ตอนที่ 108 สุดยอดปรมาจารย์
ไอ้ขี้โม้!!
ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจและต่างก็ได้แต่คิดในใจว่า
นี่แกต้องหน้าหนาขนาดไหน ถึงได้กล้าพูดออกมาว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโต?
แกเป็นใคร?
แล้วหลี่เฉวียนยู่มีฐาะสูงส่งขนาดไหน? เขาเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลหลีที่ยิ่งใหญ่!
การที่หลี่เฉวียนยู่ลดตัวคุยกับคนอย่างแก ไม่เพียงแกควรจะต้องดีอกดีใจ แต่ยังจะต้องรีบลุกข์นยืนโค้งคํานับเขาด้วยความอ่อนน้อมด้วย ไม่ใช่กลับจะมาพูดจาใหญ่โตกับเขาแบบนี้!
นี่แกไปเอาความกล้าผิดๆแบบนี้มาจากที่ไหนกัน?
และเวลานี้ หลายๆคนในโต๊ะต่างก็คิดว่า หลินหนานคงยากที่รอดแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังจินซ่งกับหวังชางหยาง ที่แทบจะกระโดดขึ้นกลางอากาศด้วยความดีอกดีใจ
เวลานี้ คนทั้งคู่ต่างก็กําลังกังวลใจว่า คุณชายหลี่จะไม่ยอมช่วยพวกเขาแก้แค้นหลินหนานและกําลังคิดอยู่ว่า จะหาหนทางพูดคุยกับคุณชายหลีอย่างไรดี แต่จู่ๆ หลินหนานกลับพาตัวเองไปมีปัญหากับหลี่เฉวียนยู่เสียเอง
เวลานี้ ทั้งถังจินซ่งและหวังชางหยาง กําลังยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลี่เฉวียนยู่ชะงักไปเล็กน้อย เขากลับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
“น้องชาย.. นายนี่น่าสนใจไม่น้อยเลย!”
แม้สีหน้าของหลี่เฉวียนยู่จะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ แต่ในแววตานั้นกลับซ่อนความดูถูกเย้ยหยันไว้
หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตกว่าสามปีในต่างประเทศ หลี่เฉวียนยู่ก็ได้เปลี่ยนเป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ความเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้น สามารถวัดได้ง่ายๆ จากการที่คนคนหนึ่งสามารถเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริง ไว้ภายใต้ใบหน้าที่แสดงออกมาได้อย่างแนบเนียน
แต่น่าเสียดายที่หลินหนานไม่หลงกล เขากรอกตาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า “แน่นอน!เทียบกับหน้าขาววอกของนาย ฉันน่าสนใจกว่าอยู่แล้ว!
นี้! ก็แค่สูงกว่าหล่อกว่าแล้วก็รวยกว่าแค่นั้น มีอะไรดีมากมายเชียว?
ฉันไม่สนใจหรอก.. เพราะคนอย่างฉันก็หาได้ไม่ง่ายเหมือนกัน!
ถังจินซ่งกับหวังชางหยางได้แต่หันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มให้กันกว้างยิ่งกว่าเดิม พวกเขาแทบอยากจะกรีดร้องและตะโกนออกมาว่า จัดการมันเลย!
และถึงแม้หลีเฉวียนยู่จะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากเพียงใด แต่เวลานี้ สีหน้าของเขายังถึงกับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะอากัปกิริยา และคําพูดของหลินหนานที่แสดงออกมาได้สร้างความอับอายให้กับเขาไม่น้อยทีเดียว!
แต่แล้วหลี่เฉวียนยู่ก็เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับไปว่า “ไม่เอาน่าสหาย หากพวกเราสองคนไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ก็ไม่น่าจะเคยมีเรื่องบาดหมางกันนี่นา หรือฉันเคยทําอะไรให้นายไม่พอใจงั้นเหรอ?”
ท่าทางของหลี่เฉวียนยู่ที่แสดงออกมาในเวลานี้ นับว่ายอมโน้มตัวลงต่ํามากแล้ว และคิดได้แต่คิดในใจว่า
ฉันเปิดทางให้แกลงสวยๆแล้ว อยู่ที่แกแล้วว่าคิดจะลงหรือไม่?
และหากหลินหนานยอมรับว่าจําคนผิด หรือไม่ก็ยอมรับความผิด เขาก็พร้อมที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่ติดใจอะไร
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลินหนานจะตอบกลับมาด้วยท่าทางคล้ายคนที่คร้านจะพูด เขาเอียงหน้าไปทางหลี่เฉวียนยู่เพียงเล็กน้อย พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ฉันจงใจหาเรื่องนายเอง”
ทําไม.. ไม่พอใจหรือยังไง?
และคําตอบของหลินหนานก็ตรงจนน่าตกใจ ครั้งนี้หลี่เฉวียนยู่ถึงกับเดือดดาลอย่างมากไฟโทสะได้ลุกโชนเผาไหม้จิตใจ และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว
ฐานะของเขาในเมืองเจียงไฮวนั้นเป็นอย่างไร ใครๆต่างก็รู้ดี แต่หมอนี่ล่ะ ฐานะของมันสูงส่งขนาดไหนกัน?
และหากใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ มันก็คงยากที่จะมีชีวิตรอดได้ และเวลานี้ ผู้ชายคนนี้ก็กําลังเหยียบจมูกเขาเล่นอยู่
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกําลังลุ้นอยู่นั้น หลี่เฉวียนยู่ก็สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองไว้ได้ก่อนจะฝืนยิ้มออกไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พวกนายกินกันไปก่อน ฉันขอตัวประเดี๋ยว!”
จากนั้น หลี่เฉวียนยู่ก็เดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเห็นหลี่เฉวียนยู่เดินกําหมัดออกไปแบบนั้น ถึงจินซึ่งก็หันไปพูดกับหลินหนานทันที “นี่แกรู้ตัวบ้างมั้ยว่ากําลังมีเรื่องอยู่กับใคร?”
“ก็แค่ไอ้หนุ่มหน้าวอกคนหนึ่ง มีอะไรน่ากลัวนักหนา?” หลินหนานตอบโต้กลับอย่างโอหังและไม่เกรงกลัว
“หึ! ไอ้หน้าวอกที่แกพูดถึงนะ เป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลหลี่ เขากับแกห่างชั้นกันมาก คนอยู่ อย่างแกอย่ารอาจเอาตัวไปเองไปเทียบกับเขาเลยแล้วถ้าแกกล้ามีเรื่องกับคุณชายหลี่แบบนี้นะ แกเตรียมเรียกคนมาเก็บศพตัวเองได้เลย!” หวังชางหยางบอกหลินหนานด้วยสีหน้าระริกระรี่ดีอกดีใจ
ดูเหมือนหวังชางหยางแทบจะอดทนรอให้หลี่เฉวียนยู่แก้แค้นหลินหนานอย่างสาสมไม่ได้เขาอยากจะเห็นหลินหนานต้องตกอยู่ในชะตากรรมที่น่าเศร้าเร็วๆ
หลินหนานทําเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะถามออกไปว่า “พวกนายสองคนเป็นคุณชายหรือว่าเป็นสุนัขรับใช้กันแน่?”
“นี่แกพูดอะไรนะ?” หวังชางหยางร้องตะโกนถามออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ก็ถ้าไม่ใช่สุนัขรับใช้ของเขา ทําไมพวกนายสองคนต้องเห่าแทนเขาด้วยล่ะ?” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา
“นี่แก.. แก” หวังชางหยางถึงกับพูดไม่ออก และเวลานี้เขาก็โมโหจนหน้าแดงก่ํา
เวลานี้คนอื่นๆที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกัน ต่างก็มองหลินหนานไม่ต่างจากกุ้ยข้างถนนคนหนึ่ง
ถังจินซ่งเห็นเช่นนั้น จึงได้รีบห้ามปรามหวังชางหยางไว้ พร้อมกับกระซิบบอกเสียงเบา “อย่าไปทะเลาะกันมันเลย ช้าเร็วในวันนี้มันต้องได้ร้องคร่ําครวญโหยหวนแน่”
“พวกเราออกไปคุยกับคุณชายหลี่ดีกว่า!”
ทั้งถังจินซ่งและหวังชางหยางต่างก็ลุกจากโต๊ะ และเดินตามหลี่เฉวียนยู่ออกไปนอกห้องทันที
ทั้งสามคนยืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะดังเดิม ระหว่างนั้น ถึงจินซึ่งก็สังเกตเห็นว่า หลี่เฉวียนยู่มักจะเหลือบไปทางหน้าประตูห้องจัดเลี้ยงอยู่บ่อยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า
“คุณชายหลี่ นี่คุณกําลังรอใครอยู่ใช่มั้ยครับ?”
“ใช่! ผมกําลังรอคนคนหนึ่งอยู่!” หลี่เฉวียนยู่พยักหน้า
“ใครกัน?” ถังจินซึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ผมกําลังรอคนใหญ่คนโตตัวจริงอยู่” หลี่เฉวียนตอบกลับยิ้มๆ
“คนใหญ่คนโตตัวจริงงั้นเหรอ?”
ถังจินซึ่งพึมพําออกมา และในเวลานั้นเอง ร่างของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีน้ําเงินก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
“ปรมาจารย์เฉิน ทางนี้ครับ…”
หลี่เฉวียนผู้โบกมือทักทายด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ชายวัยกลางคนพยักหน้าให้กับ หลี่เฉวียนยู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาทันที
ระหว่างที่ชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงนั้น ทุกคนในห้องต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน..
มันเป็นรังสีสังหาร!
มันคือรัศมีที่เย็นยะเยือก เหี้ยมโหด และอันตรายอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้!
หลายคนในห้องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุโส เป็นผู้ที่ผ่านโลกมานาน และมีประสบการณ์อย่างช้ําชองที่สําคัญหลายคนในห้องนี้ล้วนเคยมือเปื้อนเลือดมาแล้วทั้งนั้น!
ก่อนที่จะมาถึงช่วงเวลาคลื่นลมสงบนั้น หลายคนล้วนเคยผ่านศึกของการแย่งชิงธุรกิจ และเขตแดนมาไม่มากก็น้อย..
แต่ในยุคที่คลื่นลมสงบลงแล้วอย่างทุกวันนี้ คราบเลือดที่เคยเปื้อนร่างกาย ก็ได้ถูกปกคลุมไว้ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราสวยงาม ทรัพย์สมบัติที่ครอบครอง รวมถึงแก้วไวน์ราคาแพงในมือ..
พูดง่ายๆก็คือว่า.. ไม่มีใครร่ํารวยมาโดยที่มือไม่เปื้อนเลือด และหากย้อนกลับไป อดีตของแต่ละคนนั้น ยากนักที่จะนําออกมาพูดได้
และเมื่อจู่ๆ ชายวัยกลางคนที่ก้าวเดินเข้ามาในห้องนั้น กลับดูเหมือนจะไม่พยายามปิดบังรัศมีเหี้ยมโหดของตนเองเช่นนี้ ทุกคนในห้องจึงอดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ ราวกับว่าอาภรณ์หรูหราที่ปกปิดความชั่วร้ายของตนเองไว้นั้น กําลังจะถูกกฉีกกระชากออก
ชายวัยกลางคนผู้นี้ ไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่อะไร แต่ฝ่าเท้าของเขาที่ก้าวเดินออกไปแต่ ละก้าวนั้นกลับบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและมั่นคงเป็นอย่างมาก!
ตลอดทางที่ก้าวเดินไปนั้น สายตาของเขากลับแน่วแน่ ไม่วอกแวกแม้จะถูกสายตาทุกคู่จับจ้อ งอยู่ แต่เขาก็สามารถก้าวเดินได้อย่างสง่างาม และหนักแน่นดังขุนเขา ไม่มีทีท่าลําบากใจหรือเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่า ท่าทางสง่าพึ่งผาย และน่ากรงขามเช่นนี้ ย่อมสมกับคําว่าคนใหญ่คนโตอย่างแท้จริง!
หลิงหนานซึ่งนั่งอยู่นั้น ยังถึงกับยิ้มออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย ในขณะที่จ้องมองชายวัยกลางคนที่กําลังก้าวเดินเข้ามา และเขาก็สัมผัสได้ว่า คนผู้นี้เป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง!
และเมื่อมายืนตรงหน้าหลี่เฉวียนยู่แล้ว ชายวัยกลางคนก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว
“ปรมาจารย์เฉิน ลําบากคุณมากแล้ว!” หลี่เฉวียนยู่ลุกขึ้นทักทายด้วยท่าทางสุภาพ และมีมารยาท
“ไม่ลําบากอะไรเลย คุณชายหลี่กลับมาทั้งที่ ยังไงผมก็ต้องมา!” ชายวัยกลางคนแซ่เฉินตอบกลับเสียงเบา
หลีเฉวียนยู่ถึงกับหน้าบานด้วยความภูมิอกภูมิใจกับคําตอบของปรมาจารย์เฉิน จากนั้นเขา ก็กระแอมเบาๆ ก่อนจะประกาศด้วยเสียงที่ดังไปทั่วทั้งห้อง
“ทุกท่านครับ ผมของแนะนําให้รู้จักกับปรมาจารย์เฉินมู่เฉิง เขาเพิ่งกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในชุมชนชาวจีนที่อเมริกามาก”
“เฉินมู่เฉิงเหรอ?”
หลังจากนั้น ต่างคนต่างก็เอาหัวชนกัน พร้อมกับซุบซิบกัน แต่ในระหว่างนั้น หลี่เฉวียนยู่ก็พูด ต่อว่า
“คุณเฉินเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์ด้านกําลังภายใน!”
***********
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า
เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า
หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานพร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล
หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับสังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้าจนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาลปกครองความเป็นและความตาย
แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..