เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 296 กลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุไฟภ…

ตอนที่ 296 กลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุไฟภ...

Sign in Buddha’s palm 296 กลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุไฟภาพดวงตะวันขนาดมหึมา!

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับ โอสถแหล่งกําเนิดธาตุไฟ]

เสียงจักรกลเย็นชาดังขึ้นในโสตประสาทของซูเฉิน

 โอสถแหล่งกําเนิดธาตุไฟ? 

ซูฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 โอสถชนิดนี้… 

ซูฉินผสานจิตเข้าไปในพื้นที่ของระบบอย่างรวดเร็วและพบโอสถศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงประกายไฟที่มุมหนึ่ง

 ในแง่ของกลิ่นอาย พลังนั้นมากกว่าโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ถึงสิบเท่า….  ซูฉินแตะปลายคางคาดเดาอยู่ในใจ

 ดูเหมือนว่าเวลาในการก่อตัวของแหล่งกําเนิดธาตุไฟนั้นสั้นเกินไปและเต๋สะสมก็มีไม่มากนัก…. 

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย

จากประสบการณ์การลงชื่อเข้าใช้ร่วมหลายสิบปีของซูฉิน การลงชื่อครั้งแรกทุกครั้งจะได้รับสมบัติที่มีค่ามากที่สุด

ตัวอย่างเช่น ฝ่ามือยไลจากวัดเส้าหลินภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จากเกาะหยิงโจว เป็นต้น

แม้ว่ามันจะเป็นแหล่งกําเนิดธาตุดินในทะเล ทรายตะวันตก ในการลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรกยังให้ ทิพยอํานาจแก่ซูฉิน

สําหรับแหล่งกําเนิดธาตุไฟที่อยู่ตรงหน้า มัน กลับลงชื่อเขาใช้ได้เพียงโอสถธาตุไฟเท่านั้น

แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าโอสถแหล่งกํา เนิดธาตุไฟไม่ดี โอสถชนิดนี้มีความแข็งแกร่งกว่า โอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ถึงสิบเท่า ซึ่งเพียงพอ แล้วที่จะที่จะทําให้เชียนเทพปฐพีขั้นสูงสุดอย่าง จ้าวทะเลบูรพาออกมาต่อสู้แย่งชิง

แต่เมื่อเทียบกับรางวัลอย่างทิพยอํานาจหนึ่ง ชนิด เห็นได้ชัดว่าโอสถแหล่งกําเนิดธาตุไฟนั้น ไม่เพียงพอ

รู้หรือไม่ว่า ทิพยอํานาจสามารถเติบโตไป พร้อมกับผู้ฝึกยุทธได้ ตัวอย่างเช่นดวงตาแห่งสัจ จะของซูฉินที่ได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ จนถึง ตอนนี้มันก็ยังเป็นพลังหลักสําคัญของซูฉินอยู่ จะ เอามาเทียบกับโอสถเพียงเม็ดเดียวได้อย่างไร?

 แต่ข้ากําลังฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา ด้วยโอสถศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟแบบนี้ ยิ่งมีมากยิ่งดี หาให้มากเข้าไว้เท่าที่ทําได้… 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าซูฉินจะกลืนแหล่งกําเนิดธาตุไฟเข้าไป ส่งเสริมภาพดวงตะวันฯ จนถึงความสําเร็จขนาด เล็ก แต่ความสําเร็จชั้นยอดเล่า?

ความต้องการพลังงานธาตุไฟยังคงมีมากมาย ราวกับภูเขาสูงและมหาสมุทรกว้าง โอสถแหล่ง กําเนิดธาตุไฟนี้จะไม่ไร้ประโยชน์แน่นอน

 เอาล่ะ 

 ต่อไปก็ถึงเวลาฝึกภาพดวงตะวันขนาดมหึมา

แล้ว 

ซูฉินละสายตาจากโอสถแหล่งกําเนิดธาตุไฟ สีหน้าของเขากลับมาเคร่งขรึม

ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาเป็นแผ่นหินรูปแรก ในภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอีกาทองคําสาม ขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านเปลว ไฟ เมื่อซูฉินสําเร็จวิชาภาพดวงตะวัน เขาจะสา มารถสร้างร่างอีกาทองคําขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับปัจจุบันของ ซูฉิน การแปลงเป็นอีกาทองคําสามขาก็คงจะเป็น เพียงร่างวัยเยาว์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังของ อีกาทองคําสามขาที่สามารถเผาผลาญฟ้าดินได้ ในเร็ววัน

ไม่เช่นนั้น การฝึกภาพดวงตะวันขนาดมหึมา คงต้องการมากกว่าแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟ

แต่ถึงแม้จะอยู่ในสถานะอีกาทองคําสามขาวัย เยาว์ก็เพียงพอแล้วสําหรับซูฉินที่จะบดขยี้เชียน เทพปฐพี่ส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย อาทิ เซียน เทพปฐพีธาตุไฟอย่างจ้าวทะเลบูรพา หากต้อ งมาเผชิญหน้ากับซูฉิน เขาคงไม่แม้แต่จะเงย หน้าขึ้นมาได้

 เพียงแต่ว่า! 

 หากข้ากลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุไฟนี้และใช้ มันเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายแทนการ ฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา เกรงว่าข้าคงสา มารถแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดได้สําเร็จ และ พาร่างกายไปสู่ระดับกายแห่งธรรมชาติได้… 

หัวใจของซูฉินหวั่นไหว

หลังจากกลืนแหล่งกําเนิดธาตุดินที่วิหารหมื่น พุทธ ร่างกายของซูฉินก็มาถึงจุดสูงสุดของการ แปรสภาพครั้งที่หก และอีกเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้า สู่ขอบเขตกายแห่งธรรมชาติ

หากครั้งนี้ได้กลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุไฟ เข้าไป เกรงว่ามันคงจะแปรสภาพร่างกายไปเป็ นกายแห่งธรรมชาติได้จริงๆ

และร่างกายในระดับกายแห่งธรรมชาตินั้นเต็ม ไปด้วยพลังงานปราณเลือดที่น่าสะพรึงกลัว สา มารถกวาดล้างจอมยุทธที่อยู่ต่ํากว่าขอบเขต เซียนเทพปฐพี่ได้ทั้งหมด

 ไม่เป็นไร 

 ใช้ฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาดีกว่า 

ซูฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มเลิกความคิดนั้น

ไป

ร่างกายในระดับกายแห่งธรรมชาตินั้นน่ากลัวจ ริงๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเทียบกับเซียนเทพ ปฐพีที่แท้จริงได้

แต่กับภาพดวงตะวันขนาดมหึมา ไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่ทําให้จิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินห ลอมรวมเข้าสู่ทะเลปราณได้ แค่หลังจากไปถึง ความสําเร็จระดับเล็กเพียงอย่างเดียว ทั้งความสา มารถและทิพยอํานาจธาตุไฟที่ได้มาจากอีกา ทองคําสามขา ก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่ากายแห่งธร รมชาติไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

นั่นคือความสามารถและทิพยอํานาจของสัตว์ ศักดิ์สิทธิ์อย่างอีกาทองคําสามขาในตํานาน แม้ จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ก็ยอด เยี่ยมกว่ากายแห่งธรรมชาติ

ท้ายที่สุด การจะเปลี่ยนเป็นกายแห่งธรรมชา ติได้นั้น ก็เพียงต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพ ปฐพี แบกรับพลังจากทะเลปราณ จากนั้นร่างกาย ก็จะแปรสภาพไปเองโดยธรรมชาติ

แต่ความสามารถและทิพยอํานาจบางอย่างที่ ได้รับมาจากการสําเร็จภาพดวงตะวันฯ ระดับเล็ก เป็นสิ่งที่มีเพียงอีกาทองคําสามขาเท่านั้นที่สา มารถมีได้

ทั้งสองสิ่งไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็ค่อยๆ หลับตาลง

ในส่วนลึกของจิตใจซูฉิน แผ่นหินภาพดวงตะ วันฯ ก็ขยายตัวขึ้นสู่ฟากฟ้า แผ่นหินเริ่มสั่นไหว เหนือแผ่นหิน มีดวงตะวันขนาดมหึมาที่ปล่อย แสงร้อนแรงออกมาตลอดเวลา ภายในดวงตะวัน มีอีกาทองคําสามขาคํารามแว่วมาแต่ไกล ส่ง เสียงออกไปถึงฟากฟ้า

หวิ่ง!!!

ขณะที่แผ่นหินกําลังหมุนวน บรรดาจุดแสงนับ หมื่นบนพื้นผิวก็สว่างไสวขึ้นมากว่าเก้าสิบจุด

นี่เป็นผลจากการกลืนโอสถธาตุไฟและโอ สถศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

หากจะบอกว่าการจุดดวงไฟหนึ่งจุดบนแผ่นหิน ภาพดวงตะวันฯ เป็นความสําเร็จขั้นเริ่มต้น กา รจุดดวงไฟได้ร้อยจุดก็นับเป็นความสําเร็จระดับ เล็กในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา

สําหรับการจุดไฟบนแผ่นหินได้ครบหมื่นจุด มัน คือความสําเร็จชั้นยอด

เมื่อถึงวันนั้น วันที่ซูฉินฝึกฝนภาพดวงตะวัน ขนาดมหึมาจนครบถ้วนทุกกระเบียดนิ้ว จะได้รับ ทั้งความสามารถ ทิพยอํานาจ พลังร่างกาย และ สิ่งอื่นๆ จากอีกาทองคําสามขา สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ แข็งแกร่งที่สุดในด้านธาตุไฟมาครอง

ต่ง!

ขณะที่แผ่นหินภาพดวงตะวันฯ กําลังทอดตัว ยาวสูงขึ้นไปถึงฟ้า พลังงานธาตุไฟอันไร้ที่สิ้นสุด ภายในแหล่งกําเนิดธาตุไฟก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกร ไฟพุ่งเข้าใส่ร่างของซูฉินทั้งหมด

และภายในแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมา นั้น จุดไฟเล็กๆ จํานวนมากก็ค่อยๆ สว่างเรื่อขึ้น

ช้าๆ

ในเวลาเพียงชั่วครู่ ซูฉินก็ถูกห่อหุ้มไปด้วย เปลวไฟ มังกรไฟทั้งหลายยังคงพันไปรอบข้อมือ ข้อเท้าซูฉินอย่างต่อเนื่อง หลอมรวมเข้ากับ ร่างกายของซูฉิน ทําให้รัศมีพลังยิ่งมายิ่งร้อนแรง ราวกับดวงตะวันกําลังฟื้นตื่นจากช่วงเวลาดับมอด

เวลาผ่านไปช้าๆ

ครานี้ เวลาที่ซูฉินปิดด่านฝึกตน ยาวนานเสีย ยิ่งกว่าครั้งที่กลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุดินเสียอีก

การกลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุดิน ซูฉินเพียงนํา พลังทั้งหมดของแหล่งกําเนิดธาตุดินให้เคลื่อน เข้าสู่ร่างกายของเขา นอกจากนี้ แหล่งกําเนิดธา ตุดินแห่งนั้นยังไม่เติบโตเต็มที่ และพลังงานธาตุ ดินที่มีอยู่ก็น้อยกว่าพลังงานธาตุไฟในแหล่งกํา เนิดธาตุไฟแห่งนี้

ในชั่วพริบตา หนึ่งปีก็ผ่านพ้นไป ในช่วงหนึ่งปีนี้ เฒ่าเฟยยี่คอยเฝ้าที่หน้าแหล่ง กําเนิดธาตุไฟด้วยความอดทน

 ไอพลังอ่อนแรงลงแล้วรี? 

ชายชราเฟยยวเงยหน้าขึ้น และเหลือบมองไป ที่เทือกเขาไฟที่อยู่เบื้องหน้า คิดในใจตนเงียบๆ

หากเทียบกับหนึ่งปีก่อนที่พลังงานธาตุไฟใน เทือกเขาไฟแห่งนี้มีมากมายไร้ที่สิ้นสุด ราวกับ ทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ไพศาล บัดนี้ พลังงานธา ตุไฟอันน่าเกรงขามนั้นดูเหมือนจะถูกสูบลงเหว ไปหมด ลดลงไปอย่างน้อยก็สิบเท่า และยังคง ลดลงเรื่อยๆ

 ทําไมนายท่านยังไม่ออกจากด่านฝึกต นอีก… 

 นิกายใหญ่เหล่านั้นน่าจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว 

ความวิตกกังวลฉายชัดไปทั่วไปใบหน้าของ ชายชราเฟียย

ในช่วงหนึ่งปีมานี้ เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังอัน ยิ่งใหญ่จากต่างแดนที่เข้ามาสู่บริเวณชายขอบ ของแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ ถ้าไม่มีอะไรผิด พลาด ก็คงจะมุ่งหน้าตรงมาที่อาณาจักรถัง

เฟยยวีรู้ดีว่าพวกเขาต่างก็เป็นบรรพชนจากนิ กายใหญ่

บรรพชนเหล่านี้หลับใหลมานับพันปีด้วยวิธีการ ปิดผนึกตนเอง ส่วนใหญ่ล้วนไปถึงขั้นแปลงจิต วิญญาณแรกกําเนิดแล้ว และยังมีกลิ่นอายบาง ส่วนที่เหมือนจะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไป ครึ่งก้าวแล้ว

มรดกตกทอดมาในต่างดินแดนนับพันปี แม้ว่าผู้ ที่ไปถึงขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะหาได้ยากยิ่ง และไม่ค่อยได้พบเห็นในรอบหลายพันปี แต่ก็ยัง มีตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตและ แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้

ก่อนจะสิ้นชีวิต ตํานานยุทธขั้นสูงสุดเหล่านี้จะ พยายามทะลวงขอบเขตเซียนเทพปฐพี

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวมัก จะตกตายในทันที แต่ก็มีบ้างที่รอดชีวิตมาได้ด้วย ความบังเอิญ

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดเหล่านี้ไม่ประสบความสํา เร็จในการทะลวงขั้น แต่ในระหว่างการทะลวงขั้น นั้น จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ได้หลอมรวมเข้ากับ ทะเลปราณไปแล้ว เทียบเท่ากับการก้าวเข้าสู่ ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ไปครึ่งก้าว และมีความ เข้าใจในวิธีการบางอย่างของขอบเขตเซียนเทพ ปฐพี

หรือถ้าพูดให้ฟังง่ายๆ

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจําพวกนี้จะอยู่กึ่งกลางระ หว่างขอบเขตเซียนเทพปฐพีและขอบเขตตํานาน ยุทธ เหนือกว่าตํานานยุทธแต่ก็ยังไม่ใช่ เซียนเทพปฐพี

จอมยุทธต่างแดนทั้งหลายต่างเรียกขอบเขตนี้ ว่าครึ่งก้าวเข้าสู่เซียนเทพปฐพี

แม้จะไม่ใช่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี แต่ก็ห่างจา กการเป็นเซียนเทพปฐพีแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ร่างกายของซูฉินก็เทียบเท่ากับกาย แห่งธรรมชาติอยู่กึ่งหนึ่ง ปราณเลือดสูงเสียดฟ้า ถึงแม้จะยังไม่ได้ทะลวงขอบเขตเซียนเทพปฐพี แต่ก็อยู่ไกลเกินกว่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดจะเอื้อม ถึง เทียบเคียงได้กับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียน เทพปฐพี

และนี่ก็เป็นหนึ่งในรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุด ของนิกายใหญ่ระดับสูงเช่นกัน

ในยุคที่ไม่มีเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงอยู่ มันก็ เป็นโลกของครึ่งก้าวเข้าสู่เซียนเทพปฐพี

เพียงแต่ว่าครึ่งก้าวสู่เซียนเทพปฐพี่ทุก คนล้วนเป็นผู้ที่ล้มเหลวจากการทะลวงขอบเขต เซียนเทพปฐพี อายุขัยก็จวนจะหมดลงเต็มที่ จะ สู้ซูฉินที่มีปราณชีวิตและเลือดเนื้อที่มากมายได้ เช่นไร?

แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด ครึ่งก้าวสู่เซียนเทพปฐพี ก็ยังเป็นครึ่งก้าวสู่เซียนเทพปฐพี แม้จะด้อยกว่า เซียนเทพปฐพีอยู่มาก แต่พลังที่ควบคุมทุกสิ่งได้ เพียงแค่ขยับกายนั้นก็อยู่สูงเกินกว่าตํานานยุทธ จะเอื้อมถึง

เฒ่าเฟยยที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าคราวนี้นิกาย ใหญ่จะสิ้นหวังจนถึงขั้นยอมเปิดเผยเบื้องหลังทั้ง หมดออกมาเช่นนี้?

รู้หรือไม่ แม้ครึ่งก้าวสู่เซียนเทพปฐพี่จะทรง พลัง แต่พวกเขาก็ลงมือได้เพียงไม่กี่ครั้ง

 เป็นเพราะนายท่านได้คุกคามนิกายใหญ่เหล่า นั้นน่ะหรือ?  ชายชราเฟยยวดูเคร่งเครียด

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าครึ่งก้าวเข้าสู่เซียนเทพปฐพี เหล่านั้นต้องฟื้นตื่นขึ้นอย่างยากลําบาก แม้กระ ทั่งหลังตื่นก็ยังต้องใช้เวลาปรับสภาพเพื่อฟื้นฟู ความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด เกรงว่านิกายใหญ่ คงเข้ามาไล่ล่าสังหารแล้ว

แต่ถึงกระนั้นชายชราเฟยยวก็รู้สึกว่ามันคงอีก ไม่นาน อาจจะวันนี้ หรืออาจจะอีกหนึ่งเดือนก่อ นที่บรรพชนเหล่านั้นจะลงมือจริงๆ

ในเวลานั้น หากซูฉินยังคงปิดด่านฝึกตนต่อไป ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอาณาจักรถัง เมื่ออยู่ต่อหน้านิกายใหญ่ซึ่งยอมทุ่มกําลัง ทุ่ม รากฐานทั้งหมด จะต้องถูกฉีกกระชากออกเป็น ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแน่

 ข้าหวังว่าทุกอย่างจะทันเวลา

ชายชราเฟยยี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมของนิกายใหญ่ต่าง แดน ถ้าคิดจะทําลายอาณาจักรถังจริงๆ ก็เป็นไป ไม่ได้เลยที่จะปล่อยตัวเขาให้รอดชีวิตไป

ขณะที่โลกภายนอกกําลังเปลี่ยนแปลง

ซูฉินซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในแหล่งกําเนิดธาตุ ไฟไม่รับรู้สิ่งใด

ในตอนนี้ ร่างกายของซูฉินถูกปกคลุมไปด้วย เปลวไฟแผดเผา พลังงานธาตุไฟจํานวนนับไม่ถ้ วนกลายเป็นมังกรไฟ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของซูฉิน ตลอดเวลา ผสานเข้ากับภาพดวงตะวันขนาดมหึ มาที่อยู่ลึกภายในจิตใจ

ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

ด้านหลังของซูฉิน แผ่นหินเลือนรางก็ปรากฏ ขึ้นในทันใด บริเวณจุดไฟนับหมื่นจุดบนแผ่นหิน ในตอนนี้มีจุดแสงที่ส่องสว่างถึงเก้าสิบเก้าจุด

นอกจากนี้ ด้วยการเติมพลังงานธาตุไฟจํานว นมาก จุดแสงที่หนึ่งร้อยก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น อย่างช้าๆ

บูม!!!

ราวกับโซ่พันธนาการได้หลุดออก ในขณะนี้จุด แสงทั้งหนึ่งร้อยบนแผ่นหินภาพดวงตะวันฯ ก็เริ่ม สั่นไหว มีกลิ่นอายบรรยากาศดึกดําบรรพ์เริ่มต้น ไหลเวียนออกมาอย่างช้าๆ

 

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

Status: Ongoing

Sign in Buddha’s palm

เข้าสู่ระบบฝ่ามือยูไล

ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธเตร็ดเตร่อาละวาดไปทั่ว เป็นสถานที่ที่หยวนกั๋วชีอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาอันสูงชัน ทั้งยังมีเซี่ยวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ

ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก!

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล]

ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ]

ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ]

สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อรับของ และตัวเขาก็ลงชื่อรับของอยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี

ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง!

จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน…

แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู

ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท