เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 263 (I) เพียงตัวตถาคตประเสริฐสุด!

ตอนที่ 263 (I) เพียงตัวตถาคตประเสริฐสุด!

Sign in Buddha’s palm 263 (I)เพียงตัวตถาคตประเสริฐสุด!

ในวิหารหมื่นพุทธ

ภายใต้แสงพุทธคุณ

ทั้งบรรพชนหกและคนอื่นๆ ประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาต่างตื่นตัวอย่างมากเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูฉินกระซิบอยู่กับตนเอง

“อะไร?”

“หมัดกับมีดเมื่อครู่ยังไม่ได้ใส่มาเต็มที่หรอกหรือ?”

บรรพชนเจ็ดดูตกใจ

มีดที่ซูฉันฟันและหมัดที่ซูฉินต่อยยังเขย่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจนยังไม่หายสั่นสะเทือนเลย โดยเฉพาะหมัดสุดท้ายที่น่าสะพรึงกลัว มันแทบจะพุ่งทะลุแสงพุทธคุณมาถึงวิหารหมื่นพุทธอยู่แล้ว สร้างพลังถล่มทลายขนาดนี้ได้ด้วยหมัดเพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้น แต่จากที่ซูฉินพูดเมื่อครู่

นี่เขายังไม่ได้เอาจริง?

บรรพชนเก้าและบรรพชนเจ็ดมองหน้ากัน แทบไม่อยากเชื่อ

พวกเขาประเมินซูฉินสูงมากแล้ว และใช้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง แต่พลังต่อสู้ที่ซูฉินแสดงออกมาตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

และในขณะที่บรรพชนเก่าและบรรพชนเจ็ดมองหน้ากัน

ซูฉินก็ลงมืออีกครั้ง

ครั้งนี้ซูฉันไม่ได้พึ่งพาอาวุธจิตวิญญาณใดใช้มือเปล่า ทิ้งหมัด ฝ่ามือ เข่า และดัชนีระดมโจมตี

ระเบิดพลังเข้าใส่แสงพุทธคุณที่มาจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

ปัง ปัง ปัง!

ในชั่วพริบตาซูฉินก็ออกหมัดมวยไปแล้วหลายสิบหลายร้อยกระบวนท่า

ทันใดนั้นแสงพุทธคุณที่ปกคลุมวิหารหมื่นพุทธเอาไว้ก็สั่นสะเทือนเลือนลั่น บิดเบี้ยวไปตามการโจมตีของซูฉิน

ถ้าไม่ใช่บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก่าที่คอยหยุดยั้งพลังที่แพร่กระจายเข้ามา

เกรงว่าพลังระดับนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถทุบศิษย์วิหารหมื่นพุทธที่อยู่ต่ํากว่าระดับนภาชนที่เจ็ดจนแบน

แต่ถึงแม้จะได้รับการปกป้องจากบรรพชนทั้งสาม ศิษย์หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในวิหารหมื่นพุทธ

ก็สั่นเทา มองดูแสงพุทธคุณที่ค่อยๆ บิดเบี้ยวราวกับกําลังประสบกับหายนะ

ซูฉินแข็งแกร่งเกินไป

ทุกกระบวนท่า พลังที่ระเบิดออกมาทําให้แผ่นดินแยก และในตอนนี้ไส้ตะเกียงพุทธหมื่น

วิญญาณก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว พยายามจะฟื้นฟูพลังกลับมา

แม้ว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะทรงพลัง ในจุดรุ่งเรืองของมัน มันสามารถป้องกันการโจมตีธรรมดาๆ จากเซียนเทพปฐพี่ได้เลย เพียงแต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในจุดรุ่งเรือง

นอกจากนี้ซูฉันยังออกกระบวนท่ามาหลายร้อยกระบวนท่าในอดใจเดียว แม้ทุกกระบวนท่าจะ

ไม่ได้ทรงพลังเท่ากับการระเบิดพลังของขอบเขตเซียนเทพปฐพี แต่กระบวนท่าที่มากมายมหาศาลนี้ก็เป็นการทดแทนในเชิงจํานวนจนทําให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น เพียงพอที่จะทําลายทุกสิ่ง

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

บรรพชนหกมองดูแสงพุทธคุณที่สันสะท้าน ในใจเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ถ้าบอกว่าหมัดแรกของซูฉินเพียงหมัดเดียวก็สามารถเขย่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้แล้ว

แต่แท้ที่จริงแล้วมันยังห่างไกลจากการทําให้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณสันสะเทือนได้จริงๆ

ทว่าในขณะนี้ ทุกๆการโจมตีของซูฉินทําให้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณสันสะเทือนอย่างแท้จริง ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณดูดซับพลังมาหลายพันปีจนพลังงานส่วนใหญ่กลับคืนมา แต่พลังที่กลับคืนมานั้นกลับถูกใช้ไปกว่าหกส่วนแล้วในตอนนี้

“จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”

“ไม่เช่นนั้นตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะถูกทําลายลงจริงๆ”

บรรพชนหกใบหน้าบิดเบี้ยว มองไปทางบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก่ากล่าวด้วยน้ําเสียงอันหนักแน่น

ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณไม่อาจน่าไปเทียบกับสมบัติพุทธคุณอย่างลูกประคํา มันเป็นมรดก

ที่แท้จริงของวิหารหมื่นพุทธ การมีตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณคอยคุ้มกัน แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มตํานานยุทธขั้นสูงสุดก็สามารถต้านทานไว้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และมันไม่ควรจะถูกทําลายลงในวันนี้

“พวกเจ้าและข้าจะต้องลงมือ”

บรรพชนหกดูเคร่งขรึม กล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด

“บรรพชนหก แม้ว่าเราจะร่วมมือกัน เราจะหยุดเขาได้อย่างนั้นหรือ?” บรรพชนเก้าไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย

ด้วยพลังในปัจจุบันของซูฉิน นอกเหนือจากอรหันต์ขั้นสูงสุดที่สามารถแปรเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกก่าเนิดได้แล้ว ใครจะยังหยุดเขาได้อีก?

“ถ้าสู่ในระยะประชิด ก็คงจะไม่เป็นผล

บรรพชนหกหรี่ตาลง ส่ายหัวพร้อมทั้งกล่าวออกมา

ร่างกายของซูฉินนั้นน่ากลัวเกินไป เลือดเนื้อพลังชีวิตมากมายดุจมหาสมุทร แม้ว่าทั้งสามจะ

ร่วมมือกันจริงๆ ซึ่งไม่ว่าจะชนะหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องใช้ทักษะลับต้องห้ามอย่างไม่มีทางเลือกเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง

เมื่อพวกเขาไม่สามารถชนะซูฉันได้จนเกินเวลาของทักษะต้องห้าม เกรงว่าบรรพชนทั้งสามคงจะโดนกลบฝังอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ

“คนผู้นี้ตั้งแต่ต้นจนจบเขาใช้เพียงแต่พลังกายเท่านั้น ส่วนเคล็ดวิชาอื่นๆ ไม่ได้มีมากนัก พวกเราสามารถแยกจากกัน ปราบอีกฝ่ายด้วยอาณาเขต ค่อยๆ กลืนเข้าหาฝ่ายตรงข้าม”

แสงสว่างฉายวาบออกมาจากใบหน้าของบรรพชนหก

เมื่อมาถึงระดับเดียวกันกับพวกเขา การต่อสู้เริ่มมีสิ่งอื่นมากขึ้น มันไม่ได้จํากัดอยู่แค่การต่อสู้แบบธรรมดาอีกแล้ว และส่วนใหญ่ก็มักจะปะทะกันด้วยอาณาเขตมากกว่า

ร่างกายของซูฉินนั้นทรงพลังจริงๆ เหนือจินตนาการของบรรพชนหกและคนอื่นๆ แต่บรรพชนหกเลือกที่จะไม่ปะทะกับซูฉินในด้านร่างกาย

เมื่อสูญเสียความได้เปรียบเรื่องพลังทางกาย ซูฉินย่อมมีพลังต่อสู้ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ส่วนเรื่องอาณาเขต……

แม้ว่าอายุขัยของบรรพชนหกนั้นใกล้จะสิ้นสุดแล้ว พลังชีวิตและเลือดเนื้อก็ลดลง แต่มันไม่มีผลกับอาณาเขต ตรงกันข้าม เนื่องจากประสบการณ์ชีวิตอันยาวนาน ความสามารถในการใช้อาณาเขตของเขานั้นเหนือกว่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดทั้งหลายไปมาก

หากมีเพียงบรรพชนหก มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้ด้วยอาณาเขต ท้ายที่สุดซูฉันก็ไม่ได้โง่งม

เขาจะละทิ้งความได้เปรียบและมาเผชิญหน้าด้วยข้อด้อยได้อย่างไร

แต่พรรคพวกของบรรพชนหกมีสามคน

เป็นอรหันต์ขั้นสูงสุดสามรูปที่ควบแน่นอาณาเขตได้แล้ว และการที่มีต้นกําเนิดเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรวมอาณาเขตทั้งสามเป็นหนึ่งเดียว เข้าปราบปรามซูฉินได้ในทันที

ในเวลานั้นอาณาเขตของซูฉันก็จะถูกกักขังอยู่เดียวดาย แม้ว่าร่างกายจะแข็งแกร่ง แต่แล้วมันจะเป็นเช่นไรได้เล่า?

เว้นแต่กายเนื้อของเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริงจึงจะสามารถฉีกกระชากอาณาเขตขนาดเล็กได้

เพียงอาศัยพลังชีวิตและเลือดเนื้อ ไม่เช่นนั้นก็มีแต่จะถูกดักจับอยู่ภายใน

ส่วนร่างกายที่เทียบเคียงขอบเขตเซียนเทพปฐพี.

ถ้าร่างกายซูฉินไปถึงระดับนั้นจริงๆ เกรงว่าคงจะทุบตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้เพียงใช้แค่หมดไปแล้ว……

“ไม่เลว”

ดวงตาของบรรพชนเจ็ดเป็นประกาย และเห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับแผนการที่บรรพชนหกเสนอ

ไม่ว่าจะเป็นตํานานยุทธหรืออรหันต์ อาณาเขตที่ควบแน่นได้นั้นก็เป็นเพียงอาณาเขตขนาดเล็ก

แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างระดับสูงและระดับต่ํา แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก และด้วยความพยายามของทั้งสามคนจะต้องสามารถปราบปรามซุฉินได้อย่างแน่นอน

ทั้งบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก่าก็ตัดสินใจได้ในทันที

และในตอนนี้

เป้ง เป้ง เป้ง!

ซูฉินขยับร่างอย่างต่อเนื่อง กระแทกเข้าใส่แสงพุทธคุณที่ปล่อยออกมาจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ อุปสรรคที่สร้างจากแสงพุทธคุณไม่สามารถทําลายได้ แต่ในสายตาของซูฉิน พวกมันไม่นับเป็นอะไรนอกจากเป้าหมายให้ปัดทําลาย

“ให้ข้าได้ท่าลายมัน!!”

จิตวิญญาณการต่อสู้ของซูฉินเดือดพล่าน พลังชีวิตและเลือดเนื้อไหลทะลักออกมาราวกับคลื่น

สมุทร พลังทางกายอันทรงพลัง แก่นแท้แห่งพลัง และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเข้าก่าจัดทุกสิ่ง ส่งพลังเข้ากระทบแสงพุทธคุณทันที

แกร็ก

หมัดที่ตกลงกระทบก็สร้างเสียงเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมา

เห็นตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณที่ลอยอยู่เหนือวิหารหมื่นพุทธพลันแตกร้าว

หมัดของซูฉินได้ท่าลายไส้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณไปจนหมดสิ้น และเพื่อซ่อมแซมรอยร้าวนี้ ลูกศิษย์ของวิหารหมื่นพุทธจํานวนนับไม่ถ้วนจะต้องบ่มเพาะต่อไปอีกหลายร้อยปี

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริงๆ!!!”

ซูฉินหัวเราะ เนื่องจากร่างกายของเขาได้แปรสภาพไปถึงห้าครั้ง เขาจึงไม่ได้ใช้พลังของกาย

เนื้อตามอําเภอใจ แม้แต่ตอนที่จัดการมังกรปีศาจในวิหารการสงครามก็ไม่ได้ทําให้เลือดสูบฉีดขนาดนี้

“ไม่ดีแล้ว”

“เราจะลากถ่วงต่อไปไม่ได้แล้ว”

บรรพชนหกที่เห็นฉากนี้ หนังหัวของเขาก็แทบจะระเบิดลุกเป็นไฟ

เดิมที่พวกเขาต้องการรอคอยเพื่อให้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณกินพลังงานบางส่วนไปจากซู

แต่บรรพชนหกรวมถึงคนอื่นๆ ไม่คาดคิดว่าหมัดสุดท้ายของซูฉันเหมือนจะควบแน่นพลังบางอย่าง กระแทกเข้าใส่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง และแม้แต่ตัวตะเกียงยังเกิดรอยร้าว

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณทั้งหมดคงจะถูกทําลายด้วยหมัดของซูฉิน

“ลุย!”

บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก่าทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังชีวิตและเลือดเนื้อไหล

เวียนอยู่ในสภาวะสูงสุด ในเวลาเดียวกันอาณาเขตทั้งสามร้อยจ้างก็ปรากฏขึ้นในทันที ปกคลุม

สภาพแวดล้อมทั้งหมด ผนึกซูฉินไว้ทุกทิศทางทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง

“หืม?”

ซูฉันเลิกคิ้วแล้วปล่อยอาณาเขตออกมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด พลังของคนเพียงคนเดียว อาณาเขตก็เป็นเพียงอาณาเขตขนาดเล็ก ภายใต้การปราบปรามของบรรพชนทั้งสาม แม้ว่าจะบอกได้ยากว่าเสียเปรียบ

แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีประโยชน์มากนัก

“ผู้แสวงบุญ เหตุไฉนไม่ถอยคนละก้าว ถอยกลับไปเสียมิดีกว่าหรือ?”

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท