ตอนที่ 136 ทําไมต้องใช้มีด?
แพทย์ที่ทําการผ่าตัดถึงกับยอมแพ้
เหตุการณ์เช่นนี้เสมือนฟ้าผ่าลงกลางศรีษะของญาติคนไข้ ฉินเสี่ยวยู่หันไปทางเฉินจิ้งซานพร้อมกับอ้อนวอนขอร้อง
“ท่านประธานคะ ได้โปรดช่วยหาหมอเก่งๆ มาผ่าตัดสมองให้กับแม่ของฉันด้วยเถิดนะคะ?”
“อย่าหาว่าฉันโอ้อวดเลยนะเสี่ยวยู่! ฉันนี่ล่ะที่เชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดสมองมากที่สุดในโรงพยาบาลแล้ว ถ้าแม้แต่ฉันยังทําไม่ได้ ก็ยากที่หมอท่านอื่นจะทําได้” หลี่ชางไห่ตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
แม้ว่าหลี่ชางไห่จะมีจิตใจที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ในเรื่องการลงมีดผ่าตัดสมองมนุษย์นั้น ก็ต้องยอมรับว่า เขาคือผู้ที่เชี่ยวชาญที่สุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเคสที่ต้องผ่าตัดสมองเป็นพิเศษทั่วทั้งโรงพยาบาลยากที่จะหมอท่านใดเทียบเขาได้!
เฉินจิ้งซานรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆว่า หลี่ชางไห่เป็นศัลยแพทย์ด้านผ่าตัดสมองที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลจริงๆ
หากเขาปฏิเสธที่จะไม่ลงมีดผ่าตัด จะให้เอาปืนไปจ่อศรีษะของเขาให้ทําก็คงจะไม่ได้..
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างคงต้องสิ้นสุดแต่เพียงแค่นี้
หลี่ชางไห่ยังคงยืนมองนิ่งเฉย แต่สีหน้าของเขานั้นบ่งบอกถึงความอวดดี และหยิ่งผยองอย่างมาก
นี้! ฉันก็อยากจะรู้นักว่า แกยังจะจองหองพองขนได้อีกนานเท่าไหร่?
บังอาจทําร้ายหลานชายของฉัน?
ตอนนี้ฉันไม่ผ่าตัดให้ ดูสิว่าหมอคนไหนจะทําได้?
ฉินเสี่ยวยู่หันมองคนนั้นที่คนนี้ที่ ในที่สุดเธอก็หันไปทางผู้เฒ่า พร้อมกับทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเขา ก่อนจะร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอร้อง
“อาวุโส ได้โปรดช่วยแม่ของฉันด้วยเถิดนะคะ!”
หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาก่อนหน้านี้ ทําให้ฉินเสี่ยวยู่มั่นใจว่า ทักษะทางด้านการแพทย์ของผู้เฒ่าคู่นั้นต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน และเวลานี้ มีเพียงผู้เฒ่ากู่เท่านั้นที่จะช่วยแม่ของเธอได้
“แม่หนู ลุกขึ้นก่อนเร็วเข้า! อย่าได้ทําให้ฉันต้องลําบากใจ”
ผู้เฒ่าคู่รีบเข้าไปพยุงร่างของฉินเสี่ยวยู่ให้ลุกขึ้น “ฉันเองก็อายุมากแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถทําการผ่าตัดใหญ่เช่นนี้ได้!”
หลังจากได้ยินคําตอบของผู้เฒ่าอู่ ฉินเสี่ยวยู่ก็รู้สึกราวถูกฟ้าถล่มใส่ เพราะหากแม้แต่ผู้เฒ่ายังช่วยไม่ได้ แล้วแม่ของเธอจะมีโอกาสรอดได้อย่างไรกัน?
หลีชางไห้ได้แต่ทําสีหน้าเย้ยหยัน
นี้! ถ้าฉันไม่ทําการผ่าตัดให้ ก็อย่าได้หวังว่าจะมีใครสามารถผ่าตัดให้กับแม่ของเธอได้อีกเลย!
“แม่หนู.. อย่าเพิ่งวิตกกังวลหรือร้อนใจไปนักเลย ในเมื่อมีหมอเทวดาอยู่ที่นี่ด้วยทั้งคนทําไมเธอไม่ลองขอร้องเขาดูล่ะ!” ผู้เฒ่าคู่รีบบอกกับฉินเสี่ยวยู่ทันที
หมอเทวดางั้นเหรอ?
ใครกัน? หมอเทวดา?
ฉินเสี่ยวยู่เงยหน้าขึ้นมองผู้เฒ่า พร้อมกับกระพริบตาด้วยความงุนงง แววตาภายใต้ม่านน้ําตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย และสับสน
“ก็คุณชายหลินยังไงล่ะ? นี่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอหรอกรึ?” ผู้เฒ่าคู่เอ่ยต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับหันมองไปทางหลินหนาน
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของผู้เฒ่า ทุกคนในที่นั้นต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจระคนงุนงง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลีชางไห่ ที่เกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ไอ้หมอนี่น่ะเหรอหมอเทวดา?
ถ้าแกเป็นหมอเทวดาจริง ฉันก็คงเป็นฮัวโต่กลับชาติมาเกิดแล้วล่ะ?
หึ! นี่แกกล้าเรียกตัวเองว่าหมอเทวดาเชียวเหรอ?
“หลินหนาน… เรื่องจริงเหรอ?”
หลังจากได้ยินคําพูดของผู้เฒ่าอู่ ฉินเสี่ยวก็ยู่หันไปมองหน้าหลินหนานโดยไม่รู้ตัว ปากก็รําพึงรําพันออกมาด้วยความงุนงง แต่แววตากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง
หลินหนานทําหน้าเก้อเขินเล็กน้อย และตอบกลับไปว่า “ผมไม่ใช่หมอเทวดาสักหน่อย!”
“รู้จักอายก็ดี! อย่าถึงกับหน้าด้านขนาดเรียกตัวเองว่าหมอเทวดาเลย…” หลีชางไห่หันไปพูดกับหลินหนานด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน
“หึ! ถึงยังไงผมก็เก่งกว่าหมอจอมต้มตุ้นอย่างคุณแน่!” หลินหนานตอบโต้กลับไปอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน
หมอต้มตุ้นงั้นเหรอ?
นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!
ต่อให้เป็นแพทย์ที่ไม่มีชื่อเสียง แต่การถูกกล่าวหาว่าเป็นหมอต้มตุ่น ย่อมเป็นเรื่องที่แพทย์คนใดไม่อาจทนนิ่งเฉยได้แน่
“พ่อหนุ่ม! คนเราอาจกินอาหารไม่เลือกได้ แต่คําพูดคําจานั้น ควรจะต้องเลือกคัดเสียบ้าง! ความสามารถของคุณหมอหลี่ เป็นเรื่องที่หลายคนต่างก็รู้จักกันดี อย่าทําให้เขาต้องเสียชื่อเพียงเพราะเธอมีปัญหาส่วนตัวกับเขาเลย มันไม่ถูกต้อง!”
“เสี่ยวหลิน! อาหารนี้สามารถรับประทานได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ แต่ไม่สามารถพูดอย่างไม่เลือกปฏิบัติได้! ทักษะทางการแพทย์ของผู้อํานวยการหลีนั้นชัดเจนสําหรับทุกคน คุณไม่สามารถทําให้คนอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงได้เพียงเพราะคุณมีปัญหากับเขา มันไม่ดี!”
หลังจากที่เฉินจิ้งซานได้ยินคําพูดที่รุนแรงของหลินหนาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องห้ามปรามไว้บ้างเพราะไม่ว่าอย่างไร หลี่ชางไห้ก็เป็นแพทย์ที่อยู่ในความดูแลของเขา และหากปล่อยให้หลินหนานดูถูกเหยียดหยามหลี่ชางไห้ได้ ย่อมเท่ากับว่า เขาปล่อยให้หลินหนานฉีกหน้าตนเองด้วย!
“ประธานเฉิน คุณจะตําหนิหลินหนานฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก!”
ผู้เฒ่าคู่เอ่ยตัดบทขึ้นเสียก่อน ทําให้เฉินจิ้งซานถึงกับนิ่งไปเล็กน้อย ทั้งเขาและผู้เฒ่าคู่ต่างก็รู้จักกันมานานหลายปี สัมพันธภาพของคนทั้งคู่นั้น อาจเรียกได้ว่าถึงขั้นสนิทสนมด้วยซ้ําไป
แต่วันนี้ ผู้เฒ่าเป็นอะไรกัน? ทําไมถึงได้เข้าข้างหลินหนานเป็นพิเศษเช่นนี้
“คนอื่นฉันไม่รู้ แต่สําหรับคุณชายหลินแล้ว ฉันกล้ายืนยันได้ว่า ทักษะทางด้านการ แพทย์ของเขานั้นเหนือว่าฉันแน่นอน!” ผู้เฒ่าคู่เอ่ยออกมาในที่สุด
“ห้ะ?!!”
ทั้งเฉินจิ้งซาน และหลีชางไห่ ต่างก็ร้องอุทานออกมาเกือบจะพร้อมกัน!
นั่นเพราะ ใครๆต่างก็รู้ว่า ความรู้ทางการแพทย์ของผู้เฒ่าคู่นั้นล้ําเลิศเพียงใด แต่เขากลับยืนยันด้วยตัวเองว่า หลินหนานนั้นมีความสามารถที่เหนือกว่าตนเอง!
ต่อให้ผู้เฒ่าคู่ต้องการที่จะสรรเสริญเยินยอหลินหนานมากเพียงใด แต่ก็ไม่ควรที่จะต้องถึงกับทําให้ตัวเองดูด้อยค่าลงเช่นนี้?
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน ผู้เฒ่าคู่ก็รู้ได้ทันทีว่า ไม่มีใครเชื่อเขาแน่!
อย่าว่าแต่คนเหล่นี้ ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อชายหนุ่มคนนี้เช่นกัน แต่ปรากฏว่า เขาเหมีอนถูกตบหน้าอย่างแรง ด้วยใบสั่งยาที่หลินหนานเขียนให้ ทําให้ผู้เฒ่าคู่ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า ความเก่ง และความสามารถที่แท้จริงของคนเรานั้น ไม่สามารถวัดได้จากอายุ หรื อว่าชื่อเสียง
ผู้เฒ่าคู่ได้แต่ยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเฉินจิ้งซานว่า “คุณเฉิน. คุณยังไม่รู้จักคุณชายหลินดี และยังไม่เคยได้เห็นทักษะทางการแพทย์ของเขามาก่อน หากคุณไม่เชื่อก็รอเปิดหูเปิดตาด้วยตัวเอง”
“อาวุโส.. นี่คุณพูดจริงเหรอ?”
เฉินจิ้งซานยังคงถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ในใจก็คิดว่า คนอย่างผู้เฒ่าคู่นั้นคงจะไม่ยกยอใครจนเกินจริง..
เว้นแต่ว่า คนผู้นั้นจะมีความสามารถดังที่พูดจริงๆ!
“จริงสิเ ที่ผ่านมาคุณเคยเห็นผมพูดถึงใครด้วยความมั่นใจขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ล่ะ?” ผู้เฒ่าตอบกลับด้วยน้ําเสียงหนักแน่น
“ดี.. ผมเองก็อยากจะเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน!” เฉินจิ้งซานพยักหน้าขณะเอ่ยตอบ
หลังจากนั้น ผู้เฒ่าคู่ก็ได้หันไปบอกกับหลินหนานว่า “คุณชายหลิน ผมคิดว่าครั้งนี้ คุณคงต้องลงมือทําการผ่าตัดด้วยตนเองแล้วล่ะ! ส่วนพวกเราจะรอชมผลงาน…”
ในเมื่อไม่เชื่อ ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็น!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลินหนานจะตอบกลับมาอีกอย่าง “ผ่าต่งผ่าตัดอะไรกัน? ผมไม่เคยบอกว่าผ่าตัดเป็นสักหน่อย!”
เมื่อได้ฟังคําตอบของหลินหนาน สีหน้าของผู้เฒ่าคู่ก็ถึงกับเปลี่ยนไป และนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง! แต่หลังจากที่ได้สติ เขาก็บอกกับหลินหนานไปว่า
“คุณชายหลิน อย่าล้อเล่นจะดีกว่า! ด้วยทักษะทางการแพทย์ของคุณ การผ่าตัดสมองไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่อะไร..”
“อาวุโส
ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ! ผมผ่าตัดไม่เป็นจริงๆ!”
หลินหนานยืนยันหนักแน่น นั่นเพราะทักษะทางการแพทย์ของขานั้น ได้รับการถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์เสื้อขาวซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา วิธีการรักษาผู้ป่วยของหลินหนานนั้น คือการใช้ที่ลี้ลับ ผสมผสานเข้ากับวิชาฝังเข็มที่น่าอัศจรรย์
เขาเคยเห็นการผ่าตัดแค่ในทีวีเท่านั้น แต่ยังไม่เคยลองด้วยตัวเองสักครั้ง
“หึ! ที่แท้ก็แค่ราคาคุยสินะ แค่ผ่าตัดยังทําไม่ได้ แต่กลับกล้าเรียกตัวเองว่าหมอเทวดาหน้าไม่ อายจริงๆ!” หลี่ชางไห่ที่ยืนนิ่งไม่พอใจอยู่นาน ในที่สุดก็สบโอกาสที่จะได้เยาะเย้ยถากถางหลินหนาน
“นี่เสี่ยวยู่ เธอคิดว่าคนที่ดีแต่โอ้อวดแบบนี้ จะสามารถช่วยแม่ของเธอได้จริงๆน่ะเหรอ?”
หลี่เฟิงหันไปถามฉินเสี่ยวยู่ด้วยสีหน้าดูถูก และเวลานี้ทั้งลุงทั้งหลาน ต่างก็ช่วยกันรุมประชดประชัน และเยาะเย้ยถากถางหลินหนานไม่หยุด พวกเขาต่างก็ต้องการที่จะกระทืบหลินหนานให้จมดินเมื่อมีโอกาส
แม้กระทั่งเฉินจิ้งซานที่เฝ้ามองอยู่ ยังถึงกับส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง
นี่ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!
ผู้เฒ่ากูได้แต่นิ่งเงียบไปด้วยความรู้สึกเสียงหน้า และได้แต่แอบคิดเสียใจว่า หรือเขาจะยกยอหลินหนานจนเกินไปจริงๆ!
ในขณะที่ฉินเสี่ยวยู่เองก็ถึงกับหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม นั่นเพราะแม้แต่หลินหนานซึ่งเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของเธอในเวลานี้ ก็ได้ปฏิเสธออกมาแล้ว
ร่างของฉินเสี่ยวยู่โอนเอน และกําลังจะล้มทั้งยืน หลินหนานที่เห็นเข้าพอดี จึงรีบพุ่งไปคว้าร่างของเธอไว้ และกระซิบบอกด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“เสียวยู่ ไม่ต้องกังวลใจไป ผมรักษาท่านป้าให้หายได้แน่!”
“คุณชายหลิน ยังจะกล้าโอ้อวดอีกเหรอ? เมื่อครู่เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผ่าตัดไม่เป็นแล้วจะช่วยคนได้ยังไงกัน?” หลี่ชางไห่หันไปมองหลินหนานด้วยแววตาเย็นชา พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน
“ช่วยชีวิตคน.. ทําไมจะต้องใช้มีดด้วย?” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับหัวเราะออกมา