Sign in Buddha’s palm 214 พบเจ้าของดินแดน!
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว………….”
ชิงชิวเฉียนเฉียนกลืนน้ําลายลงคอ พูดต่อไม่ออกด้วยยังอยู่ในอาการตกใจ
ซูฉินทําลายกลุ่มค่ายกลสังหารเก้าชั้นของจ้าวทะเลบูรพาในทันทีที่มาถึงซึ่งการทําเช่นนี้ได้แม้จะเป็นช่วงรุ่งเรื่องของกระแสปราณฉีก็ยังน่าตกใจมาก
ใครคือจ้าวทะเลบูรพา?
แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกยุคนั้นแต่เขาก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่น้อย แต่กลับมีคนทําลายค่ายกลสังหารที่เขาตั้งขึ้นได้?
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบหมื่นปี ทําให้ค่ายกลสังหารอ่อนกําลังลงจนไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ฉากตรงหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน
ถ้าซูฉินรู้ถึงความคิดในใจชิงชิวเฉียนเฉียนล่ะก็เขาจะต้องหัวเราะออกมาเสียงดังแน่ๆ
หากกลุ่มค่ายกลสังหารมีคุณสมบัติธาตุชนิดอื่นๆซูฉินอาจจะต้องนิ่งงันไปพักใหญ่ แต่ค่ายกลสังหารประเภทเปลวเพลิงเป็นเหมือน “สารอาหาร” อันอุดมสมบูรณ์สําหรับซูฉันเลยทีเดียว
อีกาทองคําสามขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่กําเนิดมาจากดวงตะวันขนาดมหึมา และกินเปลวไฟของดวงตะวันตั้งแต่กําเนิดแม้ซูฉินจะด้อยกว่าอีกาทองคําสามขาตัวจริงแต่หลัง จากที่เขาเข้าใจแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาได้เขาก็เกือบจะจําลองพลังของอีกาทองคําสามขาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนสามารถเพิกเฉยต่อเปลวเพลิงส่วนใหญ่ในโลกนี้ได้
“ถ้ามีค่ายกลรูปแบบสังหารเก้าชั้นอีกสักหมื่นอันข้าคงจะฝึกวิชาจากแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมาสําเร็จแล้ว…”
ซูฉินลองประเมินดูคร่าวๆ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดําคล้ํา
แนวค่ายกลสังหารเก้าชั้นในทะเลสาบนั้นถูกจัดตั้งด้วยฝีมือของเซียนเทพปฐพีอย่างจ้าวทะเลบูรพาไม่ต้องถามหาอีกหนึ่งหมื่นอันเลยแม้แต่หลายสิบอันก็คงไม่อาจหาพบ
หัวใจของซูฉินหนักอึ้ง
แค่ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาภาพแรก ทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ก็มหาศาลดุจขุนเขาและมหาสมุทร แล้วแผ่นหินอีกสิบเอ็ดภาพถัดจากนี้สิ่งที่ใช้ในการบ่มเพาะจะมากมายขนา ดไหน
ตามที่ซูฉินได้ทําความเข้าใจมาจาก “สิบสองภาพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในการบ่มเพาะวิชาตามสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองความต้องการใช้ทรัพยากรในอนาคตจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ตัวอย่างเช่น เปรียบการใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะสําหรับภาพดวงตะวันขนาดมหึมาภาพแรกเป็นหนึ่งหน่วยฉะนั้นทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ในการบ่มเพาะแผ่นหินภาพ ที่สองคือสิบหน่วยและภาพที่สามคือหนึ่งร้อยหน่วย
“มีปัญหาซะแล้วสิ…”
ซูฉินถอนหายใจเบาๆ รู้สึกทําอะไรไม่ถูก
ตอนที่ซูฉินได้รับภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเขารู้เพียงว่ามันต้องใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะจํานวนมหาศาล แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่ามันมากเพียงใด
ซูฉินรู้เพียงแค่ว่ามันต้องใช้เยอะ เยอะจนซูฉินในปัจจุบันไม่สามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามัน มากแค่ไหน
แต่ตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับค่ายกลสังหารเก้าชั้นซูฉันก็รู้สึกขมขึ้นอย่างสุดหัวใจ
ไม่ต้องพูดถึงแผ่นหินที่เหลือในภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ดูจากการบริโภคพลังงานของแผ่นหินแผ่นแรกไปจนถึงแผ่ นหินแผ่นที่สามเกรงว่าทรัพยากรทั้งโลกคงจะถูกล้างผลาญไปจนหมดและสุดท้ายการบ่มเพาะอาจจะไม่ประสบความสําเร็จ
“แต่เมื่อฝึกฝนบ่มเพาะแล้ว แม้จะเป็นเพียงภาพดวงตะ วันขนาดมหึมาแผ่นแรกมันก็สามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน”
เมื่อซูฉันคิดเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงในทันที
ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นใช้ทรัพยากรมากมายจริงๆแต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงเรื่องของการหาทรัพยากรเท่านั้น แค่ต้องหามาให้ได้มากพอ
หากซูฉินสามารถกําเนิดร่างอีกาทองคําได้จริงๆแม้จะเป็นอีกาทองคําวัยเยาว์ ก็เพียงพอที่จะกดดันตัวตนขอบเขตเซียนเทพปฐพี
“กลุ่มค่ายกลสังหารถูกทําลายลงแล้ว”
“เข้าไปดูกันเถอะว่าจ้าวทะเลบูรพาทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง”
ซูฉินเหลือบมองไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรก้าวเท้าออกไปก็ปรากฏตัวอยู่บนเกาะเรียบร้อย
เมื่อเทียบกับทะเลสาบอันเป็นที่ตั้งค่ายกลสังหารแล้วเกาะแห่งนี้ดูปลอดภัยอย่างยิ่ง ในมุมมองของจ้าวทะเลบูร พาคงไม่คิดว่าจะมีใครสามารถผ่านกลุ่มค่ายกลสังหารเก้าชั้นที่อยู่ใต้ทะเลสาบมาได้
“นายท่าน”
“รอข้าด้วย”
ชิงชิวเฉียนเฉียนกัดฟันกลั้นใจ รีบเดินข้ามทะเลสาบตามซูฉินไป
จิ้งจอกตระกูลชิงชิวเฝ้าดูสถานที่ลับบนเกาะหยิงโจวแห่งนี้มาเกือบหมื่นปีแล้วแต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกปิดกั้นโดย กลุ่มค่ายกลสังหาร
ตอนนี้ซูฉินบุกฝ่าค่ายกลสังหารเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าชิงชิวเฉียนเฉียนเองก็ต้องการทราบว่ามีอะไรอยู่บนเกาะแห่ง
ไม่ใช่ว่าชิงชิวเฉียนเฉียนมีความต้องการจะหยิบฉวยสิ่งใดบนเกาะไปนางแค่อยากเห็นว่า สิ่งใดกันแน่ที่จิ้งจอกตระกูลชิงชิวหมายตามาเกือบหมื่นปี
ไม่ช้านาน
ชิงชิวเฉียนเฉียนก็ย่ําเท้าลงบนเกาะ
เมื่อเดินมาจนถึงที่นี่ ชิงชิวเฉียนเฉียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
เป็นเวลาเกือบหมื่นปีที่เผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวนับไม่ถ้วนต่างใฝ่หาแต่ไม่เคยได้สัมผัส
ชิงชิวเฉียนเฉียนเองก็เคยมาดูเกาะกลางน้ําแห่งนี้อยู่ หลายครั้งจากที่ไกลๆแต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบย่าง ขึ้นมาบนเกาะ
“ปราณฉีฟ้าดินอุดมสมบูรณ์มาก….”
ชิงชิวเฉียนเฉียนกล่าวด้วยเสียงต่ํา
“พลังงานกว่าหกส่วนของทั้งเกาะหยิงโจวถูกรวบรวมเอามาไว้ที่นี่มันจะไม่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร?”
ซูฉินเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉียนแล้วกล่าวอย่างสบายๆ
แม้ซูฉินจะก้าวเท้าขึ้นมาเหยียบเกาะแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าไปในทันที
แม้ว่าเกาะแห่งนี้จะดูปลอดภัยอย่างยิ่ง และจ้าวทะเลบูรพาไม่น่าจะวางค่ายกลสังหารเอาไว้บนเกาะแห่งนี้ แต่ซูฉินไม่เคยนําความปลอดภัยของตนไปแขวนไว้กับผู้อื่น
ผ่านไปหลายชั่วโมง ซูฉินกวาดสายตาไปทั่วทั้งเกาะหลายร้อยครั้งด้วยดวงตาแห่งสัจจะควบคู่ กับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดในที่สุดหลังจากทดสอบด้วยวิธีการมากมายหลายสิบวิธี อาทิจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เมื่อพบว่ามันปลอดภัยแล้วจริงๆเขาจึงเริ่มก้าว เท้าออกเดินอย่างช้าๆ
ส่วนชิงชิวเฉียนเฉียน นางติดตามซูฉินมาด้วยความสงสัยใคร่รู้และมองกวาดสํารวจทุกอย่างบนเกาะอย่างต่อเนื่อง
ซูฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่าย และเดินไปบนเกาะอย่างไม่ได้รีบร้อน
“บนเกาะไม่มีอะไร”
ชิงชิวเฉียนเฉียนพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากมองหาอยู่เป็นเวลานาน
ไม่นาน
ทั้งสองก็มาถึงใจกลางของเกาะ
เห็นถ้ําเซียนปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
“ที่นี่ คือถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเช่นนั้นหรือ?” ชิงชิวเฉียนเฉียนจ้องมองอย่างว่างเปล่า มีความรู้สึกมากมายอยู่ลึกๆภายในใจ
“นายท่าน รอยประทับฝ่ามือที่ทางเข้าถ้ําเซียนควรจะถูกทิ้งไว้โดยจ้าวทะเลบูรพาที่แท้จริง” ชิงชิวเฉียนเฉียนสังเกตเห็นรอยฝ่ามือสีแดงเพลิงบริเวณประตูหินสีดําหน้าถ้ําเซียนในทันที
“นายท่าน จะต้องมีเล่ห์กลใดที่จ้าวทะเลบูรพาทิ้งเอาไว้ แน่ดังนั้นจึงต้องระวัง ”
ชิงชิวเฉียนเฉียนปรากฏอาการประหม่าเด่นชัดบนใบหน้า
มาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ชิงชิวเฉียนเฉียนไม่อยากที่จะพลั้งพลาดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม
ในเวลาต่อมา
พลันปรากฏความรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นในดวงตาของชิงชิวเฉียนเฉียน
ซูฉินยกมือขึ้นและกดลงบนรอยฝ่ามือ ประตูหินสีดําหน้าถ้ําเซียนค่อยๆเปิดออกอย่างช้า เสียงคํารามลั่นเอี้ยดอ๊าด
ชิงชิวเฉียนเฉียนยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาว่างเปล่า
“มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น” ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย “รอยฝ่ามือนั่นเชื่อมโยงกับค่ายกลสังหารภายนอกและค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้ค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นได้ถูกทําลายลงและค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก็ถูกข้าควบคุมเอาไว้แล้วรอยประทับฝ่ามือนี้จึงกลายเป็นเพียงรอยฝ่ามือธรรมดาๆ”
ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย พร้อมกับร่ายยาวคําอธิบายยากๆ ให้เข้าใจได้ง่ายเพียงไม่กี่ประโยค
ในขณะนี้ซูฉินก็มีความคาดหวังเช่นเดียวกันถ้ําเซียนแห่งนี้เห็นได้ชัดว่าสร้างจากวัสดุพิเศษบางอย่างซึ่งสา มารถปิดกั้นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินได้
ดังนั้นก่อนที่ประตูถ้ําเซียนแห่งนี้จะถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์ซูฉินจึงมิอาจรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในถ้ํา
หลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ด้านหน้าก็พบห้องหนึ่งห้องที่ทําจากหิน
มีขวดและโหลมากมายภายในห้อง มีแม้แต่คัมภีร์โบราณความลับมากมายถูกวางทิ้งไว้ แต่น่าเสียดายที่เวลาผ่า นไปเกือบหมื่นปีทุกอย่างสลายไปจนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
โดยเฉพาะขวดเหล่านั้น โอสถภายในได้หายไปเกือบหมดและตอนนี้ก็เหลือโอสถแค่บางส่วนเท่านั้น
“ทั้งหมดมีแค่นี้หรือ…”
ใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียนเต็มไปด้วยความผิดหวัง
จิ้งจอกตระกูลชิงชิวหมายตาถ้ําเซียนแห่งนี้มาเกือบหมื่นปีแล้วตั้งตารอโอสถวิเศษน่าอัศจรรย์หรือไม่ ก็คัมภีร์วิชาอันไร้เทียมทาน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลังจากที่จ้าวทะเลบูรพาได้จากไปเวลาได้ผ่านไปหลายปี พลังของโอสถวิเศษน่า อัศจรรย์ต่างก็หมดฤทธิ์ไปเคล็ดวิชาไร้เทียมทานต่างก็ เสื่อมสลายหายไปเช่นกัน
ภายใต้อํานาจของกาลเวลานั้น ก็ไม่ได้เหลือสิ่งเหล่านั้นมากมายเหมือนเก่าอีกแล้ว
และเมื่อเวลายังผ่านไปอีกร้อยปี พันปีค่ายกลฟ้าดินและค่ายกลสังหารบนเกาะหยิงโจวก็จะเสื่อมสภาพกลายเป็นเพียงเศษดินเศษหินเท่านั้น
ร่างนั้นสวมชุดคลุมสีแดง ดวงตาหลุบต่ํานั่งอยู่เงียบๆราวกับกําลังจ้องมองนางอยู่
“นั่นคือ!”
“นั่นคือจ้าวทะเลบูรพา!!”
ใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียนซีดราวกับกระดาษ เสียงของนางสั่นเครือเมื่อมองไปเห็นร่างในท่านั่งขัดสมาธิ
บนเกาะหยิงโจวยังคงมีภาพเหมือนของจ้าวทะเลบูรพาเก็บเอาไว้ดังนั้นชิงชิวเฉียนเฉียนจึงจําได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นจ้าวทะเลบูรพา
ในขณะที่ขาแข้งของชิงชิวเฉียนเฉียนกําลังอ่อนแรงแทบจะคุกเข่าลงไปอยู่กับพื้น ในตอนนั้น เสียงสงบนิ่งก็ดังขึ้นมาจากที่ใกล้ๆ
“ไม่ต้องห่วง จ้าวทะเลบูรพาได้ตายไปแล้ว”
ดวงตาของซูฉินสงบอยู่เสมอ กล่าวออกมาอย่างสบายๆ
ผ่านมากว่าหมื่นปี ไม่ต้องพูดถึงการที่จ้าวทะเลบูรพาเป็นเซียนเทพปฐพี แม้ว่าเขาจะทะลวงขึ้นไปเหนือขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้
นอกเหนือจากตํานานเทพเซียนหรือตํานานองค์ยูไลซูฉินไม่เคยได้ยินว่าสิ่งมีชีวิตใดจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ นานนับหมื่นปี
บางที่กลุ่มสัตว์อสูรพิเศษบางชนิดอาจจะเป็นไปได้แต่จ้าวทะเลบูรพานั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง
นอกจากนี้ ซูฉินยังสังเกตพลังฉีด้วยดวงตาแห่งสัจจะและไม่พบพลังชีวิตใดๆ ภายในถ้ํา ดังนั้นเขาจึงสรุปว่าจ้าวทะเลบูรพานั้นได้ตายไปแล้ว
“ตายแล้ว?”
ชิงชิวเฉียนเฉียนตกตะลึง กัดฟันมองไปที่จ้าวทะเลบูรพาอีกครั้งก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่หายใจ
“จ้าวทะเลบูรพา จ้าวทะเลบูรพากําลังนั่งอยู่ที่นี่จริงๆ”ชิงชิวเฉียนเฉียนสงบลง กล่าวกับตนเองด้วยน้ําเสียงสั่นเทา
เป็นเวลาเกือบหมื่นปีที่จิ้งจอกตระกูลชิงชิวคิดว่าจ้าวทะเลบูรพาได้ตกตายอยู่เบื้องนอกแล้วแต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่เคยออกไปจากเกาะหยิงโจวเลย
เมื่อนึกถึงเรื่องที่จิ้งจอกตระกูลชิงชิวอาจจะครอบครองเกาะหยิงโจวต่อหน้าต่อตาจ้าวทะเลบูรพามาตลอด
หนังศีรษะของชิงชิวเฉียนเฉียนก็ชาวาบ
เมื่อเทียบกับชิงชิวเฉียนเฉียนที่กําลังตกใจซูฉินนั้นสงบนิ่งกว่ามาก
บางทีในสายตาของจิ้งจอกเผ่าชิงชิวจ้าวทะเลบูรพาอาจจะเคยเป็นนายเหนือหัวมีอํานาจสูงสุดในการควบคุมทะเลบูรพาครอบครองชีวิตความเป็นความตายของเหล่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิว
ส่วนซูฉิน จ้าวทะเลบูรพานั้นก็เป็นเพียงเซียนเทพปฐพี
แม้ว่าจะควรค่าแก่การเคารพ แต่สําหรับ “ความกลัว” ก็ไม่มีอะไรต้องพูดให้มากความ ตราบใดที่ซูฉินมีเวลาย่อมต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ไม่ช้าก็เร็ว
“มันคือการฝึกฝนร่างกายบางประเภทเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้อยู่ยงคงกระพันยาวนานนับหมื่นปีหรือเปล่า?
ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าแลดูครุ่นคิด
ด้วยสายตาของเขา จะเห็นได้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวทะเลบูรพาได้หายไปแล้ว หลงเหลือเพียงแค่กายเนื้อเพียงเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้วอายุขัยของกายเนื้อจะสั้นกว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตัวอย่างเช่นมารพุทธะที่ถูกผนึกอยู่ในภูเขาด้านหลังวัดเส้าหลินมาอย่างยาวนาน
แต่ตอนนี้จ้าวทะเลบูรพาสามารถรักษาร่างกายของตนให้คงอยู่มาอย่างยาวนาน เห็นได้ชัดว่าแปลกพิกล
“หือ?”
ขณะที่ซูฉินกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ สายตาของเขากวาดไปพบสิ่งที่จ้าวทะเลบูรพาถือครองไว้อยู่โดยไม่ตั้งใจทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจออกมา