ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 7 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (7)

ตอนที่ 7 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (7)

“พวกเขาตายไปแล้ว” ซูหว่านเอ่ยประโยคนี้เสียงหนัก ทั้งสามที่อยู่ด้านข้างหันมามองเธอพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ซูหว่าน เธอเองก็ฝันใช่หรือเปล่า…”

ฉีมู่พลันจ้องหน้าเธอขณะที่เร่งเร้าถามเธอ

“ใช่ ฉันเองก็ฝันแปลกๆ เหมือนกัน แล้วก็…” สายตาซูหว่านส่อแวววูบไหวขณะที่มองทั้งสามคน “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้เราก็ยังอยู่ในความฝัน ความฝันที่ต่อเนื่องไม่จบสิ้น เราเชื่อกันว่าตัวเองได้สติจากการตื่นมาจากฝัน แต่ความจริงเรากำลังข้ามผ่านจากความฝันลึกไปความฝันที่ลึกไปกว่าเดิมต่างหาก”

นี่เป็นความสยดสยองที่แท้จริงของฝันร้าย มันจะทำให้คุณอยู่ในฝันร้ายไปตลอดกาล ไม่มีหนทางหนีรอดไปได้ ไม่มีหนทางให้หันหลังกลับ

“มันจะเป็นไปได้ได้ยังไงกัน!”

ฉีมู่ซึ่งเป็นคนที่อายุมากที่สุดและผ่านประสบการณ์มาโชกโชนกลับเป็นคนแรกที่เสียอาการ

บางทีจากคำอธิบายนี้เขาอาจพูดได้ว่าเรื่องเหลวไหลนี้นั้นแนบเนียนเกินไปจนทำให้เขายากที่จะยอมรับมัน เทียบกันแล้วเมิ่งถิงเหยาดูใจเย็นกว่ามาก เธอมุ่นคิ้วและสงวนท่าทีห่างเหินของเธอไว้ ในขณะที่ฟั่นซูจวินช้อนตามองซูหว่าน ประกายปริศนาฉายในดวงตาเบื้องหลังเลนส์แว่น

“โลกความฝันงั้นเหรอ หรือมันจะเหมือนมิติที่ช่วงชิงมาจากความฝัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องมีจุดที่เชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริงใช่ไหม”

ฟั่นซูจวินยิงคำถามรัวๆ น้ำเสียงแฝงร่องรอยความตื่นเต้น

คนทั่วไปย่อมไม่อาจเข้าใจความคิดที่พูดออกมาในภาษาวงการเกม

อย่างไรก็ตามซูหว่านพินิจพิจารณาฟั่นซูจวินโดยละเอียด คนบ้าเกมคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“ใช่แล้ว ต้องมีจุดเชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริงอยู่”

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและถือไว้ตรงหน้าทุกคน “ตลอดช่วงที่ผ่านมาเวลาบนโทรศัพท์ฉันหยุดอยู่ที่สี่ทุ่มห้าสิบ ฉันคิดว่าฉันเดาได้รางๆ ว่าเป็นตอนที่ตัวเองถูกดึงเข้าไปในวงจรความฝันไม่จบสิ้นนั้น”

เป็นเวลาสี่ทุ่มห้าสิบตรงเผงตอนที่ฟั่นซูจวินโทรมา หลังจากเขาวางสายไปซูหว่านก็ถูกล่อเข้าไปในความฝันมิตินี้

“แล้วจุดเชื่อมต่อคืออะไรล่ะ”

ในที่สุดเมิ่งถิงเหยาซึ่งเงียบมาตลอดก็หยุดสายตาที่ซูหว่าน แววตาฉายจับผิดและนึกสงสัย

“ฉันไม่รู้”

ซูหว่านส่ายหน้า “บางทีเราน่าจะตามหาอี้จื่อเซวียนกับเฉินอวี้เฟิงกันก่อน หลังจากนั้นอาจจะหาทางกลับไปโลกความเป็นจริงได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน สายตาเมิ่งถิงเหยาส่อวาววับ “เธอรู้ได้ยังไงว่าอี้จื่อเซวียนกับเฉินอวี้เฟิงยังมีชีวิตอยู่”

หากฟังเถียนเถียนตายไปอย่างนั้นมันก็เป็นไปได้ว่าอี้จื่อเซวียนอาจจะตายไปแล้วก็ได้ แม้แต่…ซูหว่านกับฉีมู่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา…

เมิ่งถิงเหยาได้แต่รู้สึกตัวเย็น เธอไม่กล้าคิดถึงมันต่อ

“อี้จื่อเซวียนไม่ตายหรอก”

ซูหว่านว่าขึ้นอย่างแน่วแน่ระคนมั่นใจ

ในฐานะตัวหลักชายคนแรกของโลกนี้ อี้จื่อเซวียนจะตายง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

“เธอมั่นใจในตัวเขาจริงๆ นะ”

เมิ่งถิงเหยาเองก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซูหว่านกับอี้จื่อเซวียนดีเช่นกัน ตอนที่ทั้งสองเลิกรากันไป มันไม่อาจบอกได้ว่าใครผิดใครถูก ซูหว่านเกิดในเมืองหลวงและต้องการไขว่คว้าชีวิตในแบบที่เธอต้องการ ในขณะที่อี้จื่อเซวียนมาจากต้าซานและหมายจะคว้าความสำเร็จกลับไปที่หมู่บ้านบนเขา ความฝันของทั้งสองคนต่างกับลิบลับ แรกเริ่มเดิมทีพวกเขารักกันหวานชื่น หากแต่มันก็เป็นเพียงแรงดึงดูดระหว่างคนต่างเพศธรรมดา

แม้ว่าเมิ่งถิงเหยาจะอยู่ห้องเดียวกับซูหว่าน พวกเธอก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมากนัก เธอเองไม่เข้าใจนิสัยของซูหว่านเช่นกัน และในเวลานี้เธอยิ่งไม่เข้าใจอีกฝ่ายมากกว่าเดิม

ค่ำคืนนี้ทั้งสี่คนนั่งล้อมกองไฟและผลัดกันไปพักผ่อน คืนนั้นผ่านพ้นไปโดยไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้น

วันถัดมาพวกเขาปรึกษากันและยังคงตัดสินใจจะอยู่รอ พวกเขารออยู่ที่เดิม ทว่าน่าเสียดายที่ตลอดสามวันที่เฝ้ารอ แม้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแต่อี้จื่อเซวียนกับเฉินอวี้เฟิงก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น

ตอนนี้อาหารและน้ำดื่มที่เหลืออยู่สำหรับทั้งสี่คนนั้นไม่มากนัก

“พรุ่งนี้ไปตามหาพวกเขากันเถอะ”

ท่ามกลางแสงสว่างยามดึก น้ำเสียงของฉีมู่อ่อนระโหยกว่าปกติ “เราไปกันอย่างนี้ไม่ได้นะ”

“แต่มันก็เป็นทางเดียวนี่คะ” เมิ่งถิงเหยามองหน้าเขาก่อนเลื่อนสายจาไปทางซูหว่าน ซูหว่านพยักหน้ารับน้อยๆ เช่นกัน

ฟั่นซูจวินอยู่ห่างออกไปอีกด้านราวกับจะปลีกตัวออกมาให้มากที่สุด เราก้มหน้าเล่นเกมของเขาอยู่ตลอดเวลา เหมือนกันว่าเขาไม่ได้อยู่กลางป่าน่าพิศวงแต่เป็นบนเตียงของเขาในหอ

ทุกคนสลับกันไปพักผ่อนอย่างไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อถึงคราวที่ซูหว่านอยู่เฝ้าเวรกลางตืน เธอเห็นฟั่นซูจวินยังคงไม่ง่วงอย่างน่าทึ่ง ทว่าเขากลับไม่ได้เล่นเกมอยู่ในเวลานี้แต่กำลังจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีใบไม้บดบังเหนือศีรษะไปอย่างเลื่อนลอย

“นายคิดอะไรอยู่เหรอ”

ซูหว่านนั่งลงข้างเขาเงียบเชียบ เธอหลุบตาลงและมองเขาอย่างจริงจัง ฟั่นซูจวินในตอนนี้ถอดแว่นตาหนาเตอะออก เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านพินิจใบหน้าของเขาเช่นกัน ความจริงแล้วเขามีดวงตาที่สวยมากและด้วยไม่ได้ออกไปไหนมานานผิวของเขาจึงขาวไม่เบา เครื่องหน้าประณีตเข้ากับผิวขาวๆ ของเขาได้ดี เขาไม่ได้ดูเหมือนพวกหมกมุ่นตัวยงแม้แต่น้อย

“ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เบื่อ แล้วก็งงๆ น่ะ“

ฟั่นซูจวินหันหน้ามามองเธอด้วยสาตาพร่าเลือน

ซูหว่านรู้ว่าเขาไม่อาจเห็นสีหน้าของเธอตอนนี้ได้ชัดเจนนัก ด้วยเขาสายตาสั้นมากจึงมองเห็นได้รางๆ เพราะไม่ได้ใส่แว่นอยู่

“นายเคยฝันเห็นฟังเถียนเถียนหรือเปล่า”

แม้เธอจะรู้ว่าเขามองสีหน้าของเธอไม่ออกก็ยังคงจ้องตาเขาอย่างเป็นนิสัย

“อืม”

เขานึกลังเลใจแต่ยังพยักหน้ารับ “ฝัน…

…ในฝันฟังเถียนเถียนสวมชุดกีฬาสีฟ้า”

เขาค่อยๆ หลับตาราวกับกำลังย้อนนึกถึงบางอย่าง

เสื้อผ้าสีฟ้า… ซูหว่านขมวดคิ้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงรายละเอียดนั้น “เสื้อผ้าชุดนั้น…”

“ฟังเถียนเถียนไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีฟ้า”

บางทีอาจเป็นเพราะเขาหลับตา บางทีอาจเป็นเพราะเขาง่วงเกินไป น้ำเสียงของฟั่นซูจวินเริ่มแผ่วเบาและอ่อนแรง “เธอบอกว่าเธอชอบสีฟ้า แต่สีฟ้าไม่เข้ากับผิวของเธอ ในตู้เสื้อผ้าของเธอเลยไม่มีชุดสีฟ้าเลย”

ด้วยเขาใส่ใจคนคนหนึ่งมากไป เขาจึงมักจดจำทุกคำที่เธอพูดไว้ในใจ แม้แต่ในความฝันเขาก็ไม่อาจลืมได้ลง

ฟังเถียนเถียนผู้ที่ชอบสีฟ้าแต่ไม่เคยสวมเสื้อผ้าสีฟ้า

ฟั่นซูจวินรู้ว่าเขากำลังฝันอยู่เมื่อเธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาในชุดกีฬาสีฟ้า

เดิมทีฟั่นซูจวินชอบพอฟังเถียนเถียนอยู่

ซูหว่านอดจะเข้าอกเข้าใจไม่ได้ หากพวกเขาอยู่ในโลกความเป็นจริงคนหมกมุ่นคนนี้คงไม่มีทางเปิดเผยความลับนี้หรอกใช่ไหม เพราะว่ามันเป็นความฝันก็เลย…

แววตาซูหว่านพลันฉายวาบขึ้นมา

ความฝันคืออะไรกัน

ปีศาจคอยบงการความฝันได้อย่างไร มันกักขังทุกคนเอาไว้ได้ มันสร้างฝันร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีไปไว้ได้ แต่มันไม่สามารถควบคุมตัวตนลึกๆ ของผู้คนได้

อย่างฟังเถียนเถียนที่เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอชอบสีฟ้าแต่เพื่อความดูดีของตัวเอง เธอไม่เคยยอมสวมใส่มันสักครั้ง อย่างไรก็ตามเธอยังรู้ตัวในความฝันถึงได้ใส่เสื้อผ้าสีฟ้า

อย่างฉีมู่ที่เป็นผู้จัดการอาวุโสทรงอำนาจและเด็ดเดี่ยวในบริษัทควบตำแหน่งนายน้อยมาดดี แต่ในโลกความฝันเขากลับใจร้อนและขี้กลัวเมื่อเทียบกับทุกคนที่เหลือ ทั้งยังเป็นสามีติดบ้านแสนดีอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย

และว่ากันถึงฟั่นซูจวิน พวกหมกมุ่นปลีกวิเวกและเงียบขรึมทว่ากลับมีไหวพริบกว่าใครในโลกนี้ มีสติกว่าทุกคนที่เหลือ…

หากทุกคนสามารถเปิดเผยตัวตนส่วนลึกที่สุดในโลกใบนี้ได้ แล้วตอนนี้อี้จื่อเซวียนอยู่ที่ไหน เขากำลังทำอะไรอยู่กัน

ซูหว่านย้อนนึกถึงบ้านไม้ไผ่นั้น เธอเห็นบ้านหลังนั้นในมิติฝันแรก บ้านไม้ไผ้ที่ชวนให้รู้สึกแปลกๆ แต่กลับคุ้นเคยเช่นกัน

พอเธอครุ่นคิดถึงมันแล้ว เธอไม่ได้เคยเห็นมันในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหรือ ภาพวาดบ้านไม่ไผ่ที่อี้จื่อเซวียนให้เธอมาอย่างนั้นหรือ

แล้ว…การมีอยู่ของบ้านไม้ไผ่หลังนั้นและการปรากฏตัวของอี้จื่อเซวียน มันเป็นภาพสะท้อนตัวตนลึกๆ ของซูหว่านหรือไม่

เจ้าของร่างเดิมยังคงตัดใจจากความรักไม่ได้

เช่นเดียวกับฟังเถียนเถียน…

บ้านไม่ไผ่หลังนั้นคงเป็นความคิดของเจ้าของร่างเดิมที่เฝ้าปรารถนาในตัวอี้จื่อเซวียน

อย่างนั้นฟังเถียนเถียนก็คงเป็นภาพสะท้อนใจจริงของซูหว่าน

ตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็ถูกบงการ

ซูหว่านยังคงจำได้ว่าคนแรกที่เธอตื่นขึ้นมาเจอก็คือฟังเถียนเถียน เป็นธรรมดาที่เธอจะคิดว่าว่าตัวเองอยู่ในความฝันมิติแรก และฟังเถียนเถียนคงเป็นคนแรกที่ตาย

ดังนั้นในฝันต่อมาฟังเถียนเถียนถึงได้ปรากฏตัวต่อหน้าเธอต่อไปและเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกสีขาว

ทุกอย่างเป็นเพราะเธอหมายใจไว้นานแล้วว่าฟังเถียนเถียนคงตายความฝันจึงเป็นไปตามนั้น

แล้วหากเธอแทนที่ตัวเองกับอี้จื่อเซวียนล่ะ

ซูหว่านหลับตาช้าๆ จินตนาการว่าได้เจอกับอี้จื่อเซวียนในความฝัน…

ถ้าหากอี้จื่อเซวียนรู้ตัวว่าอยู่ดีๆ ก็มาโผล่กลางป่าดิบแปลกประหลาดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเขาจะทำอย่างไร

ซูหว่านค่อยๆ นึกร่างภาพอี้จื่อเซวียนขึ้นมา เขายืนอยู่กลางป่าทึบที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง เขาตกใจในทีแรก ไม่นานหลังจากนั้นอี้จื่อเซวียนก็ใช้พลังของเขาอย่างไม่นึกลังเลใจ…

ย้อนเวลา!

มันคือการย้อนเวลา!

เขาคงไม่ตั้งรับการถูกโจมตีด้วยนิสัยของอี้จื่อเซวียน เขาคงใช้พลังของเขาในทันที เขาคงย้อนเวลากลับไปในอดีต จากนั้นก็คงวางแผนก่อนจะลงมือ

ดังนั้นอี้จื่อเซวียนคงไม่มีทางมาปรากฏตัวที่นี่

กลางป่าแห่งนี้ในโลกฝันร้าย ร่างของอี้จื่อเซวียนคงไม่มีทางโผล่มาที่นี่

“น่าเสียใจจัง”

ซูหว่านถอนใจแผ่วเบา

เพราะไม่มีทางได้พบกับอี้จื่อเซวียนที่นี่ อยู่ที่นี่ต่อไปจะมีประโยชน์อะไรอีก

“ถึงเวลาตื่นแล้วล่ะ”

ซูหว่านหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย สิ่งที่เธอเห็นเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งคือผนังสีขาวราวหิมะและผ้าม่านสีฟ้าอ่อน

ที่นี่คือห้องคนไข้ส่วนตัวในโรงพยาบาลประจำเมือง

หน้าผากของเธอส่งสัญญาณเจ็บปวดเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นและพบว่าหน้าผากตัวเองถูกผ้าพันแผลพันรอบหลายชั้น

ดูเหมือนเธอจะบาดเจ็บอยู่ มันเจ็บไม่น้อยเลย

ซูหว่านพลันระบายยิ้ม เธอรู้ว่าตัวเองกำลังหลุดออกมา

เธอออกมาจากความฝันของตัวเอง เพียงแค่ไม่รู้ว่าเข้ามาในฝันของใคร

ตั้งแต่ที่เธอถูกค้างคาวโจมตีในป่า ซูหว่านก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปมาก เธอเก็บผ้าที่เธอเช็ดเลือดไว้และพบเอาทีหลังว่ามันไม่หลงเหลือรอยเลือดแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นก็ถูกฉีมู่ช่วยเอาไว้ตอนที่เธอตกอยู่ในอันตรายในความฝันลึก และในช่วงคับขันเธอก็คิดปล่อยให้ฉีมู่ตื่นขึ้นเขาจึงตื่นขึ้นมาจริงๆ

ฝันร้ายปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ข้อสันนิษฐานสำคัญคือมันทำได้เพียงโผล่เข้าไปในฝันของคนอื่นและทำตัวตามใจในความฝันเหล่านั้นได้

ซูหว่านจึงรู้ว่าเธอถูกบงการตั้งแต่ที่เข้าสู่โลกนั้น

โชคดีที่เมื่อสักครู่เธอมีสติครบถ้วนสมบูรณ์และตื่นขึ้นมาจากความฝันของเธอเพราะรู้สึกตัว…

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท