ตอนที่ 106 หลี่เฉวียนยู่
สิ้นเสียงพูดที่ดังขึ้นนั้น
ชายหนุ่มร่างสูงก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางสง่างาม ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งนัก ใบหน้าของเขางดงามราวกับภาพวาด ดวงตาทั้งสองข้างดูล้ำลึกอย่างบอกไม่ถูก
ท่าทางการเดินของเขานั้น ประหนึ่งมังกรที่เยื้องย่างอยู่ท่ามกลางสายลม..
ภาพที่ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามานั้น ราวกับพระเอกที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์ สีหน้าท่าทางที่สง่างามของเขา บ่งบอกว่ามาจากตระกูลชนชั้นสูง
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วย ที่มาสายไปหน่อย!”
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนพร้อมกับยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขานั้นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สดใสที่อบอุ่น จนแม้แต่หิมะก็สามารถละลายได้
บรรดาพนักงานเสิร์ฟสาวที่ยืนอยู่นั้น เมื่อได้เห็นชายหนุ่มสง่างามผู้นี้ปรากฏกายขึ้น พวกเธอก็ถึงกับใจเต้นแรง ใบหน้าแดงก่ำ พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตาเป็นประกายราวกับกําลังได้พบ เจอกับนักแสดงที่ตนเองชื่นชอบ
นั่นเพราะชายหนุ่มคนนี้ หล่อเหลาไม่ต่างจากพระเอกในภาพยนตร์เลยทีเดียว!
“คุณชายหลี่!”
“คุณชายหลี่! ในที่สุดก็มาจนได้”
ทั้งถังจินซ่งและหวังชางหยางถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกัน
ทุกคนในสมาคมเมิ่งหลานต่างก็รู้จักชายหนุ่มผู้นี้ดี และเขาก็คือหลี่เฉวียนยู่ คุณชายแห่งตระกูลหลี่นั่นเอง
จากนั้น ทุกคนต่างก็พากันซุบซิบ และวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด!
เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มผู้นี้ได้รับฉายาว่า นายน้อยอัจฉริยะผู้ร้ายกาจแห่งเมืองเจียงไฮว!
ครึ่งชีวิตของเขาก่อนหน้านี้ที่ผู้คนรู้จักนั้น นอกจากเขาจะเป็นเด็กเกเรที่ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นแล้ว เขาก็ยังเป็นคนที่เรียนเก่งมากด้วย และสอบได้ที่หนึ่งทุกปี!
ในเรื่องของกีฬานั้น เขาก็ประสบความสําเร็จอย่างมาก และสามารถทําลายสถิติในกีฬาหลายๆประเภทได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในด้านธุรกิจ เขาก็ประสบความสําเร็จในธุรกิจซอฟท์แวร์ของตนเองตั้งแต่อายุเพียงแค่ 19 ปี และสามารถดึงดูดนักลงทุนให้มาร่วมด้วยด้วย จนบริษัทของเขาเข้าไปอยู่ในรายชื่อของบริษัทที่ประสบความสําเร็จ
ส่วนเรื่องภาษานั้นแทบไม่ต้องพูดถึง หลี่เฉวียนยู่สามารถพูดได้ถึงแปดภาษา และเดินทางไปพูดตามเวทีต่างๆในหลายประเทศทั่วโลกมาแล้ว
ในเรื่องของศิลปะการดนตรีนั้น เขาก็สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน นอกจากจะเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งแล้ว หลี่เฉวียนยู่ยังเคยได้เล่นเปียโนคู่กับนักเปียโนที่โด่งดังระดับโลกจนเป็นที่ฮือฮามาแล้วเช่นกัน
พูดง่ายๆก็คือว่า หลี่เฉวียนยู่จัดว่าเป็นชนชั้นสูงในกลุ่มชนชั้นสูงอีกที และยังเป็นอัจฉริยะที่เหนือเหล่าอัจฉริยะอีกด้วย!
เดิมที่ตระกูลหลี่เป็นเพียงแค่ตระกูลอันดับสองของเมืองเจียงไฮวเท่านั้น แต่ด้วยความสามารถของหลี่เฉวียนยู่ ทําให้ตระกูลหลี่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลชั้นนําที่โดดเด่นได้
อีกทั้งชื่อเสียงของหลี่เฉวียนยู่นั้น ก็เป็นที่กล่าวขานกันในวงสังคมชั้นสูง และเป็นที่อิจฉาตาร้อนของชายหนุ่มทั่วทั้งเมือง
จนกระทั่งเกิดคําพูดว่า หากจะมีลูกชาย จะต้องมีให้ได้อย่างหลี่เฉวียนยู่!
แต่เมื่อสามปีก่อนหน้านี้ จู่ๆ หลี่เฉวียนยู่ก็กลับหายหน้าหายตาไปจากมเมืองเจียงไฮวอย่างไร้ข่าวคราว แต่วันนี้ เขาได้กลับมาแล้ว!
หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานถึงสามปี หลี่เฉวียนยู่ก็ได้เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์ และความแหลมคม มาเป็นชายหนุ่มที่สุขุมและรอบคอบแทน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หลี่เฉวียนยู่ก็ยังคงเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นอย่างมากในเมืองเจียงไฮวเช่นเดิม!
หลินหนานจ้องมองหลี่เฉวียนยู่ด้วยความรู้สึกคุกรุ่นในใจเล็กน้อย””
หมอนี่น่ะเหรอ ที่หมายปองภรรยาที่รักของฉันอยู่?
หน้าตาก็พอใช้ได้!
ผู้คนต่างก็รู้ดีว่า ชายหนุ่มที่มีทั้งความสามารถรอบด้าน มีนิสัยที่สุขมรอบคอบ และมีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างหลี่เฉวียนยู่นั้น หาไม่ได้อีกแล้ว!
แต่คนหน้าหนาอย่างหลินหนาน ไม่มีทางยอมรับว่า ในโลกนี้จะมีชายหนุ่มคนไหน หน้าตาหล่อเหลากว่าตนเองไปได้แน่!
จากนั้น หลี่เฉวียนยู่ก็ค่อยๆ เดินตรงไปหาถังจินซ่งที่โต๊ะ
“สวัสดีครับคุณชายหลี่ ไม่ได้พบหน้ากันตั้งสามปี ยังคงโดดเด่นไม่เปลี่ยนไปเลยนะ!” ถังจินซ่งกระเซ้าด้วยน้ำเสียงอิจฉา แต่ก็เพียงแค่อิจฉา ไม่ได้เกลียดชัง
และในบรรดาคุณชายทั้งสี่แห่งเจียงไฮวนั้น คุณชายหลี่นับว่าเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นและพิเศษที่สุด!
“จินซ่ง ไม่เจอกันสามปี นายเองก็ยังดูดีไม่เปลี่ยนเลยเหมือนเดิม!” หลี่เฉวียนยู่พยักหน้าพร้อมกับทักทายกลับเช่นกัน
น้ำเสียงของหลี่เฉวียนยู่ทุ้มนุ่ม ราวกับมีแม่เหล็ก นอกจากจะดึงดูดให้ผู้คนอยากฟังแล้ว ยังทําให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกสบายหูอย่างบอกไม่ถูก
ถังจินซ่งถึงกับฉีกยิ้มเสมือนได้ดื่มน้ำผึ้งที่มีรสชาติหวาน เมื่อได้ฟังคําเยินยอจากปากของหลี่เฉวียนยู่
“คุณชายหลี่ คุณหายหน้าหายตาไปตั้งหลายปี ผมคิดถึงคุณมากจริงๆ!” หวังชางหยางร้องตะโกนทักทายขึ้นบ้าง และสีหน้าท่าทางของเขาก็ดูเกินจริงไปมาก
“โอ้โหชางหยาง นายเองก็หล่อเหลาขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อนมากเลยนะ!” หลี่เฉวียนยู่ตอบกลับยิ้มๆ
“แหม.. หล่อยังไงก็สู้คุณชายหลี่ไม่ได้แน่!” หวังชางหยางยังคงเอ่ยชมอย่างประจบประแจง
หลังจากเพียงแค่ปรายตามองหลินหนาน หลี่เฉวียนยู่ก็จงใจหันไปทางหลิวหยิงหยิง พร้อมกับทักทายว่า
“พี่หลิว คุณเองก็ยังสวยแล้วก็สาวขึ้นกว่าเดิมมาก ดูเหมือนจะเก่งขึ้นมากด้วย..”
“คุณชายหลี่เรียกพี่หลิวแบบนี้ คงเห็นว่าฉันแก่ขึ้นมากสินะ!” หลิวหยิงหยิงแสร้งทําเป็นตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“ผมจะกล้าคิดแบบนั้นได้ยังไงกัน? พี่หลิวยังคงเป็นผู้หญิงที่สวย และอยู่ในใจของผมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปต่างหาก” หลี่เฉวียนยู่ตอบกลับยิ้มๆ
“คุณชายหลี่ช่างปากหวานจริงๆ!” หลิวหยิงหยิงหัวเราะคิกคัก พร้อมกับยิ้มสดใส
“อาวุโสหวู่ คุณจาง เถ้าแก่หวัง ลุงหลิว..”
หลี่เฉวียนยู่นับเป็นชายหนุ่มที่มีมารยาทงดงาม เขาเอ่ยทักทายอาวุโสแทบทุกคนที่อยู่ในห้อง เรียกได้ว่านอกจากจะมีหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังเป็นคนที่มีมารยาทดีมากอีกด้วย!
ทุกคนในห้องต่างก็พากันทักทายหลี่เฉวียนยู่กลับอย่างอบอุ่น และด้วยอํานาจอิทธิพลของตระกูลหลี่ มีหรือที่จะมีใครไม่กล้าให้หน้าหลี่เฉวียนยู่ได้
“อาวุโสหยาน… คิดไม่ถึงว่าจะได้พบอาวุโสที่นี่ด้วย!”
หลี่เฉวียนยู่เดินตรงเข้าไปหาหยานลู่เฟิง และเป็นฝ่ายยื่นมือออกไป พร้อมกับเอ่ยทักทายก่อนทันที
“เฉวียนยู่ ไม่ได้พบกันตั้งนานสินะ!” หยานลู่เฟิงตอบกลับยิ้มๆ
เพียงแค่หลี่เฉวียนเข้ามาทักทาย หยานลู่เฟิงถึงกับยิ้มออกมาได้ แสดงให้เห็นว่าฐานะของหลี่เฉวียนยู่ต้องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
“ครับ.. สามปี! ผมคิดถึงทุกคนมากจริงๆ” หลี่เฉวียนยู่ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มาเร็วเข้าเฉวียนยู่ มานั่งตรงนี้เร็วเข้า!” อาวุโสหปูพูดขึ้น พร้อมกับดึงมือหลี่เฉวียนผู้ให้นั่งลงที่เก้าอี้ทันที
หลินหนานเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่บ่นพึมพําอยู่ในใจ
หึ! ตาแก่นั่นไม่ยอมให้ฉันนั่งร่วมโต๊ะ แต่กลับให้ไอ้หน้าขาวนั่นนั่งแทน!
นี่เห็นว่าฉันไม่หล่อเหมือนไอ้หมอนั่นหรือยังไง? ตาแก่นี่คงจะตาถั่ว
เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึง และสีหน้าไม่พอใจที่หลินหนานแสดงออกมา ถังจินซ่งกับหวังชางหยางก็รีบหันไปมองหน้ากัน พร้อมกับยิ้มออกมาทันที
หึ คราวนี้คุณชายหลี่อยู่ทั้งคน ฉันอยากจะรู้นักว่าแกยังจะโอ้อวดอะไรได้อีก!
หลังจากที่หลี่เฉวียนนั่งลงแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามออกไปว่า “ทุกคนกําลังประชุมอยู่ผมนั่งตรงนี้จะไม่เป็นการรบกวนทุกคนแน่นะครับ!”
“ไม่เลยๆ เฉวียนยู่ เธอไม่ใช่คนนอกซะหน่อย!”
หลิวจื่อหยานโบกไม้โบกมือ พร้อมตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขามีธุรกิจที่ต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลหลี่มากมาย เวลานี้ได้โอกาส จึงไม่รีรอที่จะเอาใจ และประจบประแจงหลี่เฉวียนยู่
“นั่นน่ะสิ! ยังไงคุณชายหลี่ก็เป็นสมาชิกสมาคมเมิ่งหลาน คุณมีคุณสมบัติที่จะนั่งตรงนี้!”
จางเฉิงเป็นฝ่ายพูดขึ้น และไม่ลืมที่จะปรายตามองไปทางหลินหนานซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชา
สายตาของจางเฉิงประกาศชัดเจนว่า ไอ้หนุ่ม! คนอย่างแกไม่มีทางเทียบคุณชายหลี่ได้แน่!
หลินหนานเห็นเช่นนั้น จึงได้แต่ยกฝ่ามือขึ้น จางเฉิงเห็นเช่นนั้น จึงรีบซุกฝ่ามือที่บวมเป่งของตนเองไว้ใต้โต๊ะทันที
“เมื่อครู่ผมได้ยินว่า จะมีการเลือกประธานสมาคมคนใหม่ด้วยวิธีจับฉลากใช่มั้ยครับ?” หลี่เฉวียนยู่ทําเหมือนถามขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
“ใช่แล้ว! คุณชายหลี่คงจะนึกขบขันกับวิธีนี้เหมือนกันสินะ?” จางเฉิงยิ้มเย้ยหลิวหยิงหยิงพร้อมกับเอ่ยตอบหลี่เฉวียนยู่
แววตาของหลิวหยิงหยิงเปลี่ยนเป็นเศร้าขึ้นมาทันที เธอรู้ดีว่า การปรากฏตัวของคุณชายหลี่ในคืนนี้ คงจะต้องสร้างปัญหาให้กับเธออย่างแน่นอน!
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ!
ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่ปรากฏตัวขึ้นทันเวลาเช่นนี้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลี่เฉวียนยู่จะส่ายหน้า พร้อมตอบจางเฉิงกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไม่เลย! ผมว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจมากที่เดียว!”
“อะไรนะ?!”
จางเฉิงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะนิ่งอึ้งไปด้วยความงุนงง..
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายหลี่? จู่ๆ ทําไมถึงได้ไปเข้าข้างหลิวหยิงหยิงแบบนี้?
นี่ไม่เท่ากับการประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับทุกคนในห้องนี้?
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า
เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและพื้นพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า
หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในพื้นพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล
หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย
แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!
—–
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..