เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 270 บรรพชนดาบ

ตอนที่ 270 บรรพชนดาบ
Sign in Buddha’s palm 270 บรรพชนดาบ
ซูฉันเดินเข้าไปภายในโถงชีวิตนิรันดร์โดยไม่รีบร้อน
หลังจากออกจากวิหารหมื่นพุทธในทะเลทรายตะวันตกแล้วซูฉินก็แวะไปวัดเส้าหลินอีกครั้ง หนึ่งก่อนจะรีบกลับมายังเมืองฉางอัน
ระหว่างทางซูฉินก็ไม่ได้อยู่เฉย แต่ยังทําความคุ้นเคยกับทิพยอํานาจคาถาดําดินพยายามปรับ ตัวให้เคยชินกับสภาพแวดล้อมใต้ดิน
ทิพยอํานาจนั้นต่างจากคัมภีร์เคล็ดวิชามันคล้ายกับเป็นสัญชาตญาณเสียมากกว่า คล้ายกับการกินอาหารหรือดื่มน้ํามันเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็ยังต้องสร้างความคุ้นเคย
โดยเฉพาะส่วนลึกใต้โลก มีพื้นที่พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ทุกรูปแบบแม้จะเป็นซูฉินเอง เขาก็ต้องหลบเลี่ยงเมื่อพบเจอเพราะหากเข้าไปใกล้ แม้จะไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่มันก็สร้างปัญหาให้อย่างมากอาจจะติดกับอยู่จุดนั้นชั่วระยะเวลา หนึ่ง
“พี่สาม”
จักรพรรดิถังสาวเท้าเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาและ หยิบยกการคาดคะเนต่างๆตามความเป็นจริง
“หลีหว่านถูกพาตัวไป?”
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่าแหล่งกําเนิดธาตุดินจะเป็นการรวมตัวกันของพลังงานธาตุดินจํานวนมากแต่ไอพลังนั้นก็ถูกยับยั้งเอาไว้หากไม่ใช่เพราะบรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าแห่งวิหารหมื่นพุทธพาเขาไปยังแหล่งกําเนิดธาตุดินเขาก็คงไม่พบสิ่งผิดปกติใดบริเวณแหล่งกําเนิดธาตุดินนั้น
เป็นเรื่องยากที่บุคคลภายนอกจะสามารถหาแหล่งกําเนิดธาตุดินได้และในทํานองเดียวกันหากบุคคลใดเข้าไปอยู่ภายในแหล่งกําเนิดธาตุดินการรับรู้ถึงโลกภายนอกก็จะกลายเป็นคลุมเครือ
ซูฉินปิดด่านฝึกตนอยู่ในแหล่งกําเนิดธาตุดินเป็นเวลาสองเดือนการรับรู้ของเขาพร่ามัวนอก จากนี้ทะเลทรายตะวันตกยังอยู่ห่างจากเมืองฉางอันออกไปไกลมากดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องที่หลี หว่านไม่ได้อยู่ภายในเมืองฉางอัน
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง ค่อยๆ พูดเบาๆ
ไม่ว่าอย่างไรหลีหว่านก็เป็นหลานสาวของเขาด้วยเหมือนกันหลังจากใกล้ชิดนางมาหลายปีมักจะชี้แนะนางอยู่เป็นประจําไม่ว่าซูฉินจะเป็นคนเฉยชาแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะนิ่งดูดาย หากหลีหว่านหายตัวไป
“ผู้อาวุโส”
นักพรตเฒ่าหัวใจสั่นไหว
แม้ว่าฉันยังคงดูสงบอยู่ในตอนนี้ราวกับไม่มีความผันผวนเลยแม้แต่น้อยแต่นักพรตเฒ่าก็รู้สึกได้จางๆว่าบรรยากาศรอบตัวของเขาเริ่มจะบีบตัวแน่นแม้แต่กระแสปราณฟ้าดินก็ถูกกดขี่เหยียบ
“ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสเพิ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว…” นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าตนกําลังเผชิญหน้า อยู่กับพลังแห่งผืนฟ้าอันกว้างใหญ่จึงรีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “คนที่นําตัวองค์หญิงหลี หว่านไปควรจะเป็นคนของพรรคหมื่นดาบแต่คนของพรรคหมื่นดาบคงจะไม่ทราบตัวตนขององค์หญิงหลีหว่าน……”
นักพรตเฒ่ากัดฟันอธิบาย
ในใจนึกกลัวจริงๆ ว่าซูฉินจะไปเข่นฆ่าสังหารพรรคหมื่นดาบเพราะความโกรธ
แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะทรงพลังมากแม้แต่บรรพบุรุษชีหยวนที่ควบแน่นอาณาจักรได้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้แต่ถ้าต้องการจะบีบบังคับนิกายใหญ่สักแห่งเกรงว่ามันจะยังไม่เพียงพอ
นิกายใหญ่ในต่างแดนนั้นสืบทอดมรดกมายาวนานอย่างน้อยก็หลายพันปี ด้วยเวลาที่นานเพียงนี้ไม่รู้ว่ามีตํานานยุทธขั้นสูงสุดกําเนิดขึ้นมากี่คนไม่ว่าจะเป็นนิกายใหญ่แห่งใดล้วนเป็นถ้ําเสือสระมังกรทั้งนั้นอันตรายอย่างมาก
“พวกเขารู้ตัวตนของหลีหว่านแล้ว”
ดวงตาของซูฉินหันเหออกไปเล็กน้อยมองไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้
“รู้?” นักพรตเฒ่าผงะไปชั่วครู่ ซูฉินอยู่เบื้องหน้าพวกตนเขารู้ได้อย่างไรว่าพรรคหมื่นดาบรู้ ตัวตนของหลีหว่านแล้ว?
จักรพรรดิถังและตระกูลซูต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัยจ้องมองซูฉินอย่างใกล้ชิด
“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าทิ้งไว้ให้กับหลีหว่านได้หายไปแล้ว”ซูฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ร่องรอย ความเย็นชาวาบผ่านใบหน้าของเขา
หลังจากที่รู้ว่าหลีหว่านหายตัวไปซูฉินก็ค้นหาแผ่นไม้ที่เคยมอบให้หลีหว่านโดยพลัน
หลีหว่านพกแผ่นไม้ชิ้นนี้ติดตัวเอาไว้มันมีตราประทับรูปดาบที่ซูฉินสลักไว้ เมื่อหลีหว่านตกอยู่ในอันตรายจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในตราประทับจะถูกกระตุ้นทันที
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้าและชั้นที่หก
มีเพียงตํานานยุทธขั้นสูงสุดเท่านั้นที่สามารถระงับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้อย่างเงียบเชียบแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดธรรมดาก็ไม่สามารถระงับได้อย่างสมบูรณ์บางทีอาจจะทําให้เจตจํานงดาบส่งข้อมูลกลับมาได้มีเพียงตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถใช้มันควบคุมรัศมีร้อยจ้างและระงับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์
“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์หายไป?”
ใบหน้าของนักพรตเฒ่าซีดเซียว เขาเป็นตํานานยุทธแน่นอนย่อมรู้วิธีการใช้จิตสัมผัสศักดิ์ สิทธิ์ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังกว้างใหญ่ไพศาลของตํานานยุทธขั้นสูงสุดเช่นซูฉินมันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร?
อาจจะเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดบรรพชนของพรรคหมื่นดาบที่เป็นคนลงมือลบจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินออกไปด้วยความว่องไวจนทําให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี่
“พรรคหมื่นดาบกล้าดีอย่างไรถึงได้ฉีกหน้าผู้อาวุโสเช่นนี้?”ใบหน้าของนักพรตเฒ่าดูน่าเก ลียด
แม้ว่าร่างหัวใจดาบจะมีศักยภาพสูงแต่มันก็เป็นเพียงศักยภาพเท่านั้นพรรคหมื่นดาบจะมาส ร้างความขุ่นเคืองให้กับตํานานยุทธขั้นสูงสุดเช่นซูฉินเพียงเพราะศักยภาพแค่นี้ได้อย่างไร?
“เป็นไปได้ไหมว่า พรรคหมื่นดาบต้องการร่างหัวใจดาบอย่างเร่งด่วนในยามนี้?”นักพรตเฒ่า ครุ่นคิดความเป็นไปได้มากมายแต่ก็คิดไม่ออก
ด้วยทรัพยากรที่มากมายของพรรคหมื่นดาบหากตั้งใจฟูมฟักร่างหัวใจดาบอย่างเต็มที่ มันก็สามารถผลักดันเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธได้อย่างรวดเร็ว
แต่ก็เท่านั้น
หากต้องการไปต่อในขอบเขตตํานานยุทธหรือแม้แต่เข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธขั้นสูงสุดร่างหัวใจดาบก็ยังห่างไกลจากคําว่าพึ่งพาได้ มันต้องใช้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้และจังหวะโอกาสจึงจะเป็นไปได้
“บอกข้าเกี่ยวกับพรรคหมื่นดาบ” ซูฉันมองไปที่นักพรตเฒ่าและพูดออกมาช้าๆ
แม้ว่าร่างกายของซูฉินจะเป็นกายธรรมชาติอยู่กึ่งหนึ่งแล้วต่อให้เจอเซียนเทพปฐพีก็ยังหลบหนี้ได้ก็ตามแต่พรรคหมื่นดาบเป็นนิกายใหญ่ระดับสูงดังนั้นเขาจึงควรระมัดระวังตนให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตัวไว้ได้
“ขอรับ” นักพรตเฒ่ารู้สึกตื่นเต้นและโค้งคารวะอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า“พรรคหมื่น ดาบตั้งขึ้นเมื่อสี่พันแปดร้อยปีก่อนผู้ก่อตั้งมีนามว่านักพรตหมั่นดาบเขาเป็นเทพเจ้าแห่งวิชาดาบที่ครองยุทธภพในต่างแดนนานถึงห้าร้อยปี”
“เมื่อนักพรตหมั่นดาบอายุมากขึ้น เขาก็รู้ตัวว่าไม่มีความหวังที่จะทะลวงขั้นจึงละทิ้งพรรคหมื่นดาบไป”
“หลังจากที่นักพรตหมั่นดาบได้จากไปจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่พันกว่าปีไม่มีใครในพรรคหม นดาบได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี”
เมื่อนักพรตเฒ่าได้กล่าวเช่นนี้ เขาก็หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามเมื่อหนึ่งพันเก้าร้อยปีก่อนพรรคหมื่นดาบได้ให้กําเนิดศิษย์ผู้ฉลาดเฉลียวและมีพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่งเกิดมาพร้อมกับร่างหัวใจดาบเช่นกัน”
“ศิษย์ผู้นี้ได้เปิดสมบัติที่นักพรตหมั่นดาบได้ทิ้งเอาไว้ทําให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและในเวลาต่อมาคนผู้นี้ก็สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดออกมาได้…”
“เปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดออกมาได้?”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย
นอกจากสภาพแวดล้อมในต่างแดนและสมบัติที่นักพรตหมั่นดาบทิ้งเอาไว้พรสวรรค์และความ เข้าใจของคนผู้นั้นก็ต้องสูงมากไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงจุดนั้น
นักพรตเฒ่าเหลือบมองซูฉินอย่างระมัดระวังแล้วกล่าวต่อ “ศิษย์พรรคหมื่นดาบผู้นี้เป็นคนที่นํา พรรคหมื่นดาบให้เจริญรุ่งเรืองได้ในยุคนั้นรู้จักกันในนามบรรพชนดาบแต่สุดท้ายเขาก็ยังหยุดอยู่ที่ระดับการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิด…”
นักพรตเฒ่าถอนหายใจเบาๆ
แม้แต่อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบเทียมของพรรคหมื่นดาบก็ยังไปแตะขอบเขตเชียนเทพปฐพไม่ได้นี่แสดงให้เห็นถึงความยากลําบากของขอบเขตเซียนเทพปฐพี
ในยุทธภพต่างแดน แม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดก็เกิดขึ้นมามากมายมีแม้กระทั่งผู้ที่เปลี่ยนแป ลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้
อย่างไรก็ตามมันยากอย่างยิ่งที่จะมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมาสักคนในรอบพันปีตั้งแต่จบยุค เฟื่องฟูของกระแสปราณฉีกกว่าหมื่นปีแล้วจํานวนเซียนเทพปฐพี่ที่กําเนิดขึ้นในโลกยุทธภพต่างแดนนั้นเกรงว่าจะนับได้ด้วยนิ้วมือ
“บรรพชนดาบ?”
ซูฉินขมวดคิ้ว จากนั้นจึงสงบใจลงแล้วถามต่อ “มีอะไรอีกไหม?”
“ผู้อาวุโส หลังจากยุคของบรรพชนดาบ พรรคหมื่นดาบก็อ่อนแอลงแม้ทุกๆยี่สิบสามสิบปีหรี อกว่าร้อยปีจะมีตํานานยุทธขั้นสูงสุดกําเนิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครน่าพึ่งเท่าบรรพชนดาบ”
นักพรตเฒ่ากระซิบคํา
ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นความลับสุดยอด แม้แต่ในต่างแดนก็มีเพียงนิกายใหญ่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ นักพรตเฒ่าสามารถรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ก็เพราะเขาชอบเรียนรู้ใฝ่หาข้อมูลจากหนังสือโบราณ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากหนังสือโบราณของสํานักเอกะวิถี
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ท่าทีของซูฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเกิดวังวนที่อธิบายไม่ได้ค่อยๆหมุนวนอยู่ในส่วนลึกของ รูม่านตา ฉับพลันพลังงานฉีทุกรูปแบบในโลกก็ประจักษ์แก่สายตาของซูฉิน
พรรคหมื่นดาบระงับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินไปนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการปกปิดร่องรอยของหลีหว่าน หลีกเลี่ยงไม่ให้ซูฉินหาพบ
แต่น่าเสียดาย
แม้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะถูกระงับ มันก็ไม่มีผลกับซูฉินเนื่องจากดวงตาแห่งสัจจะมีความสา มารถในการตรวจจับพลังฉีตราบใดที่ซูฉินได้เคยเห็นพลังฉีนั้นแล้ว แม้ว่าจะหลบนี้ไปยังสุดขอบโลกก็สามารถตรวจจับได้
ซูฉินอยู่กับหลีหว่านมานานแล้วและแน่นอนว่าย่อมคุ้นเคยกับพลังฉีในตัวอย่างมากสามารถยืน ยันตําแหน่งของหลีหว่านได้ด้วยการจับตําแหน่งพลังฉี
หวิ่ง!!!
จิตใจของซูฉินพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างไรขอบเขตดวงตาของเขามองไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ อย่างรวดเร็ว
“ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้…”
ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป
“ข้าจะออกไปพาหลีหว่านกลับมา” หลังจากซูฉินกล่าวประโยคนี้เขาก็ก้าวเท้าและหายตัวไปจาก
จุดเดิม
“พาองค์หญิงหลีหว่านกลับมา….” นักพรตเฒ่ากลืนน้ําลายลงคอรู้สึกเหลือเชื่อ
ตามการคาดเดาของเขา พรรคหมื่นดาบสามารถยอมรับแรงกดดันจากการสร้างความขุ่นเคืองให้กับซูฉินยังคงพาหลีหว่านไปด้วยมันคงเป็นเพราะหลีหว่านมีความสําคัญอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้อีกไม่นานหลีหว่านจะต้องได้รับการปกป้องจากนักดาบที่ทรงพลังจํานวนมากและพรรคหมีนดาบเองก็ไม่ได้ขาดแคลนตํานานยุทธขั้นสูงสุด
หากซูฉินต้องการนําหลีหว่านกลับมา มันก็เหมือนเข้าไปคว้าอาหารออกจากปากเสือโคร่ง ช่างอันตรายอย่างยิ่ง
“หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้อาวุโส…”
ตอนนี้นักพรตเฒ่าได้แต่หวังว่าพรรคหมื่นดาบจะมีความกังวลขึ้นบ้าง และมอบหลีหว่านกลับมาไม่เช่นนั้นหากพรรคหมื่นดาบโจมตีซูฉินอย่างไรยางอายสถานการณ์ย่อมอันตรายเป็นที่สุด
ในเวลาเดียวกัน
นอกอาณาจักรถัง
พื้นที่แถบตะวันออกเฉียงใต้
มียอดเขาขนาดยักษ์พุ่งสูงทะลุท้องฟ้าเสมือนดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ปักลงพื้นดินรัศมีแห่งความดุร้า ยแทรกซึมไปทั่วทุกอณูของชั้นบรรยากาศ
บนยอดเขา มีตําหนักหินอ่อนสูงกว่าสิบเมตรงดงามหาสิ่งอื่นใดมาเทียบเทียม มีร่างหลายร่างนั่งอยู่ภายใน
บุคคลเหล่านี้ล้วนสะพายดาบไว้กับตัว ใบหน้าเรียบเฉยแต่ไอพลังพลุ่งพล่าน ทั้งหมดล้วนเป็นตํานานยุทธผู้เกรียงไกร และยังมีตํานานยุทธนสูงสุดอยู่ในหมู่นักดาบเหล่านี้ด้วย
นักดาบนั้นเก่งกาจในการฆ่าฟัน นับประสาอะไรกับนักดาบขอบเขตตํานานยุทธขั้นสูงสุด? 3694
ในตอนนี้ร่างเหล่านี้ได้นั่งล้อมรอบเสาหินและมองหน้ากัน
เหนือเสาหินมีแผ่นไม้แผ่นหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆตรงกลางแผ่นไม้มีรอยดาบตื้นๆ สลักอยู่และเจตจํานงดาบที่ก่อตัวขึ้นมาจากตราประทับรูปดาบนี้ก็ให้ความรู้สึกว่ามันสามารถสังหารทุกอย่างได้โดยง่าย
“ความเป็นมาของตํานานยุทธขั้นสูงสุดในเมืองฉางอันแห่งราชวงศ์ถังนั้นเป็นเช่นไรกัน ทํา ไมเคล็ดวิชาดาบถึงน่าเหลือเชื่อเช่นนี้?”
ในเวลานั้นตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่นั่งอยู่ด้านซ้ายก็ลืมตาขึ้นมองดูตราประทับดาบที่ลอยอยู่บนเสาหินตรงหน้าพวกเขาพึมพําออกมาด้วยความตกใจ
เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท