ตอนที่ 4 ตัวแทนคนรัก (4)
งานเลี้ยงของตระกูลเซียวจัดอยู่ริมสระแห่งหนึ่งในคฤหาสน์ เวลาเริ่มงานคือหนึ่งทุ่ม เมื่อเปลี่ยนเป็นชุดพิธีการสีขาวบริสุทธิ์แล้ว ซูหว่านก็ไปยังบ้านตระกูลเซียวโดยมีเสิ่นเหว่ยเคียงข้างแต่เนิ่นๆ
ในเวลานี้แขกเหรื่อยังมากันไม่มาก เพราะว่าช่วงกลางวันฝนตกทั้งวัน ขณะนี้อากาศด้านนอกจึงชุ่มชื้น ในอากาศยังเจือด้วยกลิ่นอายของใบหญ้าหลังฝน
ทันทีซูหว่านและเสิ่นเหว่ยที่เดินผ่านประตูไปก็ดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนไม่น้อย ประธานซูที่เพิ่งมาใหม่ของ EVFA เขตหัวเซี่ย ทุกคนล้วนแต่มีความใคร่รู้อยู่บ้าง โดยเฉพาะการแต่งกายของเธอในคืนนี้ ทำให้ลูกชายจากครอบครัวมั่งคั่งจำนวนไม่น้อยต่างพากันตาลุกวาว
คืนนี้ซูหว่านแต่งตัวเรียบง่าย ชุดพิธีการสีขาวทั้งตัวไม่มีจุดด่างพร้อยแม้เพียงจุดเดียว แต่ว่าใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ขับให้เด่นด้วยเครื่องสำอางค์บางๆ กลับดูสะอาดใสน่าดึงดูดเป็นพิเศษ
ท่ามกลางฝูงชนผู้มั่งมี มีเพียงผู้เดียวที่ดูงามสง่าผุดผ่อง
ซูหว่านรู้ดีว่าวันนี้เซียวจิ่งมั่วต้องจัดเตรียมชุดให้ลั่วชูชูออกมาในแบบสวยงามบริสุทธิ์ดั่งดอกบัวพ้นผิวน้ำแน่นอน
แต่ขอโทษนะ…เธอคนนี้ พอดีชอบแต่งตัวชนกับคนอื่นด้วยสิ…
เห็นสายตาของผู้อื่นที่มองตัวเองด้วยความชื่นชมและริษยา เสิ่นเหว่ยในฐานะผู้ชายก็รู้สึกยินดีระคนขมขื่น
คู่ออกงานข้างกายช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน เขารู้สึกว่าความภาคภูมิใจแบบหลอกๆ นี้ทำให้เขาอิ่มเอมถึงที่สุด
เฮ้อ
เสิ่นเหว่ยยังคงใจลอยอยู่ แต่ซูหว่านก็ได้พาเขามายังเบื้อหน้าผู้คนทั้งหลายแล้ว…
“ท่านประธานหวัง!”
“ท่านประธานหลิว!”
ซูหว่านส่งยิ้มอันเย้าย้วน เอ่ยคำทักทายพอเป็นมารยาทที่ไร้ซึ่งความจริงใจอันสุดแสนจะคุ้นเคยแก่เหล่าแขกเหรื่อเหล่านั้นในห้องโถงงานเลี้ยง เมื่อเห็นสาวสวยเอ่ยทักทาย ย่อมไม่มีใครปฏิเสธ ดังนั้นเพียงชั่วขณะเดียว ซูหว่านก็หลอมหลวมเป็นหนึ่งกับผู้คนทั้งหลาย
เวลาผ่านไปทุกนาที แขกเหรื่อในห้องโถงก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ใกล้ได้เวลาเริ่มงานแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเอะอะแว่วมาจากประตูคฤหาสน์ เสิ่นเหว่ยที่อยู่ข้างซูหว่านรู้สึกสนใจจึงหันชะเง้อมองไปยังปากทางทันที และแล้วก็เห็นคู่หนุ่มสาวถูกรายล้อมด้วยเหล่าแขกเหรื่อราวกับดาวล้อมเดือนอยู่ ณ ที่นั่น
เสิ่นเหว่ยผู้ชอบส่องสาวสวยมาแต่ไหนแต่ไร แต่คราวนี้ครั้งแรกเมื่อได้เห็นร่างอันสูงเพรียวนั้น รูปร่างของผู้ชายอันสมบูรณ์แบบที่ขับดุนด้วยชุดสูทสั่งตัดพิเศษในราคาสูงลิบลิ่ว ขาเหยียดตรงเรียวยาวคู่นั้น เอวที่สวยไร้ที่ติและแผงอกที่แผ่กว้าง ทำให้เสิ่นเหว่ยผู้ไม่ต้องรอให้ถึงวัยกลางคนก็มาชิงอ้วนลงพุงเสียก่อนถึงกลับอิจฉาจนแทบดิ้นพล่านเลยทีเดียว
แน่นอน นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตะลึง สิ่งที่ทำให้เสิ่นเหว่ยทึ่งเสียยิ่งกว่าคือ ชายหนุ่มหุ่นดีไร้ที่ติผู้นั้นยังมีใบหน้าหล่อเหลาเสียยิ่งกว่าดารา ไม่ใช่หล่อแบบอ่อนเยาว์สดใส และไม่ใช่หล่อแบบคมขำสันทัดจริงจัง
ใบหน้าอันคมเข้มเด่นชัดนั้น ดูงดงามสูงส่งสมบูรณ์แบบ
ได้ยินแขกเหรื่อที่รายรอบถกถึงชื่อของคนผู้นั้น เสิ่นเหว่ยก็นึกออก นั่นก็คือคุณชายฟังที่เล่าลือกันนั่นเอง
โถ่เอ้ย! ทำไมเขาไม่รู้สึกมาก่อนเลยว่าคุณชายฟังจะดูดีมีเสน่ห์ถึงขนาดนี้นะ!
“นั่นคือฟังจื่อมู่นี่นา คุณชายใหญ่แห่งบ้านตระกูลฟัง”
เสิ่นเหว่ยกลัวอย่างยิ่งว่าซูหว่านจะไม่รู้จักคุณชายผู้นี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูซูหว่านเบาๆ
ทว่าเพียงแค่เข้าใกล้เพียงชั่วขณะเดียว เสิ่นเหว่ยก็รับรู้ได้ถึงสายตาอันเยือกเย็นคู่หนึ่งที่จดจ้องมายังโดยทันที
ความรู้สึกเหมือนอสรพิษจดจ้องนั้น แม้จะเพียงชั่วประเดี๋ยว แต่กลับทำให้เขาเสียวสันหลังเหงื่อชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง
ใครกันน่ะ ถึงได้มีสายตาน่ากลัวถึงขนาดนี้
หากสายตาสามารถสังหารคนได้ เสิ่นเหว่ยไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเขาในวินาทีที่เพิ่งผ่านมานั้น คงร่างกายแหลกเหลวเป็นจุณไปแล้วแน่
เสิ่นเหว่ยเหลียวซ้ายแลขวาใบหน้าซีดเผือด แต่ความรู้สึกในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่นี้เหมือนกับว่าเขารู้สึกไปเอง ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้ตามหา
ที่จริงแล้วตั้งแต่ซูรุ่ยเดินเข้ามาซูหว่านก็เห็นเขาแล้ว ตอนกลางวันได้แต่มองแบบผ่านๆ เพียงปราดหนึ่ง ตอนนี้เธอถึงได้ประเมินซูรุ่ยอย่างจริงจัง
ความดุดันที่เคยมีจางลงไป ซูรุ่ยในตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์อันงดงามสมบูรณ์แบบของคุณชายผู้สูงส่ง ความสง่าล้ำค่าบนตัวเขาเกิดจากการสั่งสมมาแรมปี เทียบกับเหล่านักธุรกิจทั้งหลายที่อยู่รายล้อมนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อาจพูดได้ว่า ซูรุ่ยเป็นผู้สร้างตัวตนของฟังจื่อมู่ผู้นี้ ทั้งวิญญาณและนิสัยใจคอเปลี่ยนใหม่โดยสิ้น
แอบทอดถอนใจอยู่ลึกในใจ เธอจำซูรุ่ยได้ ซูรุ่ยเองก็จำเธอได้เช่นกัน หากเธอเดาไม่ผิด เกรงว่าซูรุ่ยก็คงเป็นผู้รับภารกิจคนหนึ่งเช่นเดียวกับเธอ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาได้รับภารกิจอะไรในโลกแห่งนี้
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ซูหว่านก็อดที่จะเหลือบสายตามองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้างซูรุ่ยไม่ได้ นั่นก็คือฟังจื่อเวิ่น
ในคืนนี้ฟังจื่อเวิ่นสวมชุดราตรีสีม่วงสวยสดโดดเด่นกว่าใครๆ สีม่วงอันหรูหราและเย้ายวน ลึกลับและล้ำค่า ขับให้สีผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะของเธอโดดเด่น
ฟังจื่อเวิ่นตัดผมทรงสั้นดูสบาย ใบหน้าตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีต เธอในภาพลักษณ์นี้เมื่อเทียบกับคุณหนูฟังที่แต่งหน้าจนเทา ทั้งยังย้อมผมออกมาสารพัดสีผู้นั้นราวกับเป็นคนละคน
ดังนั้น ทันทีที่เธอเข้ามา ถึงได้ทำให้ฮือฮากันขึ้นมาใหญ่โตเช่นนั้น
เมื่อถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดและชื่นชมของผู้คน ฟังจื่อเวิ่นก็เกิดประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย…
ภาพลักษณ์ใหม่ของตนตอนนี้ดูไปคงไม่เลวมั้ง
ถ้าอย่างนั้น เซียวจิ่งมั่วจะชอบไหมนะ
เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งมั่ว ใจฟังจื่อเวิ่นก็อ่อนปวกเปียก เธอโตขนาดนี้ แต่ยังไม่เคยสัมผัสรสความรักเลย และการปรากฏตัวของเซียวจิ่งมั่วทำให้เธอได้รู้ว่าอะไรคือความรัก ถึงแม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเธอ แต่ฟังจื่อเวิ่นก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งเซียวจิ่งมั่วจะค้นพบความดีในตัวเธอ และจะชอบเธอ
ถึงตรงนี้ จิตใจของฟังจื่อเวิ่นก็ฮึกเหิมยิ่งขึ้น แต่ซูรุ่ยที่อยู่ด้านข้างเพียงแค่กล่าวทักทายเป็นมารยาทกับผู้คนที่รายล้อมอย่างเย็นชาห่างเหิน เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด ความจริงแล้วเขาสนใจก็เพียงความเคลื่อนไหวของซูหว่าน
รอยยิ้มอันงามสง่า ท่าทีอันสุขุมนุ่มลึกของเธอ ดูเหมือนกำลังสนุกกับงานเลี้ยงแบบนี้ไม่น้อย
เห็นเธอถูกรายล้อมด้วยเหล่าชายหนุ่ม ท่าทีหัวเราะเบิกบานเหมือนอย่างเมื่อก่อน สีหน้าของซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะบึ้งตึงขึ้นมา
สายตาซูรุ่ยร้อนรุ่มเป็นพิเศษ ซูหว่านรู้สึกราวกับมีหนามปักทิ่มอยู่กลางหลังตลอดเวลา แต่เธอก็ยังคงรักษาท่าทีอันงามสง่าของเธอไว้ งานเลี้ยงแบบนี้เธอเข้าร่วมมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบใดเธอก็รับมือได้อย่างง่ายดาย
พูดคุยกับเหล่าคู่ค้าทางธุรกิจอยู่พักใหญ่ ซูหว่านในที่สุดก็แยกตัวออกจากกลุ่มคน เสิ่นเหว่ยที่ยิ้มจนหน้าแทบเป็นตะคริวข้างๆ นั้นก็อ้างว่าเข้าห้องน้ำอาศัยโอกาสนี้เผ่นแนบ ซูหว่านหาสถานที่ที่ไม่อึกทึกแต่ก็ไม่เงียบเหงาจนเกินไปแล้วนั่งลงตามลำพัง
ในตอนนี้ เธอมองหาท่ามกลางฝูงชนอีกครั้ง แต่เขากลับหายตัวไปซะแล้ว
ดูไปแล้ว เขาท่าทางคงไม่อยากจะพบเธอ
ซูหว่านแกว่งไวน์แดงในแก้วทรงสูงของเธอครู่หนึ่ง ของเหลวสีแดงเลือดหมูส่องประกายระยิบระยับภายใต้โคมไฟแชนเดอเรีย
ในภารกิจเหล่านั้นที่ผ่านมา ซูหว่านได้เจอผู้คนมากมายหลากหลาย เธอเคยช่วยเหลือพวกเขา เคยทำร้ายพวกเขา และเคยหลอกใช้พวกเขา
ทุกครั้งที่ก้าวออกจากภารกิจ ซูหว่านล้วนใช้ความเร็วในระดับสูงเพื่อทำให้ตนเองลืมพวกเขาเสีย
ใจของเธอไม่สามารถเก็บผู้ใดไว้ได้ และไม่ต้องการให้ผู้ใดสัมผัสมัน
แต่ ซูรุ่ยคือกรณียกเว้น
สายตาของเขามีอำนาจทะลุทะลวงสูง จนซูหว่านไม่อาจปิดบังเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ความรู้สึกที่โดนคนมองจนทะลุแบบนี้ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง
ซูรุ่ย…
ลึกไปกลางนัยน์ตาของซูหว่านฉายประกายวาบหนึ่ง…
ในโลกแห่งนี้ หากนายเป็นศัตรูกับฉัน ฉันคงได้แต่จะจัดการนายเพื่อจะได้สบายใจภายหลัง
ซูหว่านไม่เคยออมมือให้กับผู้ใด ซูรุ่ยนายเองก็จะไม่ยกเว้นเช่นกัน
…………
โคมไฟแชนเดอเลียร์หรูหราบนเพดานทันใดนั้นก็กะพริบดับไปครู่หนึ่ง ไฟสปอร์ตไลต์ที่สว่างจ้าส่องส่ายลงมาจากทั้งสี่ด้านของผนัง และแล้วทั้งหมดก็ส่งรวมกันมายังที่บันไดชั้นสองของคฤหาสน์ เวลาเริ่มงานเลี้ยงมาถึงแล้ว เจ้าภาพงานเลี้ยงในที่สุดก็ปรากฏตัวอย่างเอิกเกริกท่ามกลางการรอคอยของผู้คน
ซูหว่านมองไปยังบันไดที่ว่างเปล่านั่น ในวินาทีนั้นเอง ดูเหมือนสายตาของผู้คนล้วนแต่จับจ้องไปยังที่เดียวกัน
ไม่มีใครเห็นซูรุ่ยเดินออกไปยังโถงทางเดินที่เชื่อมกับห้องน้ำอย่างใจเย็น ยิ่งไม่มีใครสนใจ คู่ออกงานของซูหว่านที่กำลังโซซัดโซเซเบียดเสียดเข้าไปกลางฝูงชนอย่างน่าเวทนา…