ซูฉินเก็บคมมีดเทพเจ้าปีศาจกลับไป ก้าวย่างไปด้านหน้าลอยขึ้นบนอากาศเดินเข้าหามังกรปีศาจ
“อะไร?!”
เมื่อยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งหลายได้เห็นฉากนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
มังกรปีศาจเก่งกาจในด้านการต่อสู้ด้วยกําลังกายระยะประชิดหากซูฉันต้องการจัดการกับมังกรปีศาจวิธีที่ดีที่สุดคือการหลบหนีจากการปะทะของมัน และเฉือนมังกรปีศาจอย่างต่อเนื่องด้วยคมมีดในมือของเขา
แต่ตอนนี้ซูฉินกลับพุ่งตรงเข้าหามังกรปีศาจ
“กร้าซ!”
เมื่อมังกรปีศาจเห็นดังนั้น ดวงตาใหญ่ยักษ์ของมันก็ฉายแววตื่นเต้นออกมา ทีแรกมันลังเลที่จะเข้าใกล้ซูฉินแต่บัดนี้อีกฝ่ายกลับเสนอตัวเข้ามาหามันตรงๆ
หวิ่ง!!
ทั่วร่างอันใหญ่โตของมังกรปีศาจพลันระเบิดพลังชีวิตและเลือดเนื้อออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด เงามังกรพาดผ่านไปถึงฟากฟ้า มันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คํารามก้องเปล่งรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวออกมากดดันทั่วทุกพื้นที่บนเทือกเขาคุนหลุน
เวลาช่วงเวลานี้
ตั้งแต่บนยอดจนถึงตีนเขา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างรู้สึกอยากจะคุกเข่าลงกับพื้นราวกับถูกกดขี่ด้วยแก่นแท้แห่งพลังจนจิตใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนว่างเปล่า
เห็นได้ชัดว่ามังกรปีศาจนั้นสิ้นหวังเต็มที่พลังงานชีวิตและเลือดเนื้อของมันเสื่อมถอยลงมากแล้ว แต่มันยังต้องกระตุ้นพลังของตนเองด้วยวิธีการเช่นนี้เท่ากับเป็นการมองหาความตาย อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มันสามารถดูดกลืนซูฉินเข้าไปได้ด้วยพลังอันมหาศาล ของซุฉินจะต้องทําให้มันได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่จะสามารถมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีกหลายร้อยหลายพันปีแต่ยังเป็นไปได้ที่จะสลัดพันธนาการของวิหารการสงครามและเรียกคืนอิสรภาพกลับมาได้
หลังจากผ่านเวลามาหลายหมื่นปี แม้แต่วิหารการสงครามก็ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป และมันกําลังเสื่อมโทรมลงอย่างมากไม่เช่นนั้นมังกรปีศาจจะไม่สามารถออกมานอกวิหารการสงครามเช่น
นี้ได้
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเผชิญกับฉากที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ท่าทีของซูฉินยังคงสงบนิ่งไม่แยแสเขาเพียงยกมือขวาขึ้นเบาๆ
“ตายเสีย”
ซูฉินค่อยๆ ยึดฝ่ามือออกมา
เมื่อฝามือกางออกจนสุด มีพลังของห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้าที่แข็งแกร่งผสานเข้ากับพลังสายพุทธอันยิ่งใหญ่ที่มีฤทธิ์ปราบพลังของมารปีศาจนอกจากนี้ยังมีพลังของคัมภีร์มารเก่าวิถีอันลึกซึ้งกว้าง ขวางในชั่วพริบตาก็มีเคล็ดวิชาอันยิ่งใหญ่ได้เปรียบอย่างน้อยก็หลายร้อยหลายพันวิชาถูกเผยออกมาจากฝ่ามือนี้ ซู ฉันเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาอันทรงพลังเหล่านี้อย่างสมบูรณ์กระทั่งเหนือไปกว่าผู้ที่คิดค้นวิชา
สุดท้าย เคล็ดวิชาอันไร้ที่เปรียบหลายร้อยหลายพันชิ้นก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียวผสานเข้ากับฝ่ามือของซูฉิน ประกอบกับกายเนื้อที่ ทรงพลังมหาศาลอาจกล่าวได้ว่าพละกําลังทั้งหมดกว่าครึ่งของซูฉินได้ทุ่มออกไปในคราวเดียว
หวิ่ง!!
พลังฝ่ามือของซูฉินนั้นหลอมรวมกันจนถึงขีดสุด คนนอกที่ได้เห็นก็จะคิดว่าเป็นเพียงฝ่ามือธรรมดา เมื่อเปรียบเทียบกับมังกรปีศาจที่กระตุ้นทั้งพลังชีวิตและเลือดเนื้อทั่วร่างจนเกิดเป็นภาพเงามังกรจางๆผ่ามือของซูฉินนั้นแลดูไม่โดดเด่นไปในทันที
อย่างไรก็ตาม
ช่วงเวลาต่อมา
ทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน
พลังอันน่าหวาดกลัวปะทุแผ่กระจายออกมาทันทีราวกับท้องฟ้าและผืนดินถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ คลื่นพลังจากจุดศูนย์กลางการปะทะระหว่างซูฉินและมังกรปีศาจก็แพร่กระจายออกไปทั่วทุก ทิศทาง
ฝามือของซูฉินหยุดนิ่ง พลังจากการรวมเคล็ดวิชาอันไร้เทียมทานนับร้อยนับพันได้ถูกเปิดเผยออกมาในเวลานี้ พลังของมันเพียงพอที่จะทําลายตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่แปดและสะเทือนขอบเขตตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้า
“ตูม!!”
ท่ามกลางสายตาอันตื่นตะลึงของทุกคน
ด้วยฝ่ามือของซูฉิน ร่างมังกรขนาดยักษ์เริ่มปริแตก เกิดเป็นบาดแผลอันน่ากลัวเกิดขึ้นเรื่อยๆ
หากไม่ใช่เพราะในช่วงวิกฤติ มีแสงจางๆ ปรากฏออกมาจากร่างของมังกรปีศาจ ปานนี้มันคงถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆไปแล้ว
ผู้ชมต่างเงียบกริบ
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดต่างตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่าซูฉินจะน่ากลัวมากเพียงนี้ แม้แต่มังกรปีศาจที่คอยปกป้องวิหารการสงครามมาจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง
เขาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ถึงอกถึงใจจริงๆ! มา มาลองอีกสักตั้ง!”
หลังจากที่ซูฉินฟาดฝ่ามือออกไป จิตวิญญาณการต่อสู้ภายในใจเขาก็เดือดพล่าน พลังชีวิตและเลือดเนื้อที่เทียบเทียมหรืออาจจะเหนือกว่ามังกรปีศาจปรากฏขึ้นและล้อมรอบทุกคนเอาไว้
ซูฉินก้าวเดินไปข้างหน้า ตรงเข้าหามังกรปีศาจ ยกมือขวาขึ้นอีกครั้งแล้วคว้าออกอย่างเชื่องช้า
“กร้าซ!!!”
มังกรปีศาจส่งเสียงครวญคร่ํา ในตอนนี้ทําไมมันจะไม่รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูฉิน ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปต่อสู้พัวพันด้วย
ในพริบตาหลังจากนั้น
มังกรปีศาจก็เปลี่ยนไปเป็นสายฟ้าสีดําอีกครั้ง และหนีไปยังวิหารการสงคราม ซูฉินน่ากลัวอย่างยิ่ง ถ้ายังอยู่ต่อ เกรงว่าตัวมันคงตกตายลงไปจริงๆ
“หนีแล้วงั้นหรือ?”
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ต้องบอกว่าความเร็วของมังกรปีศาจที่กลายเป็นสายฟ้าสีดํานั้นรวดเร็วมาก หากไม่ใช่เพราะอาณาเขตของซูฉินบางที่อาจจะตอบสนองไม่ทันก็เป็นได้
“จะหนีไปได้จริงๆ งั้นหรือ?”
ซูฉินเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับเป็นดวงตะวันขนาดมหึมาพลังซ้อนทับกันจนในที่สุดดวงตะวันสีทองก็ควบแน่นออกมา และเป็นซูฉินที่ยืนอยู่ตรงกลางของดวงตะวัน มีอีกาทองคําสามขาโบยบินอยู่ภายในปลดปล่อยกลิ่นอายอันแข็งแกร่งแห่งอมตะนิรันดร์
ภายใต้การเสริมพลังของอีกาทองคําสามขานี้ ไอพลังของซูฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ และมือขวาที่ยื่นออกมาก็คว้าจับมังกรปีศาจไว้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นจึงดึงมังกรปีศาจด้วยมือซ้ายฉีกมังกรปีศาจที่มีความยาวหลายร้อยเมตรออกเป็นสองส่วน
เลือดมังกรสีดําร่วงหล่นโปรยปรายลงจากฟากฟ้า
ไม่ว่ามังกรปีศาจจะดิ้นรนเพียงใด มันก็เปรียบเหมือนแผ่นกระดาษบางๆภายใต้น้ํามือของซูฉินที่สามารถฉีกมันให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
ในปีที่เก้าของราชวงศ์ถังรัชสมัยปัจจุบันซูฉินได้ฉีกกระชากร่างของมังกรปีศาจบนยอดเขาคุนหลุน