ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 17 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (17)

ตอนที่ 17 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (17)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 17 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (17)

อาณาเขตของท่านไป๋อยู่ทางเหนือของเมือง C มันเป็นเขตที่กฏหมายหละหลวมมาตลอด ฉีมู่ขับรถไปทางเหนือและจอดรถอยู่ด้านนอกสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซูหว่านคิดจะโทรหาไป๋เสี่ยวเย่ว์และค้นตามเสื้อผ้าของเธออยู่นานก่อนจะพบว่าเธอทำโทรศัพท์หายไปสักที่หนึ่ง

“ฉันจะโทรเอง”

อี้จื่อเซวียนซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา ด้วนความยากจนโทรศัพท์เขาจึงเป็นของมือสอง โทรศัพท์ยี่ห้อในประเทศรุ่นเก่าที่ญาติของเขาเคยใช้มาก่อน

เขาไล่หารายชื่อก่อนต่อสายทันทีที่เจอ แม้จะโทรติดทว่าไม่มีใครรับสาย

“ตู๊ดๆๆ…”

อี้จื่อเซวียนมุ่นคิ้ว ในจังหวะที่เขาคิดว่าจะวางสายกลับโทรติดอย่างคาดไม่ถึง

“อี้จื่อเซวียนเหรอ”

น้ำเสียงแจ่มชัดน่าฟังดังลอดมาจากปลายสาย แฝงแววฉงนมาตามเสียงนั้น

มันไม่ใช่เสียงของไป๋เสี่ยวเย่ว์

เขาไม่ได้พูดอะไร คนที่อยู่อีกฝั่งของสายโทรศัพท์ชะงักไปก่อนจะว่าขึ้นอีกครั้ง “ฉันเมิ่งถิงเหยาเอง ตอนนี้ฉันอยู่กับไป๋เสี่ยวเย่ว์น่ะ”

เมิ่งถิงเหยาหรือ

อี้จื่อเซวียนนึกถึงใบหน้าห่างเหินระคนชดช้อยของเมิ่งถิงเหยาทันที

เมิ่งถิงเหยาถูกรู้จักในฐานะดาววิทยาลัยและเทพี เธอเป็นคนรักในฝันและเป้าหมายของเหล่านักศึกษาชายนับไม่ถ้วน แม้ว่าอี้จื่อเซวียนจะไม่เคยคิดตามจีบเธออย่างนักศึกษาชายคนอื่นๆ มันก็ทำให้เขาหยุดเพลิดเพลินกับความงามของเทพีในใจเขาไม่ได้

ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงของเมิ่งถิงเหยาในตอนนี้ สีหน้าของเขาถึงได้ผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัวจนสังเกตได้ “ตอนนี้เธออยู่กับไป๋เสี่ยวเย่ว์เหรอ พวกเธอเจออันตรายกันหรือเปล่า”

“อันตรายเหรอ”

เมิ่งถิงเหยาที่ถือสายอยู่ออกจะอึ้งไปไม่น้อย “อันตรายอะไรล่ะ”

“ไป๋เสี่ยวเย่ว์เป็นเป้าหมายแรกของพวกผี ตอนนี้เจ้าตัวตกอยู่ในอันตรายมาก เธอจะเป็นอันตรายถ้าอยู่กับเธอนะ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน เราจะไปหาเธอ!”

น้ำเสียงอี้จื่อเซวียนดูเป็นกังวลหน่อยๆ ซูหว่านซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้ารถขมวดคิ้วน้อยๆ

“เราเหรอ”

เธอดูใจเย็นมากเมื่อเทียบกับความตื่นตระหนกของอี้จื่อเซวียน ความจริงแล้วเธอกำลังลองใจเขาอยู่ต่างหาก จนกระทั่งตอนนี้เธอได้คลายการระวังตัวกับเขาแต่คำว่า ‘เรา’ นั้นทำให้เธอลังเลใจ

ใครอยู่กับอี้จื่อเซวียนกัน

คนที่อยู่กับเขาไว้ใจได้หรือไม่

“นายอยู่กับใครเหรอ” เมิ่งถิงเหยาอยากจะรู้ว่าคนที่อยู่กับเขาใครเสียก่อน

“ซูหว่านกับฉีมู่น่ะ”

ซูหว่านกับฉีมู่หรือ

เมิ่งถิงเหยานิ่งไปชั่วขณะก่อนกระซิบบอกทันที “ไป๋เสี่ยวเย่ว์ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เราอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกันแล้ว นายจะมาหาพวกเราก็ได้แต่ว่านายมาได้แค่คนเดียวนะ”

เธอรู้สึกว่าเชื่อใจอี้จื่อเซวียนได้แม้จะไม่เต็มร้อยก็ตาม ส่วนกับฉีมู่เธอยิ่งนึกสงสัยมากขึ้นไปอีก

ดังนั้นเธอจึงขอพบกับอี้จื่อเซวียนเพียงคนเดียว เช่นนี้ทั้งสองฝ่ายถึงจะมั่นใจว่าจะปลอดภัยได้ หากอี้จื่อเซวียนไว้ใจไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็มีแค่ตัวคนเดียว เธอกับไป๋เสี่ยวเย่ว์สามารถล้มเขาได้หากพวกเธอร่วมมือกัน ถ้าซูหว่านหรือฉีมู่อยู่ด้วยมันคงวุ่นวายมากกว่านี้

เขาเพียงครุ่นคิดไปครู่หนึ่งเมื่อได้ฟังข้อเสนอของเธอ ก่อนจะตอบตกลงทำตามทันที

ไม่นานหลังจากนั้น อี้จื่อเซวียนวางสายพร้อมความเงียบที่ก่อตัวในรถไปช่วงหนึ่ง

“คิดได้หรือยัง”

ฉีมู่เหลือบมองเขา อี้จื่อเซวียนพยักหน้ารับ “ตอนนี้การที่เราจะอยู่แยกกันมันไม่ได้เสียหายอะไร”

อันที่จริงความคิดของเขานั้นเรียบง่าย ในเมื่อไป๋เสี่ยวเย่ว์คือหมายเลขหนึ่ง เขาแค่ต้องอยู่กับไป๋เสี่ยวเย่ว์เท่านั้น พอมีใครบางคนมาฆ่าเธอเขาก็ใช้พลังของเขา อย่างนี้พวกผีที่เหลือจะกรูกันมาในคราวเดียว

มันเป็นหนทางที่ได้ผลและรวดเร็วที่สุด ส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกับกฏในโลกนี้นั้นเขารู้สึกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ฉีมู่ว่าไว้

ในเมื่อพวกผีมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตรอดโดยการฆ่าคนเป็น อย่างนั้นคนเป็นจะได้รางวัลอะไรถ้าพวกเขากำจัดพวกผีได้กันล่ะ

ไม่อย่างนั้นฉีมู่จะลงมือฆ่าเฉินอวี้เฟิงโดยไม่ลังเลได้อย่างไรกัน

อี้จื่อเซวียนสงสัยในตัวฉีมู่มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ที่เขารู้ว่าไป๋เสี่ยวเย่ว์อยู่ที่ไหน เป็นโอกาสที่เขาจะทดสอบสมมุติฐานของเขา

พูดได้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ความเชื่อใจกันได้ถึงจุดเปราะบางขั้นวิกฤติที่สุด อี้จื่อเซวียนต้องการฉวยผลประโยชน์ให้มากที่สุดและปกป้องตัวเองสุดขีด มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็ลงจากรถไป เราคงได้เจอกันสักวันหนึ่ง”

ฉีมู่ปลดล็อกรถก่อนอี้จื่อเซวียนจะลงไปอย่างไม่ลังเล

ซูหว่านเห็นเขาเดินไปทางซอยหนึ่งพลางต่อสายโทรศัพท์จากกระจกมองหลัง

“อะไรกัน เธอทนแยกจากกันไม่ได้เหรอ”

ฉีมู่จับจ้องสายตาของซูหว่านและอดถามออกมาไม่ได้

เธอส่ายหน้าและเบือนสายตาหนี “ไม่มีอะไรให้รู้สึกแย่ที่แยกจากกันหรอก ฉันแค่รู้สึกเหมือนไม่เคยเข้าใจอี้จื่อเซวียนคนนี้จริงๆ เฉยๆ น่ะ”

ซูหว่านเอนหลังพิงเบาะรถขณะเอ่ยพร้อมถอดถอนลมหายใจ “ฉีมู่ เราจะไปไหนกันต่อล่ะ”

“เธอหิวหรือเปล่า”

ฉีมู่ไม่ได้ตอบเธอแต่กลับถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

หิวหรือ

ความรู้สึกหวาดระแวงและกลัวทำให้เธอไม่หิวแม้แต่น้อยไปเสียแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินเขาถามเธอก็พลันหิวขึ้นมาบ้าง

“งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันรู้จักร้านอาหารที่ของทานเล่นอร่อยมากอยู่หลายร้านเลย”

“แต่ว่า…”

ซูหว่านอยากจะบอกบางอย่าง แต่ฉีมู่ได้เร่งเครื่องขับไปตามท้องถนนแล้ว

การจราจรไม่ติดขัดแต่อย่างใด ตลอดเส้นทางไม่มีสัญญาณไฟแดง อยู่ๆ ซูหว่านก็ง่วงงุนเล็กน้อยและผล็อยหลับไปที่เบาะนั่ง ฉีมู่ลดความเร็วลงโดยไม่รู้ตัวและหันหน้าไปครั้นเห็นว่าเธอหลับไปแล้ว สายตาเอาแต่จับจ้องใบหน้าของเธอ

“นอนหลับให้สบายนะ มันจะต้องไม่เป็นอะไร”

ฉีมู่พึมพำประโยคหนึ่งก่อนเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนทางเดียวในความทรงจำของเขา…

ฟั่นซูจวินเดินไปตามถนนว่างเปล่าเงียบๆ ตามลำพัง เงาของเขายืดยาวขึ้นเรื่อยๆ เพราะแสงไฟข้างทาง

ไม่รู้ได้ว่าเขาเดินมาไกลเพียงไหนแล้ว ทว่าเสียงโทรศัพท์ของเขาที่ดังขึ้นดึงให้เขากลับมามีสติ

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอยังคงเหนียวเหนอะด้วยเลือดแห้งกรัง มันเป็นเลือดของไป๋เสี่ยวเย่ว์

แสงขาวจากหน้าจอยิ่งสว่างเป็นพิเศษท่ามกลางไฟสลัว เมื่อเห็นคำสามคำ ‘อี้จื่อเซวียน’ เขาก็ยิ้มหยันก่อนจะกดวางสาย

จากนั้นเขาก็เตร็ดเตร่ไปตามถนนต่อไปอย่างกับผีเร่ร่อนยามเที่ยงคืน กระทั่งโทรศัพท์เอาแต่ร้องดังขึ้นไม่หยุด ครั้งนี้สายที่โทรเข้ามาคือ “ฉินลู่”

วุ่นวายอะไรขนาดนี้

อยู่ๆ ฟั่นซูจวินก็ยกมือขึ้นเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือเข้าไปพงหญ้ารกทึบ เขาถอดแว่นออกอย่างหัวเสียไม่น้อย ดวงตากลมโตพร่าเลือนสดใสแจ่มชัดขึ้นมาในทันใด

ฉันควรไปที่ไหนต่อ ฉันควรไปหาใครต่อไป

ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่กลางทางแยกด้วยความสับสน ใบหน้าทุกส่วนดูไม่สู้ดีนัก

รถยนต์คันหนึ่งพลันค่อยๆ ขับมาจากหัวมุมถนนในขณะนั้น ฟั่นซูจวินชะงักไปเล็กน้อยและรีบไปซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้แถวนั้น

รถคันนั้นขับมาอย่างเชื่องช้า ฟั่นซูจวินจึงเห็นซูหว่านซึ่งนอนหลับสนิทอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้าได้ชัดเจน รวมถึงตัวฉีมู่ที่จดจ่อกับการขับรถอยู่ข้างเธอด้วย

ทำไมซูหว่านกับฉีมู่ถึงมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะ

ฟั่นซูจวินงุนงงไปพอสมควร แต่ทั้งร่างของเขาก็แข็งทื่อในวินาทีต่อมา

มือเปื้อนเลือดข้างหนึ่งวางอยู่บนบ่าอย่างไม่ได้ตั้งตัว พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่เข้าจู่โจมสัมผัสของเขา

“ไม่ต้องตกใจไป ฉันเอง”

น้ำเสียงออกจะแปร่งๆ ดังมาจากด้านหลังเขา อารมณ์แข็งขึงของฟั่นซูจวินผ่อนคลายลงฮวบฮาบทันที “นายมาที่นี่ได้ยังไง ใครทำร้ายนาย”

ฟั่นซูจวินค่อยๆ หันไปมองใบหน้าคุ้นเคยตรงหน้าด้วยแววเป็นกังวลเต็มเปี่ยม

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท