดียวเลย”

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วจึงเริ่มฝึกฝน

ในเวลาเดียวกัน

เมืองหนานหมิง

ภายในพระราชวัง

จักรพรรดิหมิงนั่งอยู่สูงบนเก้าอี้มังกร มองดูข้อมูลในมือของเขา

“การลอบสังหารล้มเหลว?”

จักรพรรดิหมิงพูดกับตนเองด้วยเสียงต่ำ ไม่มีโทนเสียงขึ้นลงเลย ราวกับเขากำลังพูดบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย

“รายงานฝ่าบาท”

“ไม่เพียงภารกิจล้มเหลวเท่านั้น หน่วยองครักษ์เสื้อแพรของข้าที่ประจำการอยู่ในฐานที่มั่นเมืองฉางอัน รวมถึงผู้บังคับกรมขุนนางต่างขาดการติดต่อไป…”

ผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรสวมชุดปลาบิน ที่หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลเย็น

“โอ้?”

อ่านนิยาย novelza.com

“การลอบสังหารไม่เพียงแต่จะล้มเหลว”

“แต่คนของเรายังถูกจับไปแบบเป็นๆ อีกงั้นรึ”

จักรพรรดิหมิงวางข้อมูลในมือของเขาลง มองไปที่ผู้บัญชาการและกล่าวคำเบาๆ

“ฝ่าบาท ขอพระราชทานอภัย”

“ขุนนางผู้นี้สมควรตายเป็นหมื่นๆ ครั้ง”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับพูดด้วยเสียงสั่น

ในอาณาจักรหนานหมิง คำว่าองครักษ์เสื้อแพร ไม่รู้ว่ามีกี่คนต่อกี่คนที่หวาดกลัวสามคำนี้มันราวกับเจอภูตผี แม้แต่องค์ชายและเหล่าขุนนางในราชสำนักก็ต้องกลัวหน่วยองครักษ์เสื้อแพร

แต่มีแค่เพียงผู้บัญชาการฯ เท่านั้นที่รู้ว่าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรก็เป็นเพียงสุนัขที่อยู่ภายใต้จักรพรรดิหมิงอีกที

หากสุนัขตัวนั้นมีประโยชน์ เป็นเรื่องปกติที่จักรพรรดิหมิงจะไม่ตระหนี่กับรางวัลที่ให้ไปเลย

แต่ถ้ามันไม่มีประโยชน์ ก็แค่เปลี่ยนไปใช้สุนัขตัวอื่น

บางทีหน่วยองครักษ์เสื้อแพรคงยังอยู่ แต่ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าเขาคือผู้บัญชาการ

“ขุนนางผู้นี้จะไปที่ฉางอันด้วยตัวเอง และเตรียมพร้อมสำหรับการลอบสังหารอีกครั้ง”

อ่านนิยาย novelza.com

องครักษ์เสื้อแพรก้มหัวเอาหน้าผากแตะพื้นพร้อมทั้งกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ไม่จำเป็น” หลังจากนั้นไม่นานเสียงของจักรพรรดิหมิงก็ค่อยๆ ดังขึ้น “ในเมื่อการลอบสังหารครั้งแรกล้มเหลวจึงไม่จำเป็นต้องทดลองอีกครั้งแล้วหละ”

เมื่อจักรพรรดิหมิงกล่าวเช่นนั้น เขาก็หยุดพูดไปชั่วครู่แล้วจึงพูดต่อ “ข้าจำได้ว่าครั้งก่อน มีองค์ชายจากต้าถังต้องการจะติดต่อขอความร่วมมือกับข้ามิใช่หรือ?”

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท