เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 219 หาพบแล้ว?

ตอนที่ 219 หาพบแล้ว?

Sign in Buddha’s palm 219 หาพบแล้ว?

“หนึ่ง”

ผู้อาวุโสเฉว่ยวแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะและคนอื่นๆ ค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากได้ยินสิ่งนี้

แม้ว่าระยะทางหนึ่งลี้เมื่อเทียบกับทะเลบูรพาที่กว้างใหญ่จะเป็นแค่น้ําหนึ่งหยดท่ามกลางผืนน้ําอันกว้างใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่างมหาทีละตารางนิ้ว

“อย่างไรก็ตาม ผ่านมาเกือบหมื่นปีแล้ว ค่ายกลฟ้าดินที่ปกคลุมถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพามิพังทลายลงแล้วหรอกหรือ”

“หากปราศจากค่ายกลฟ้าดินคอยกําบัง ถ้ําเซียนหลังนั้นมิใช่ว่าถูกค้นไปก่อนแล้วรึ?”

นักพรตเต๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยน้ําเสียงอันแผ่วเบา

คําที่กล่าวออกมา

สีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

สิ่งนี้อาจจะเป็นจริง

สุดท้ายแล้วช่วงเวลากว่าหมื่นปี โลกแปรเปลี่ยนผันตลอดเวลา แม้แต่ผืนฟ้าผืนดินก็ยังเปลี่ยนไป ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดเลยหรือ?

สําหรับค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นั้น…..

หลังจากเวลาผ่านไปนานเพียงนี้ เกรงว่าค่ายกลฟ้าดินคงจะเสื่อมสภาพไปนานแล้ว คงมิสามารถปกป้องถ้ําเซียนไว้ได้แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถข้าไปเอาสมบัติของจ้าวทะเลบูรพาได้

“เป็นไปไม่ได้”

หมิงโยวในชุดคลุมสีดําปฏิเสธเสียงแข็ง “จ้าวทะเลบูรพาเคยพบน้ําพุจิตวิญญาณจากดินแดนทางตอนเหนืออันห่างไกล อาศัยค่ายกลฟ้าดินที่สร้างโดยจ้าวทะเลบูรพาควบคู่ไปกับน้ําพุจิตวิญญาณก็เพียงพอที่จะทําให้ค่ายกลฟ้าดินสามา รถดํารงอยู่มาถึงปัจจุบัน”

“ตราบใดที่ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จํานวนมากยังคงตั้งอยู่ แม้ว่ามันจะเสื่อมสภาพลงไปบุคคลภายนอกก็ไม่มีทางเข้า ไปได้”

หมิงโยวกล่าวทุกคําออกมา

“น้ําพุจิตวิญญาณ?”

รูม่านตาของเฉวยี่หดตัวลงเล็กน้อย

ตําหนักเทพเจ้าหิมะ ในฐานะที่เป็นนิกายใหญ่ระดับสูงสุดย่อมรู้ดีว่าน้ําพุจิตวิญญาณคือสิ่งใดเป็นการรวมตัวกันของจิตใจแห่งฟ้าดิน ตํานานยุทธธรรมดาๆ สามารถพุ่งทะยานก้าวข้ามระดับขั้นของตนเองได้ด้วยสิ่งนี้แม้จะเป็นตัวต ระดับเซียนเทพปฐพี เมื่อพวกเขาพบน้ําพุจิตวิญญาณก็ต้องนับมันเป็นสมบัติล้ําค่าเช่นกัน

“ถ้าเป็นน้ําพุจิตวิญญาณจริงๆ ข้าเกรงว่าถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาคงจะยังคงมีอยู่”

ใบหน้าของนักพรตเต๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถอนลมหายใจออกมา

“สหายเต้าหมิงโยว เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าควรจะบอกวิธีลับในการค้นหาถ้ําเซียน พวกเราจะได้ประหยัดเวลาโดยใช้วิธีลับนั้นแยกกันค้นหา…”

ชายสะพายดาบยาวที่มาจากพรรคหมื่นดาบก็กล่าวขึ้นมา

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคําพูดนั้น ดวงตาของพวกเขาก็สว่างสดใสในขณะเดียวกันก็มองไปทางหมิงโยว

“ต้องการจะรู้วิธีลับ?”

หมิงโยวในชุดคลุมสีดําเยาะเย้ยขึ้นมา “เจ้าคิดว่าข้าจะมอบวิธีลับให้เจ้าหรือ?”

วิธีลับนี้เป็นกุญแจสําคัญในการค้นหาถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา หากหมิงโยวบอกออกมาแล้วคนอื่นๆ พบถ้ําเซียนก่อนจากนั้นจึงแอบย่องเข้าไปเพียงผู้เดียว มิใช่ว่าเขาทําได้เพียงทนเจ็บช้ําใจหรอกหรือ

“อะแฮ่ม”

ชายสะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบกระแอมไอเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมาด้วยความเขินอาย “ในเมื่อสหายเต่าหมิงโยวไม่ต้องการจะบอกวิธีลับ ข้าก็จะไม่บังคับ”

ดวงตาของคนอื่นๆ ต่างกะพริบปริบๆ แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในแง่ของความแข็งแกร่ง หมิงโยวเป็นหนึ่งในตํานานยุทธที่ใกล้เคียงกับขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธที่สุดในยุทธภพต่างดินแดน และสิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็คือการเอาตัวรอด หากหมิงโยวไม่เต็มใจที่จะมอบวิธีลับพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะเอามันมาได้

“ยิ้ม”

หมิงโยวในชุดคลุมสีดําไม่ได้สนใจความคิดของผู้อาวุโสคนอื่นๆ เหตุผลที่เขาบอกเกี่ยวกับถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาไม่ใช่ว่าไม่หวังผลตอบแทน ความตั้งใจของเขาคือการใช้ประโยชน์ผู้อาวุโสจากนิกายใหญ่เหล่านี้

ผู้อาวุโสเหล่านี้จะต้องไปทดสอบค่ายกลสังหารรอบถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา หาทางเข้าให้แก่เขา

นั่นคือแผนที่เขาเก็บเงียบเอาไว้

แม้จะกล่าวว่ามันเป็นแผน แต่จะบอกว่ามันไม่ใช่แผนก็ได้

ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสเฉว่ยวหรือชายสะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบ มีใครไม่รู้บ้างว่าหมิงโยวกําลังวางแผนใช้งานพวกเขาอยู่?

แต่แล้วอย่างไรเล่า?

สําหรับถ้ําเซียนของเซียนเทพปฐพีขั้นสูงสุดนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการหลอกใช้เลย แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตบางคนก็เลือกที่จะกระโจนลงไป

เมื่อกระแสปราณฉีฟื้นคืนขึ้นไปอีกในอนาคต โลกอันยิ่งใหญ่นี้จะเฟื่องฟู หากไม่สามารถเริ่มก้าวแรกได้ไม่ช้าก็เร็วยอมต้องถูกแซงโดยผู้ที่แข็งแกร่งคนอื่นในอนาคต

“เอาล่ะ”

“พวกเรามาเริ่มกันเถอะ”

หมิงโยวในชุดดําเผยแววตาเย็นชา และเห็นว่าเขาล้วงหยิบหยกอันหนึ่งออกมา และทุบมันในทันที

ฉับพลัน

หยาดโลหิตแวววาวเปล่งประกายก็ไหลออกมาจากหยก

“นี่คือสิ่งใด?” นักพรตจากสํานักเอกะวิถีจ้องมองไปที่ประกายแสงสีเลือดนี้ด้วยความงุนงง

“สิ่งนี้คือของของนิกายเฮยหยวน ประกายโลหิตนี้สกัดมาจากร่างของลูกหลานศิษย์ของจ้าวทะเลบูรพา”

“มันได้รับการขัดเกลาปรับแต่งโดยวิธีการลับของนิกายเฮยหยวน ตราบใดที่มันอยู่ภายในรัศมีหนึ่งล้ําจากถ้ําเซียนข องจ้าวทะเลบูรพามันจะส่องแสงออกมา”

หมิงโยวอธิบายออกมาสองสามประโยคเหลือบมองฝูงชนแล้วจึงพูดต่อ“พวกเจ้าจงติดตามข้ามาอย่างใกล้ชิด

ในเวลาเดียวกัน

บนเกาะหยิงโจว

การพัฒนาฐานบ่มเพาะของซูฉินก็มาถึงช่วงสาคัญเช่นกัน

ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ น้ําพุจิตวิญญาณกระจายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจิตใจแห่งฟ้าดินปริมาณมากมายมหาศาลซูฉินสูบกลืนพวกมันไปจนหมด

จิตใจแห่งฟ้าดินจํานวนมากเข้ามาในร่างกาย ผลที่ตามมาคือซูฉันรู้สึกเหมือนตัวของเขากําลังจะระเบิดพลังงานภายในผันผวนอย่างมากสะท้อนไปมาภายในร่าง

หากจ้าวทะเลบูรพากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาจะต้องตกตะลึงเมื่อเห็นซูฉินใช้ตาน้ําพุจิตวิญญาณในลักษณะนี้

ตาน้ําพุจิตวิญญาณเป็นการรวมตัวกันของจิตใจแห่งฟ้าดินจํานวนมากแม้แต่ตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างเช่นเซียนเทพปฐพีก็ยังต้องดูดซึมมันอย่างช้าๆแต่ซูฉินกลับสูบกลิ่นในเข้าไปในอึดใจเดียว

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของซูฉินผ่านการแปรสภาพมาแล้วถึงห้าครั้งจนไร้เทียมทาน ร่างของเขาคงจะระเบิดและตายไปแล้วในเวลานี้

“อีกเพียงนิดเดียว”

ใบหน้าของซูฉินเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง

การทะลวงขั้นจากระดับนภาชั้นที่เจ็ดไปยังนภาชั้นที่แปดแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนกับการทะลวงระดับนภาชั้นที่หกไปยังนภาชั้นที่เจ็ด แต่ก็ไม่ควรประมาท

ในระดับนี้ ทุกก้าวย่างของความเปลี่ยนแปลงส่งผลถึงแก่ชีวิตแม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งเช่นซูฉิน เขาก็ต้องระมัดระวังและไม่กล้าละเลยความปลอดภัย

เพราะซูฉันรู้ว่าในการฝึกฝนวิทยายุทธ ความประมาทจะก่อให้เกิดอันตรายแฝงที่มิอาจคาดเดาได้

หากไม่มีสมบัติวิเศษเช่นตาน้ําพุจิตวิญญาณ ซูฉินก็พร้อมที่จะค่อยๆ ทะลวงขั้นอย่างช้าๆ ภายในเวลาห้าถึงหกปี

ในเวลาต่อมา

แก่นแท้แห่งพลังภายในร่างของซูฉินก็เดือดพล่านหลอมรวมเข้ากับจิตใจแห่งฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วนและพุ่งขึ้นทะลวงคอขวดของระดับนภาชั้นที่แปด

บูม!!!

เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังก้องอยู่ภายในจิตใจของซูฉิน

ด้วยการกระแทกอย่างเต็มความสามารถ คอขวดของระดับนภาชั้นที่แปดก็ค่อยๆ สั่นคลอนและคลายตัวออก

“กระแทกเข้าไปอีกครั้ง”

ซูฉินไม่หยุดมือ เขารวบรวมแก่นแท้แห่งพลังและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเข้าโจมตีคอขวดของระดับนภาชั้นที่แปดอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้ น้ําพุจิตวิญญาณก็แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของมัน

หากไม่มีจิตใจแห่งฟ้าดิน ซูฉินอาจจะกระแทกคอขวดได้เพียงครั้งเดียวสองครั้ง หรืออาจจะสามครั้งจากนั้นแก่นแท้แห่งพลังละจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะหมดลง และต้องใช้เวลาฟื้นฟูระยะหนึ่ง

แต่ตอนนี้ ด้วยมีจิตใจแห่งฟ้าดินคอยเติมเต็มพลังงานที่เสียไปซูฉินสามารถกระแทกคอขวดได้อย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้นซูฉินก็โจมตีคอขวดของระดับนภาชั้นที่แปดอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่น้ําพุจิตวิญญาณยังไม่หมดซูฉินก็จะไม่หยุด

สิบครั้ง ยี่สิบครั้ง สามสิบครั้ง

น้ําพุจิตวิญญาณที่พวยพุ่งออกมาเริ่มอ่อนแรงลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ในตอนนี้คอขวดของระดับนภาชั้นที่แปดก็เริ่มแตกร้าว

“ตอนนี้แหละ!”

หวิ่ง!!

ราวกับโลกทั้งใบพลันเงียบกริบ คอขวดนภาชั้นที่แปดค่อยๆ แตกสลาย ไอพลังของซูฉินเริ่มพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วกระจายไปทั่วทุกตารางนิวภายในถ้ําเซียน

เมื่อเวลาผ่านไป ไอพลังของซูฉินก็ได้ทะลุผ่านถ้ําเซียนออกไปทั่วเกาะหยิงโจวอย่างเงียบๆ

บนเกาะหยิงโจว

“ฐานการบ่มเพาะของนายท่านคือระดับไหนกันแน่ทําไมข้าถึงรู้สึกว่าปราณฉีและจิตใจแห่งฟ้าดินบนเกาะหยิงโจวจึงค่อยๆเดือดแห้งไป?”

สีหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียนตกตะลึง

นางอาศัยอยู่บนเกาะหยิงโจวมาหลายปีแล้ว และเป็นปกติที่จะรู้ว่าบนเกาะหยิงโจวมีพลังงานและจิตใจแห่งฟ้าดิน มากมายเพียงใดหากมันถูกสูบไปน้อยกว่านี้ ชิงชิวเฉียน เฉียนอาจจะไม่ทันรู้ตัวแต่นี่ไม่ใช่น้อยๆ มันลดลงไปอย่างมหาศาล

ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ชิงชิวเฉียนเฉียนคิดออกนั้นก็คือซูฉิน

“เป็นไปได้หรือไม่ที่นายท่านกลืนน้ําพุจิตวิญญาณทั้งหมดลงไป?”

ชิงชิวเฉียนเฉียนรู้สึกยากที่จะเชื่อ แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าตาน้ําพุจิตวิญญาณนั้นล้ําค่าเพียงใด แต่อาศัยเพียงช่วงที่นางได้เห็นมันก่อนหน้านี้ นางก็รู้ได้ถึงพลังงานทางจิตวิญญาณอันมากมายมหาศาลที่อยู่ภายในน้ําพุจิตวิญญาณก ลุ่มนั้น

น้ําพุจิตวิญญาณที่ถูกใช้เพื่อหล่อเลี้ยงเกาะหยิงโจวมาเก๊อบหมื่นปี

ในขณะที่ชิงชิวเฉียนเฉียนกําลังรู้สึกประหลาดใจและสับสนอยู่นั้น

ครีนครืน

เห็นไอพลังอันหนาแน่นพุ่งออกมาจากเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบและกระจายออกไปทั่วทั้งเกาะหยิงโจวภายใต้ชื่อพลังนี้ชิงชิวเฉียนเฉียนรู้สึกเหมือนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่กดทับลงมาไม่มีความกล้าที่จะหันไปมองตรงๆ

ในช่วงเวลาต่อมา

ต่อหน้าสายตาอึ้งทึ่งของชิงชิวเฉียนเฉียน

ไอพลังอันหนาแน่นที่พุ่งออกมาจากถ้ําเซียนอย่างกะทันหันก็เริ่มเขย่าค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเกาะหยิงโจวเอาไว้ให้สั่นสะเทือน

“ไม่ดีแล้ว!”

ชิงชิวเฉียนเฉียนตกใจ และเริ่มใช้วิธีการที่ซูฉินได้บอกแก่นางค่อยๆ จัดการกับค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ละนิด

แต่ก็เท่านั้น

น่าเสียดาย

แม้ว่าชิงชิวเฉียนเฉียนจะพยายามหยุดมันมากเท่าไหร่แต่ไอพลังอันหนาแน่นนี้ก็ยังสามารถระเบิดสร้างรอยแยกขึ้นมาที่ค่ายกลฟ้าดินทําให้กลิ่นอายของเกาะหยิงโจวเล็ดลอดออกไป

“กลิ่นอายเพียงแค่เล็กน้อย ไม่น่าจะมีปัญหาใดใช่หรือไม่?” ชิงชิวเฉียนเฉียนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพึมพําอยู่กับตนเอง

และในตอนนั้นเอง

เหล่านิกายใหญ่ในต่างแดนก็กําลังออกค้นหาไปตามพื้นที่ทะเลบูรพาอย่างรวดเร็ว

“สหายหมิงโยว ทะเลบูรพากว้างใหญ่เกินไปหากเรายังคงตามหาอยู่เช่นนี้ เกรงว่าคงจะหาไม่พบแม้จะตามหาไปอีกหลายปีเช่นนั้นงานที่ผู้นํานิกายไหว้วานมาควรจะทําเช่นไร…”

นักพรตสํานักเอกะวิถีขมวดคิ้วเล็กน้อย

พวกเขาออกค้นหาในทะเลบูรพามาเกือบหนึ่งเดือนแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย

เมื่อหมิงโยวในชุดคลุมสีดําได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยุดชะงักมองประกายแสงสีเลือดที่ลอยอยู่เบื้องหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า

“หนึ่งเดือน”

“ตามหาอีกหนึ่งเดือน ถ้าหนึ่งเดือนต่อจากนี้ยังไม่พบ เบาะแสใดพวกเราก็จะกลับไปยังพื้นที่จุดตัดเพื่อค้นหาสาเหตุการตายของศิษย์นิกายใหญ่”

คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ถ้ําเซียนของเซียนเทพปฐพี่นั้นเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่แต่สิ่งสําคัญคือต้องหามันให้เจอก่อน

ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

ละอองแสงสีเลือดเบื้องหน้าหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพลันเดือดพล่านและชี้ไปยังตําแหน่งหนึ่ง

เมื่อหมิงโยวเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของมันก็เปลี่ยนไปเห็นได้ชัดว่าดีใจอย่างมาก

“ข้าพบแล้ว ข้าพบถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาแล้ว”

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท