เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 214 พบเจ้าของดินแดน!

ตอนที่ 214 พบเจ้าของดินแดน!

Sign in Buddha’s palm 214 พบเจ้าของดินแดน!

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว………….”

ชิงชิวเฉียนเฉียนกลืนน้ําลายลงคอ พูดต่อไม่ออกด้วยยังอยู่ในอาการตกใจ

ซูฉินทําลายกลุ่มค่ายกลสังหารเก้าชั้นของจ้าวทะเลบูรพาในทันทีที่มาถึงซึ่งการทําเช่นนี้ได้แม้จะเป็นช่วงรุ่งเรื่องของกระแสปราณฉีก็ยังน่าตกใจมาก

ใครคือจ้าวทะเลบูรพา?

แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกยุคนั้นแต่เขาก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่น้อย แต่กลับมีคนทําลายค่ายกลสังหารที่เขาตั้งขึ้นได้?

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบหมื่นปี ทําให้ค่ายกลสังหารอ่อนกําลังลงจนไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ฉากตรงหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน

ถ้าซูฉินรู้ถึงความคิดในใจชิงชิวเฉียนเฉียนล่ะก็เขาจะต้องหัวเราะออกมาเสียงดังแน่ๆ

หากกลุ่มค่ายกลสังหารมีคุณสมบัติธาตุชนิดอื่นๆซูฉินอาจจะต้องนิ่งงันไปพักใหญ่ แต่ค่ายกลสังหารประเภทเปลวเพลิงเป็นเหมือน “สารอาหาร” อันอุดมสมบูรณ์สําหรับซูฉันเลยทีเดียว

อีกาทองคําสามขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่กําเนิดมาจากดวงตะวันขนาดมหึมา และกินเปลวไฟของดวงตะวันตั้งแต่กําเนิดแม้ซูฉินจะด้อยกว่าอีกาทองคําสามขาตัวจริงแต่หลัง จากที่เขาเข้าใจแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาได้เขาก็เกือบจะจําลองพลังของอีกาทองคําสามขาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนสามารถเพิกเฉยต่อเปลวเพลิงส่วนใหญ่ในโลกนี้ได้

“ถ้ามีค่ายกลรูปแบบสังหารเก้าชั้นอีกสักหมื่นอันข้าคงจะฝึกวิชาจากแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมาสําเร็จแล้ว…”

ซูฉินลองประเมินดูคร่าวๆ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดําคล้ํา

แนวค่ายกลสังหารเก้าชั้นในทะเลสาบนั้นถูกจัดตั้งด้วยฝีมือของเซียนเทพปฐพีอย่างจ้าวทะเลบูรพาไม่ต้องถามหาอีกหนึ่งหมื่นอันเลยแม้แต่หลายสิบอันก็คงไม่อาจหาพบ

หัวใจของซูฉินหนักอึ้ง

แค่ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาภาพแรก ทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ก็มหาศาลดุจขุนเขาและมหาสมุทร แล้วแผ่นหินอีกสิบเอ็ดภาพถัดจากนี้สิ่งที่ใช้ในการบ่มเพาะจะมากมายขนา ดไหน

ตามที่ซูฉินได้ทําความเข้าใจมาจาก “สิบสองภาพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในการบ่มเพาะวิชาตามสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองความต้องการใช้ทรัพยากรในอนาคตจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

ตัวอย่างเช่น เปรียบการใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะสําหรับภาพดวงตะวันขนาดมหึมาภาพแรกเป็นหนึ่งหน่วยฉะนั้นทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ในการบ่มเพาะแผ่นหินภาพ ที่สองคือสิบหน่วยและภาพที่สามคือหนึ่งร้อยหน่วย

“มีปัญหาซะแล้วสิ…”

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ รู้สึกทําอะไรไม่ถูก

ตอนที่ซูฉินได้รับภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเขารู้เพียงว่ามันต้องใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะจํานวนมหาศาล แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่ามันมากเพียงใด

ซูฉินรู้เพียงแค่ว่ามันต้องใช้เยอะ เยอะจนซูฉินในปัจจุบันไม่สามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามัน มากแค่ไหน

แต่ตอนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับค่ายกลสังหารเก้าชั้นซูฉันก็รู้สึกขมขึ้นอย่างสุดหัวใจ

ไม่ต้องพูดถึงแผ่นหินที่เหลือในภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ดูจากการบริโภคพลังงานของแผ่นหินแผ่นแรกไปจนถึงแผ่ นหินแผ่นที่สามเกรงว่าทรัพยากรทั้งโลกคงจะถูกล้างผลาญไปจนหมดและสุดท้ายการบ่มเพาะอาจจะไม่ประสบความสําเร็จ

“แต่เมื่อฝึกฝนบ่มเพาะแล้ว แม้จะเป็นเพียงภาพดวงตะ วันขนาดมหึมาแผ่นแรกมันก็สามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน”

เมื่อซูฉันคิดเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงในทันที

ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นใช้ทรัพยากรมากมายจริงๆแต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงเรื่องของการหาทรัพยากรเท่านั้น แค่ต้องหามาให้ได้มากพอ

หากซูฉินสามารถกําเนิดร่างอีกาทองคําได้จริงๆแม้จะเป็นอีกาทองคําวัยเยาว์ ก็เพียงพอที่จะกดดันตัวตนขอบเขตเซียนเทพปฐพี

“กลุ่มค่ายกลสังหารถูกทําลายลงแล้ว”

“เข้าไปดูกันเถอะว่าจ้าวทะเลบูรพาทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง”

ซูฉินเหลือบมองไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรก้าวเท้าออกไปก็ปรากฏตัวอยู่บนเกาะเรียบร้อย

เมื่อเทียบกับทะเลสาบอันเป็นที่ตั้งค่ายกลสังหารแล้วเกาะแห่งนี้ดูปลอดภัยอย่างยิ่ง ในมุมมองของจ้าวทะเลบูร พาคงไม่คิดว่าจะมีใครสามารถผ่านกลุ่มค่ายกลสังหารเก้าชั้นที่อยู่ใต้ทะเลสาบมาได้

“นายท่าน”

“รอข้าด้วย”

ชิงชิวเฉียนเฉียนกัดฟันกลั้นใจ รีบเดินข้ามทะเลสาบตามซูฉินไป

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวเฝ้าดูสถานที่ลับบนเกาะหยิงโจวแห่งนี้มาเกือบหมื่นปีแล้วแต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกปิดกั้นโดย กลุ่มค่ายกลสังหาร

ตอนนี้ซูฉินบุกฝ่าค่ายกลสังหารเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าชิงชิวเฉียนเฉียนเองก็ต้องการทราบว่ามีอะไรอยู่บนเกาะแห่ง

ไม่ใช่ว่าชิงชิวเฉียนเฉียนมีความต้องการจะหยิบฉวยสิ่งใดบนเกาะไปนางแค่อยากเห็นว่า สิ่งใดกันแน่ที่จิ้งจอกตระกูลชิงชิวหมายตามาเกือบหมื่นปี

ไม่ช้านาน

ชิงชิวเฉียนเฉียนก็ย่ําเท้าลงบนเกาะ

เมื่อเดินมาจนถึงที่นี่ ชิงชิวเฉียนเฉียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

เป็นเวลาเกือบหมื่นปีที่เผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวนับไม่ถ้วนต่างใฝ่หาแต่ไม่เคยได้สัมผัส

ชิงชิวเฉียนเฉียนเองก็เคยมาดูเกาะกลางน้ําแห่งนี้อยู่ หลายครั้งจากที่ไกลๆแต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบย่าง ขึ้นมาบนเกาะ

“ปราณฉีฟ้าดินอุดมสมบูรณ์มาก….”

ชิงชิวเฉียนเฉียนกล่าวด้วยเสียงต่ํา

“พลังงานกว่าหกส่วนของทั้งเกาะหยิงโจวถูกรวบรวมเอามาไว้ที่นี่มันจะไม่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร?”

ซูฉินเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉียนแล้วกล่าวอย่างสบายๆ

แม้ซูฉินจะก้าวเท้าขึ้นมาเหยียบเกาะแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าไปในทันที

แม้ว่าเกาะแห่งนี้จะดูปลอดภัยอย่างยิ่ง และจ้าวทะเลบูรพาไม่น่าจะวางค่ายกลสังหารเอาไว้บนเกาะแห่งนี้ แต่ซูฉินไม่เคยนําความปลอดภัยของตนไปแขวนไว้กับผู้อื่น

ผ่านไปหลายชั่วโมง ซูฉินกวาดสายตาไปทั่วทั้งเกาะหลายร้อยครั้งด้วยดวงตาแห่งสัจจะควบคู่ กับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดในที่สุดหลังจากทดสอบด้วยวิธีการมากมายหลายสิบวิธี อาทิจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เมื่อพบว่ามันปลอดภัยแล้วจริงๆเขาจึงเริ่มก้าว เท้าออกเดินอย่างช้าๆ

ส่วนชิงชิวเฉียนเฉียน นางติดตามซูฉินมาด้วยความสงสัยใคร่รู้และมองกวาดสํารวจทุกอย่างบนเกาะอย่างต่อเนื่อง

ซูฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่าย และเดินไปบนเกาะอย่างไม่ได้รีบร้อน

“บนเกาะไม่มีอะไร”

ชิงชิวเฉียนเฉียนพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากมองหาอยู่เป็นเวลานาน

ไม่นาน

ทั้งสองก็มาถึงใจกลางของเกาะ

เห็นถ้ําเซียนปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าพวกเขา

“ที่นี่ คือถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเช่นนั้นหรือ?” ชิงชิวเฉียนเฉียนจ้องมองอย่างว่างเปล่า มีความรู้สึกมากมายอยู่ลึกๆภายในใจ

“นายท่าน รอยประทับฝ่ามือที่ทางเข้าถ้ําเซียนควรจะถูกทิ้งไว้โดยจ้าวทะเลบูรพาที่แท้จริง” ชิงชิวเฉียนเฉียนสังเกตเห็นรอยฝ่ามือสีแดงเพลิงบริเวณประตูหินสีดําหน้าถ้ําเซียนในทันที

“นายท่าน จะต้องมีเล่ห์กลใดที่จ้าวทะเลบูรพาทิ้งเอาไว้ แน่ดังนั้นจึงต้องระวัง ”

ชิงชิวเฉียนเฉียนปรากฏอาการประหม่าเด่นชัดบนใบหน้า

มาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ชิงชิวเฉียนเฉียนไม่อยากที่จะพลั้งพลาดอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม

ในเวลาต่อมา

พลันปรากฏความรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นในดวงตาของชิงชิวเฉียนเฉียน

ซูฉินยกมือขึ้นและกดลงบนรอยฝ่ามือ ประตูหินสีดําหน้าถ้ําเซียนค่อยๆเปิดออกอย่างช้า เสียงคํารามลั่นเอี้ยดอ๊าด

ชิงชิวเฉียนเฉียนยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาว่างเปล่า

“มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น” ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย “รอยฝ่ามือนั่นเชื่อมโยงกับค่ายกลสังหารภายนอกและค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้ค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นได้ถูกทําลายลงและค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก็ถูกข้าควบคุมเอาไว้แล้วรอยประทับฝ่ามือนี้จึงกลายเป็นเพียงรอยฝ่ามือธรรมดาๆ”

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย พร้อมกับร่ายยาวคําอธิบายยากๆ ให้เข้าใจได้ง่ายเพียงไม่กี่ประโยค

ในขณะนี้ซูฉินก็มีความคาดหวังเช่นเดียวกันถ้ําเซียนแห่งนี้เห็นได้ชัดว่าสร้างจากวัสดุพิเศษบางอย่างซึ่งสา มารถปิดกั้นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินได้

ดังนั้นก่อนที่ประตูถ้ําเซียนแห่งนี้จะถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์ซูฉินจึงมิอาจรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในถ้ํา

หลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ด้านหน้าก็พบห้องหนึ่งห้องที่ทําจากหิน

มีขวดและโหลมากมายภายในห้อง มีแม้แต่คัมภีร์โบราณความลับมากมายถูกวางทิ้งไว้ แต่น่าเสียดายที่เวลาผ่า นไปเกือบหมื่นปีทุกอย่างสลายไปจนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว

โดยเฉพาะขวดเหล่านั้น โอสถภายในได้หายไปเกือบหมดและตอนนี้ก็เหลือโอสถแค่บางส่วนเท่านั้น

“ทั้งหมดมีแค่นี้หรือ…”

ใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียนเต็มไปด้วยความผิดหวัง

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวหมายตาถ้ําเซียนแห่งนี้มาเกือบหมื่นปีแล้วตั้งตารอโอสถวิเศษน่าอัศจรรย์หรือไม่ ก็คัมภีร์วิชาอันไร้เทียมทาน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลังจากที่จ้าวทะเลบูรพาได้จากไปเวลาได้ผ่านไปหลายปี พลังของโอสถวิเศษน่า อัศจรรย์ต่างก็หมดฤทธิ์ไปเคล็ดวิชาไร้เทียมทานต่างก็ เสื่อมสลายหายไปเช่นกัน

ภายใต้อํานาจของกาลเวลานั้น ก็ไม่ได้เหลือสิ่งเหล่านั้นมากมายเหมือนเก่าอีกแล้ว

และเมื่อเวลายังผ่านไปอีกร้อยปี พันปีค่ายกลฟ้าดินและค่ายกลสังหารบนเกาะหยิงโจวก็จะเสื่อมสภาพกลายเป็นเพียงเศษดินเศษหินเท่านั้น

ร่างนั้นสวมชุดคลุมสีแดง ดวงตาหลุบต่ํานั่งอยู่เงียบๆราวกับกําลังจ้องมองนางอยู่

“นั่นคือ!”

“นั่นคือจ้าวทะเลบูรพา!!”

ใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียนซีดราวกับกระดาษ เสียงของนางสั่นเครือเมื่อมองไปเห็นร่างในท่านั่งขัดสมาธิ

บนเกาะหยิงโจวยังคงมีภาพเหมือนของจ้าวทะเลบูรพาเก็บเอาไว้ดังนั้นชิงชิวเฉียนเฉียนจึงจําได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นจ้าวทะเลบูรพา

ในขณะที่ขาแข้งของชิงชิวเฉียนเฉียนกําลังอ่อนแรงแทบจะคุกเข่าลงไปอยู่กับพื้น ในตอนนั้น เสียงสงบนิ่งก็ดังขึ้นมาจากที่ใกล้ๆ

“ไม่ต้องห่วง จ้าวทะเลบูรพาได้ตายไปแล้ว”

ดวงตาของซูฉินสงบอยู่เสมอ กล่าวออกมาอย่างสบายๆ

ผ่านมากว่าหมื่นปี ไม่ต้องพูดถึงการที่จ้าวทะเลบูรพาเป็นเซียนเทพปฐพี แม้ว่าเขาจะทะลวงขึ้นไปเหนือขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้

นอกเหนือจากตํานานเทพเซียนหรือตํานานองค์ยูไลซูฉินไม่เคยได้ยินว่าสิ่งมีชีวิตใดจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ นานนับหมื่นปี

บางที่กลุ่มสัตว์อสูรพิเศษบางชนิดอาจจะเป็นไปได้แต่จ้าวทะเลบูรพานั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง

นอกจากนี้ ซูฉินยังสังเกตพลังฉีด้วยดวงตาแห่งสัจจะและไม่พบพลังชีวิตใดๆ ภายในถ้ํา ดังนั้นเขาจึงสรุปว่าจ้าวทะเลบูรพานั้นได้ตายไปแล้ว

“ตายแล้ว?”

ชิงชิวเฉียนเฉียนตกตะลึง กัดฟันมองไปที่จ้าวทะเลบูรพาอีกครั้งก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่หายใจ

“จ้าวทะเลบูรพา จ้าวทะเลบูรพากําลังนั่งอยู่ที่นี่จริงๆ”ชิงชิวเฉียนเฉียนสงบลง กล่าวกับตนเองด้วยน้ําเสียงสั่นเทา

เป็นเวลาเกือบหมื่นปีที่จิ้งจอกตระกูลชิงชิวคิดว่าจ้าวทะเลบูรพาได้ตกตายอยู่เบื้องนอกแล้วแต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่เคยออกไปจากเกาะหยิงโจวเลย

เมื่อนึกถึงเรื่องที่จิ้งจอกตระกูลชิงชิวอาจจะครอบครองเกาะหยิงโจวต่อหน้าต่อตาจ้าวทะเลบูรพามาตลอด

หนังศีรษะของชิงชิวเฉียนเฉียนก็ชาวาบ

เมื่อเทียบกับชิงชิวเฉียนเฉียนที่กําลังตกใจซูฉินนั้นสงบนิ่งกว่ามาก

บางทีในสายตาของจิ้งจอกเผ่าชิงชิวจ้าวทะเลบูรพาอาจจะเคยเป็นนายเหนือหัวมีอํานาจสูงสุดในการควบคุมทะเลบูรพาครอบครองชีวิตความเป็นความตายของเหล่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิว

ส่วนซูฉิน จ้าวทะเลบูรพานั้นก็เป็นเพียงเซียนเทพปฐพี

แม้ว่าจะควรค่าแก่การเคารพ แต่สําหรับ “ความกลัว” ก็ไม่มีอะไรต้องพูดให้มากความ ตราบใดที่ซูฉินมีเวลาย่อมต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ไม่ช้าก็เร็ว

“มันคือการฝึกฝนร่างกายบางประเภทเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้อยู่ยงคงกระพันยาวนานนับหมื่นปีหรือเปล่า?

ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าแลดูครุ่นคิด

ด้วยสายตาของเขา จะเห็นได้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวทะเลบูรพาได้หายไปแล้ว หลงเหลือเพียงแค่กายเนื้อเพียงเท่านั้น

โดยทั่วไปแล้วอายุขัยของกายเนื้อจะสั้นกว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตัวอย่างเช่นมารพุทธะที่ถูกผนึกอยู่ในภูเขาด้านหลังวัดเส้าหลินมาอย่างยาวนาน

แต่ตอนนี้จ้าวทะเลบูรพาสามารถรักษาร่างกายของตนให้คงอยู่มาอย่างยาวนาน เห็นได้ชัดว่าแปลกพิกล

“หือ?”

ขณะที่ซูฉินกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ สายตาของเขากวาดไปพบสิ่งที่จ้าวทะเลบูรพาถือครองไว้อยู่โดยไม่ตั้งใจทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจออกมา

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท