เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 276 หลุมทมิฬ

ตอนที่ 276 หลุมทมิฬ
Sign Buddha’s palm 276 หลุมทมิฬ
ในส่วนลึกของเกาะหมื่นดาบ
คมดาบสูงพันจ้างทั้งเก้าแห่งตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่
อาคารดาบพันจ้างทั้งเก้ายอดนี้เล่าลือกันว่าถูกทิ้งไว้โดยนักพรตหมื่นดาบกว่าสี่พันปีที่แล้วและมันเชื่อมโยงเข้ากับเกาะหมื่นดาบทั้งหมดรัศมีวิถีดาบที่แผ่ไปทั่วเกาะก็มาจากอาคารดาบทั้งเก้ายอดแห่งนี้
ว่ากันว่าหลายปีก่อนออกจากพรรคหมื่นดาบนักพรตหมื่นดาบเคยซ่อนมรดกของตนส่วนหนึ่งไว้ในอาคารดาบเก้ายอดแห่งนี้ใครก็ตามที่สามารถทำความเข้าใจได้จะนับว่าเป็นศิษย์สายตรงของนักพรตหมื่นดาบคนต่อไป
น่าเสียดายที่ในช่วงห้าพันปีที่ผ่านมามีเพียงบรรพชนดาบเท่านั้นที่เข้าใจมรดกในอาคารดาบเก้ายอดทำให้ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าจนถูกขนานนามว่าบรรพชนดาบ
และในตอนนี้
จุดกึ่งกลางที่ล้อมรอบไปด้วยอาคารดาบเก้ายอดลึกลงไปใต้ดินหลายลี้เป็นคุกใต้ดินที่แสนจะเหน็บหนาว
คุกใต้ดินแบ่งออกเป็นสิบสองชั้นมีลวดลายสีดำลึกลับปรากฏอยู่ทุกมุมผนังเห็นได้ชัดถึงพลังในการปราบปรามอันน่าสะพรึงกลัวแทรกซึมอยู่ทุกตารางนิ้วในที่แห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีดาบยาวสีดำสิบสองเล่มคอยแบ่งแยกคุกใต้ดินแต่ละชั้นออกจากกัน
ในบรรดาคุกใต้ดินทั้งสิบสองชั้นนี้มีคนเก้าคนปะปนกันไปทั้งชายและหญิงทุกคนต่างกระสับกระส่ายและมีลมหายใจที่อ่อนแรง
มีข้อยกเว้นเดียวคือชั้นล่างสุดของคุกใต้ดินมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีลักษณะสูงส่งกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดพยายามมองไปรอบๆคุกใต้ดินดูเหมือนอยากจะหนีออกไป
หญิงผู้นี้คือหลีหว่าน
ตั้งแต่ถูกพรรคหมื่นดาบจับตัวมานางก็ถูกทิ้งไว้ที่นี่บางทีอาจเป็นเพราะนางกำลังจะกลายเป็นร่างของบรรพชนดาบคนของพรรคหมื่นดาบจึงไม่กล้าทำอะไรกับหลีหว่าน
พรรคหมื่นดาบพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของหลีหว่านยกเว้นเพียงอยากเดียวคือการให้อิสระ
” สาวน้อยเจ้าอย่าได้ดิ้นรนไปเลยนี่คือหลุมทมิฬที่พรรคหมื่นดาบสร้างขึ้นไม่มีทางหนีจากที่นี่พ้น…”
ขณะที่หลีหว่านมองไปรอบๆคุกใต้ดินแห่งนี้เสียงชราก็ลอยดังขึ้นใกล้ๆ
หลีหว่านเงยหน้าขึ้นมองและเห็นชายชราที่มีผมและเคราสีขาวอยู่ในคุกใต้ดินชั้นบนกำลังพูดคุยกับนาง
” ผู้อาวุโส”
” ข้าจำเป็นต้องออกจากที่นี่” หลีหว่านพูดอย่างจริงจัง
หลังจากที่หายตัวไปหลายวันแม้หลีหว่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ก็ตามแต่นางรู้ว่าจักรพรรดิถังและคนอื่นๆอาจจะตามหานางอยู่ทั่วทุกมุมโลก
” จำเป็นต้องออกไป? ”
ชายชราผมขาวยิ้ม
หากมองดูใกล้ๆจะพบว่าไหล่ของชายชราผมเคราขาวมีโซ่สีดำสองเส้นตรึงไว้ลวดลายที่ลึกลับซับซ้อนสลักอยู่ทั่วโซ่สีดำคอยระงับพลังชีวิตของชายชราผมขาว
” พวกเราทั้งหมดที่ถูกขังอยู่ในนี้จะไม่มีโอกาสได้ออกไปอีกจนกว่าชีวิตจะหาไม่เราจะออกไปได้อย่างไร? ”
แม้ว่าชายชราผมขาวกำลังพูดด้วยรอยยิ้มแต่มีร่องรอยความสิ้นหวังแฝงอยู่ลึกในน้ำเสียง
” นี่เจ้าเฒ่าอย่าพูดมากน่ามีพวกเราคนใดบ้างที่ไม่มองหาทางออกเหมือนเด็กสาวคนนี้ตอนที่เพิ่งเข้ามา” ทันใดนั้นเสียงแหบแห้งก็ดังขึ้น
หลีหว่านเงยหน้าขึ้นมองต่อไปจนเจอหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังพูดอยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่า
หากคุกใต้ดินที่หลีหว่านอยู่นั้นเป็นชั้นที่สิบสองชายชราผมเคราขาวก็อยู่ในชั้นสิบเอ็ดและหญิงชราคนนั้นก็อยู่บนชั้นที่สิบ
” นั่นก็ใช่”
ชายชราผมขาวยิ้มแล้วจึงหยุดพูด
” ถึงข้าจะหนีออกไปไม่พ้นแต่ลุงสามจะต้องมาช่วยข้า” หลีหว่านเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกระซิบคำออกมา
” ช่วยเจ้า? ”
อาจเป็นเพราะชายชราผมขาวอยู่มานานเกินไปจึงอธิบายให้หลีหว่านฟังอย่างจริงจังว่า” ข้าไม่รู้ว่าลุงสามที่เจ้าพูดถึงคือใคร
” แต่คุกใต้ดินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พรรคหมนดาบตั้งใจสร้างเป็นพิเศษเพื่อกักขังศัตรูคนสำคัญ”
ชายชราผมเคราขาวเย้ยหยันเวลาพูดถึงเรื่องนี้ถ้าเขาไม่มีความลับอันยิ่งใหญ่ที่พรรคหมื่นดาบอยากจะรู้เขาคงตายไปนานแล้วจะมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?
อันที่จริงคนทั้งแปดที่ถูกขังอยู่ในหลุมทมิฬล้วนเป็นเช่นนี้
หากไม่ใช่ว่ามีค่ามีความหมายพรรคหมื่นดาบจะปล่อยพวกเขาให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างไร?
” คุกใต้ดินทั้งหมดหล่อขึ้นมาจากเหล็กดำทมิฬทะเลเหนือสามารถระงับแก่นแท้แห่งพลังและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้โดยธรรมชาติสำหรับตำนานยุทธธรรมดาๆที่มาอยู่ที่นี่แม้ว่าจะยังไม่ได้ทำอะไรความแข็งแกร่งก็จะถูกระงับเอาไว้อย่างดีที่สดก็รักษาพลังต่อสู้ไว้ได้แค่ครึ่งเดียว
ชายชราผมขาวยังเล่าต่อไปอย่างช้าๆ
” เหล็กดำทมิฬทะเลเหนือ…” ใบหน้าของหลีหว่านดูครุ่นคิดนางไม่รู้ว่าเหล็กดำทมิฬคือสิ่งใดแต่นางก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของตนเองหลังจากถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินนี้ดี
” นอกจากเหล็กดำทมิฬทะเลเหนือแล้วค่ายกลฟ้าดินอย่างน้อยสิบชั้นถูกจัดตั้งเอาไว้ภายในคุกใต้ดินทั้งหมดนี้ค่ายกลฟ้าดินเหล่านี้มีพลังในการปราบปรามขั้นสูงสุดหากเจ้าต้องการจะก้าวออกจากที่แห่งนี้ค่ายกลฟ้าดินทั้งหมดจะเปิดใช้งานทันทีหลังจากนั้นผลที่ตามมา……”
นักพรตชราที่มีผมเคราขาวส่ายศีรษะ
” ถึงแม้เจ้าจะโชคดีพอที่จะหลบหนีออกจากคุกใต้ดินแห่งนี้ได้สามารถหลีกหนีจากการปราบปรามของเหล็กดำทมิฬและค่ายกลฟ้าดิน….”
” แต่ด้านนอกคุกใต้ดิน….”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ชายชราผมเคราขาวก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบน” นอกคุกใต้ดินยังมีอาคารดาบเก้ายอดสูงกว่าพันจ้างของพรรคหมื่นดา
บอีก”
” อาคารดาบทั้งเก้ายอดนี้ถูกทิ้งไว้โดยนักพรตหมื่นดาบก่อตั้งเป็นค่ายกลขนาดใหญ่เพื่อปราบปรามทุกสิ่ง”
ชายชราผมเคราถอนหายใจเล็กน้อย
” ใครเล่าจะหนีจากค่ายกลฟ้าดินที่เซียนเทพปฐพี่ทิ้งเอาไว้ได้ใครเล่าจะหยุดมันได้? ”
ชายชราผมขาวพูดต่อไปโดยไม่ชักช้าหันมองหลีหว่านอีกครั้ง” สาวน้อยบอกข้าที่ลุงสามที่เจ้าพูดถึงยังช่วยเจ้าออกไปได้หรือไม่? ”
ชายชราผมเคราขาวรู้ดีว่าหลีหว่านกำลังคิดสิ่งใดพวกเขาต่างก็แทบไม่ต่างไปจากหลีหว่านตอนที่เข้ามาครั้งแรก
หลีหว่านเงียบไป
ตอนนี้นางไม่ใช่องค์หญิงอาณาจักรถังที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางสายยุทธผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว
แม้ว่าหลีหว่านจะไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชรากล่าวออกมาเท่าไหร่แต่ก็ชัดเจนว่าชายชรานั้นแน่ใจมากว่าไม่มีใครสามารถช่วยนางได้
” สาวน้อยให้ข้าได้บอกแก่เจ้าเว้นแต่จะเป็นเซียนเทพปฐพีมันเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะ…”
ชายชราผมขาวกำลังจะพูดบางอย่าง
ฉับพลัน
ในตอนนั้นเอง
เสียงคำรามกองราวกับพายุฝนก็แผ่ขยายผ่านระยะทางนับร้อยลี้ข้ามผ่านขุนเขาดังกังวานไปทั่วคุกใต้ดิน
” บรรพชนดาบ! ” ” บรรพชนดาบ! ” ” บรรพชนดาบ! ” ” บรรพชนดาบ! ” ” บรรพชนดาบ! ” ” บรรพชนดาบ! ” ” บรรพชนดาบ! ” …
ในชั่วพริบตาทุกคนในคุกใต้ดินก็ได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามไม่ทันที่ทุกคนจะตอบสนองอะไรได้
” คลานออกมาพบข้า! ” ” คลานออกมาพบข้า! ” ” คลานออกมาพบข้า! ” ” คลานออกมาพบข้า! ”
เสียงนี้ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้องแม้จะข้ามผ่านระยะทางนับร้อยลี้แต่มันก็ไม่ได้แผ่วลงเลยกลับกลายเป็นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
” นี่คือ? ”
ชายชราผมเคราขาวตื่นตะลึงคนอื่นๆในคุกใต้ดินก็ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจเช่นกัน
” คนผู้นี้คือใครกัน? ”
หญิงชราที่อยู่บนชั้นสิบไม่อยากจะเชื่อและเกีอบจะคิดไปเองว่าตนหลอนอะไรรึเปล่า
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครสักคนตะโกนสังให้บรรพชนดาบออกมา?
บรรพชนดาบเป็นใคร?
พรรคหมื่นดาบตั้งแต่ยุคของนักพรตหมี่นดาบเป็นต้นมาผู้ที่มีความสามารถสูงสุดเข้าใจถึงวิชาจากอาคารดาบเก้ายอดจะได้เป็นศิษย์ของนักพรตหมื่นดาบ!
ตัวตนเช่นนี้ทั่วยุทธภพต่างดินแดนยังจะมีใครกล้าเรียกให้เขาออกไปเช่นนี้?
คนอื่นๆอีกหลายคนภายในคุกใต้ดินต่างตัวสั่นแต่ชายชราผมขาวบนชั้นสิบเอ็ดพลันสังเกตเห็นว่าท่าทีของหลีหว่านเปลี่ยนไป
” สาวน้อยเจ้ารู้จักเจ้าของเสียงหรือ? ” ชายชราผมขาวอดไม่ได้ที่ถามออกมา
” เสียงนี้…” หลีหว่านยืนยันซ้ำอีกหลายครั้งแล้วกล่าวออกอย่างระมัดระวัง” ดูเหมือนว่าจะเป็นลุงสามของข้า….”
คำที่กล่าวออกมา
ทุกคนในที่แห่งนั้นพลันนิ่งเงียบไม่ไหวติงไปเป็นเวลานาน
ในขณะเดียวกัน
ณจัตุรัสหยกขาวหน้าเกาะหมื่นดาบ
เมื่อซูฉินตะโกนให้บรรพชนดาบออกมา
ทั่วทั้งเกาะหมั่นดาบพลันเดือดพล่านการรับรู้ของตำนานยุทธนั้นเฉียบแหลมเพียงใดเกือบจะในทันทีร่างจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากอาคารดาบเก้ายอดพันจ้างในส่วนลึกของเกาะหมื่นดาบ
เหอหมิงเหยียนที่ยังอยู่ในท่าโค้งคารวะมองขึ้นไปที่ซูฉินด้วยความตกใจ
ซูฉินในตอนนี้แม้ว่าจะยังยืนอยู่ที่เดิมแต่ไม่มีการกักเก็บไอพลังอีกต่อไปและรัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ขยายออกมาเกือบจะเทียบเคียงได้กับรัศมีพลังจากอาคารดาบเก้ายอดพันจ้างเลยทีเดียว
” เจ้าเจ้าเจ้าเป็นใครกัน? ”
ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบที่มาทำการคัดเลือกศิษย์ต่างตกตะลึงมากยิ่งขึ้นไปอีก
สีหน้าของพวกเขาดูตกใจมากขาสั่นอยู่ตลอดเวลาและเข่าทรุดลงไปอยู่กับพื้น
และในตอนนั้นเอง
ประมุขพรรคหมื่นดาบผู้อาวุโสจำนวนมากและแม้แต่บรรพชนที่หลับใหลอีกหลายคนพวกเขาต่างตกใจและรีบตรงมาที่จัตุรัสหยกขาวกันที่ละคนสองคน
เพียงไม่นาน
คนเหล่านี้ก็มาถึงจัตุรัสหยกขาวและจ้องมองซูฉันราวกับเป็นศัตรู
แม้ว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ซูฉินจะไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาแต่เพียงแค่เสียงตะโกนเมื่อครู่ก็ไม่มีใครในที่แห่งนี้จะกล้าดูถูกซูฉินอีกต่อไป
มีค่ายกลฟ้าดินมากมายในเกาะหมื่นดาบแต่ยังไม่สามารถหยุดเสียงของซูฉินได้มันผ่านไปได้แม้กระทั่งอาคารดาบเก้ายอดคนธรรมดาทำเรื่องเช่นนี้ได้หรือ?
” การกระทำของท่านน่าละอายนักคิดว่าในพรรคหมื่นดาบของข้าไม่มีผู้คนอยู่หรือไร? ” ประมุขพรรคหมื่นดาบจ้องมองซูฉินเขม็งและพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
ในความเป็นจริงซูฉินทำตัวน่าละอายหรือ? เอาจริงๆการที่จะเหยียบพรรคหมื่นดาบไว้ใต้เท้าแล้วบดขยี้มันก็ไม่ยากเท่าไหร่
แต่สำหรับพรรคหมื่นดาบต่อหน้าศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนในพรรคหากยอมให้บรรพชนดาบเปิดเผยตัวออกมาก็มต่างจากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงตะโกนที่ทรงพลังของซูฉินเมื่อครูทำให้ประมุขพรรคหมั่นดาบลังเลใจเกรงว่าศิษย์พรรคหมื่นดาบจำนวนมหาศาลคงเข้าล้อมซูฉินไปแล้ว
” น่าละอาย? ”
ซูฉินหัวเราะเบาๆ
ประมุขพรรคหมื่นดาบเห็นท่าทีของซูฉินดังนี้ความคิดก็ผันผวนเรื่องราวของตำนานยุทธขั้นสูงสุดในช่วงสองพันปีที่ปรากฏในดินแดนโพ้นทะเลก็วาบผ่านเข้ามาในหัวทีละคนสองคน
แต่สุดท้ายประมุขพรรคหมื่นดาบก็นึกอะไรไม่ออกเขาพบว่าซูฉินดูเหมือนจะไม่เคยปรากฏอยู่ในยุทธภพต่างแดนแห่งนี้เลย
” เจ้าต้องการสิ่งใด? ” ประมุขพรรคหมื่นดาบระงับความโกรธในใจเน้นคำทุกพยางค์ที่พูด
” พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร” ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยเขาจับตำแหน่งของหลีหว่านด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วตอนนี้เพียงต้องกวาดทำลายพรรคหมื่นดาบและนำตัวหลีหว่านออกมา
” ข้าทำมันด้วยตัวเองได้”
ทันทีที่สิ้นเสียงซูฉินก็ก้าวขาหนึ่งก้าวยกมือขวาขึ้นเล็งไปยังกลุ่มคนที่มีประมุขพรรคหมื่นดาบรวมอยู่ในนั้น
ซูม
พลังฟ้าดินสั่นสะเทือนต่อเนื่องบรรจบรวมกันเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่กดลงไปบนเกาะหมี่นดาบอย่างรวดเร็ว
” บังอาจ”
ประมุขพรรคหมื่นดาบยังไม่ทันได้กล่าวคำบรรพชนที่ตื่นขึ้นมาและซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็โกรธจัดจิตใจของพวกเขารวมเข้ากับค่ายกลสังหารบนเกาะหมื่นดาบเข้าต้านรับฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ตู้ม
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อของทุกคนค่ายกลสังหารได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสอดประสานกันวูบไหวต่อเนื่องเข้าปิดกั้นฝ่ามือขนาดยักษ์
อย่างไรก็ตามทันทีที่ทั้งสองปะทะกันค่ายกลสังหารก็สั่นสะเทือนและในที่สุดก็ยุบตัวลงไปไม่น้อยภายใต้แรงกดดันจากฝ่ามือขนาดยักษ์
” นี่คือ!! ”
ท่าทีของบรรพชนพรรคหมื่นดาบที่เข้าต้านทานพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก
เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท