เซียวจิ่งมั่วจอดรถไว้หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เขาจำได้ว่าสมัยเรียนซูหว่านชอบกินซูชิมากๆ เสียดายในตอนนั้น เขาและคุณแม่ฐานะยากจน เลยไม่มีโอกาสเลี้ยงอาหารดีๆ ให้กับเธอ
ปัจจุบันเขาได้รับทรัพย์สมบัติและฐานะในรูปแบบที่คนทั่วไปต้องใช้เวลาหลายภพชาติก็ไม่สามารถหาได้ เขาสามารถเชิญเธอมาร้านอาหารญี่ปุ่นที่ราคาแพงที่สุดของเซียงเฉิง วัตถุดิบชั้นเลิศที่ขนส่งโดยเครื่องบิน ลิ้มรสฝีมือการทำอาหารของเซฟระดับโลก
สิ่งเหล่านี้นั้น เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดในสมัยก่อน
ลงจากรถสปอร์ต ซูหว่านเห็นชื่อร้านอาหาร ชะงักไปสักพัก ดูคล้ายกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“เข้าไปเถอะ ผมจองที่ไว้ตั้งนานแล้ว”
เสียงของเซียวจิ่งมั่วยังคงทุ้มต่ำน่าฟัง เขาเป็นสมาชิก VIP ระดับ Platinum ของที่นี่ และได้รับการบริการที่ดีที่สุดเสมอมา
แต่พอได้ยินคำพูดของเซียวจิ่งมั่ว ซูหว่านยังคงยืนอยู่หน้าประตู ไม่มีทีท่าทีที่จะเข้าไปแต่อย่างไร สายตาของเธอมองไปยังหน้าประตูและสองข้างทางอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากดึงขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันนึกว่าคุณยังจำมันได้ตลอด ที่แท้ คุณได้…..ลืมมันทั้งหมดไปแล้ว”
น้ำเสียงของซูหว่านเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยตัวเอง
“เซียวจิ่งมั่ว คุณมองแค่ความหรูหราตรงหน้า และจำได้แค่ความเจ็บปวดในอดีตเหล่านั้น ในช่วงที่คุณพยายามมาในอดีต จริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่การหักหลังและความเจ็บปวดเท่านั้น ช่วงเวลาที่ถูกฝังลืมไปในอดีตเหล่านั้น ก็เคยหอมหวานและมีความสุขไม่ใช่เหรอ”
“ซูหว่าน”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของเซียวจิ่งมั่วเปลี่ยนไปจริงๆ เขามองตามสายตาของซูหว่านไปยังหน้าประตูและมองไปยังถนนที่อยู่ทั้งสองข้าง เมื่อเห็นป้ายชื่อของถนนสายนี้และต้นป๊อปลาร์ตรงสี่แยกที่เต็มไปด้วยกิ่งก้านใบมากมายชัดเจน สีหน้าของเซียวจิ่งมั่วเปลี่ยนไปทันที
“ที่แท้ที่นี่ก็คือ…”
“เมื่อก่อนที่นี่คือร้านหนังสือร้านหนึ่ง ที่ที่เป็น…เดตแรกของพวกเรา”
ในตอนนั้นยังไม่มีหนังสือออนไลน์ที่เป็นที่นิยม ไม่มีแท็บเล็ต แม้แต่เกมออนไลน์ยังหาได้ยาก
เดตแรกของซูหว่านและเซียวจิ่งมั่วนั้น ตอนแรกทั้งสองคนนัดกันจะขึ้นรถไปสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเซียงเฉิงที่ปากทางของถนนเส้นนี้ เสียดายท้องฟ้าไม่เป็นใจ วันนั้นฝนตกหนักมาก ตอนแรกทั้งสองคนยืนหลบฝนใต้ต้นป๊อปลาร์ เมื่อเห็นเสื้อตัวเก่าที่เซียวจิ่งมั่วใส่โดนฝนจนเปียกไปหมด ซูหว่านรู้สึกสงสารจึงลากเขาไปยังร้านหนังสือที่อยู่อีกฝั่งของถนน
ร้านหนังสือแห่งนี้เมื่อก่อนซูหว่านมาอุดหนุนบ่อยมาก เธอและเจ้าของร้านหนังสือจึงสนิทกันเป็นอย่างดี ในวันนั้นเธอยืมเครื่องเป่าผมของเจ้าของร้านเพื่อเป่าผมและเสื้อผ้าของเซียวจิ่งมั่วให้แห้ง
ทั้งสองคนไม่ได้ไปไหนในวันนั้น พวกเขานั่งโต๊ะริมหน้าต่างพลางดูฝนที่ตกปรอยๆ ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความหวานที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเป็นครั้งแรก
“แปดปีแล้ว”
ซูหว่านถอนหายใจหนึ่งครั้งอย่างหดหู่ “ไม่คิดเลยว่าร้านหนังสือของพี่หลิวจะกลายเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเรื่องราวจากซูหว่าน เซียวจิ่งมั่วค่อยๆ จำเรื่องราวในอดีตที่ตัวเองลืมไปแล้วได้ขึ้นมาหลายเรื่อง
หลายคนกล่าวว่าเวลาเป็นสิ่งที่โหดเ**้ยมที่สุด จนถึงตอนนี้ เซียวจิ่งมั่วถึงได้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง
ตลอดแปดปีที่ผ่านมาเขายังคงฝังใจกับความรักครั้งนั้น เขาไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาเข้าใกล้ ตลอดแปดปีมานี้ มีเพียงลั่วชูชูที่มีส่วนคล้ายกับซูหว่านอยู่หกเจ็ดส่วน เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เข้าใกล้เขา
เขาให้ลั่วชูชูเป็นตัวแทนของซูหว่าน แต่ก็ไม่ใช่ตัวแทนที่ได้รับความรู้สึกแบบที่คนอื่นคิด
เซียวจิ่งมั่วเคยจินตนาการหลายครั้ง หากตอนนั้นซูหว่านรู้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลเซียว เธอยังเลือกที่จะจากตัวเองไปไหม
ตลอดแปดปีมานี้ เซียวจิ่งมั่วคับแค้นใจอยู่ไม่น้อย
แปดปีที่แล้วเขารู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก โดนหักหลัง
ตอนนั้นเขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยที่ทั้งยากจนและไม่มีอะไร ส่วนซูหว่านนั้นเป็นคุณหนูที่เกิดในตระกูลเศรษฐีที่เลิศเลอ
ในตอนนั้นผู้คนต่างก็นินทาลับหลังว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานหรอก ซูหว่านแค่อยากลองคบกับเซียวจิ่งมั่วเล่นๆ แค่นั้นแหละ
ในตอนแรกเซียวจิ่งมั่วไม่เคยสนใจคำพูดพวกนั้นเลย จนกระทั่งซูหว่านไปต่างประเทศแบบไม่บอกไม่กล่าว เขาถึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ถูกผู้อื่นหัวเราะล้อเลียน ถูกซูหว่านล้อเล่นกับความรู้สึกแล้วทิ้งไป…
หลังจากนั้น ซูหว่านกลายเป็นปมที่ผูกตายในใจของเซียวจิ่งมั่ว
ปมนี้ไม่มีใครแก้ให้เขาได้ จนกระทั่งเขาได้พบกับลั่วชูชูอีกครั้ง
เซียวจิ่งมั่วมอบสิ่งที่ดีที่สุด ความรักและความเอ็นดูมากที่สุดให้กับลั่วชูชู
เขาเห็นซูหว่านในอดีตผ่านตัวลั่วชูชู
“ซูหว่าน คุณดูสิ ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมก็ให้คุณได้หมด รวมทั้งของที่คุณไม่กล้าแม้แต่จะคิด ผมก็หามาให้คุณได้ทั้งหมด ตอนนี้คุณรู้สึกเสียใจภายหลังไหม เสียใจหรือเปล่า”
ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งเดียวที่เซียวจิ่งมั่วอยากได้มีเพียงอยากให้ซูหว่านนึกเสียใจภายหลัง
สำหรับความรักของทั้งสองนั้น…
คงจะสูญสิ้นไปในปีที่แม่เขาเสียชีวิต วินาทีที่เขาถูกคนทั้งโลกลืมเลือน เขาได้ฝังมันไว้หมดแล้ว
เซียวจิ่งมั่วไม่ได้รักซูหว่านตั้งนานแล้ว
จนกระทั่งตอนหลัง เขาคืนดีกับซูหว่านเพียงเพราะว่าเขารู้ความจริงในอดีต และความรู้สึกผิดในใจที่มีต่อซูหว่านแค่นั้น
น่าสงสารซูหว่านนัก ที่ยังคงคิดตลอดว่าแปดปีที่ผ่านมานี้ เซียวจิ่งมั่วรักตัวเองมาตลอด เพื่อเซียวจิ่งมั่ว สุดท้ายเธอยอมไม่เหลือกระทั่งลมหายใจ…
“หรือว่า พวกเราเปลี่ยนร้านไหม”
เซียวจิ่งมั่วพูดอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงซับซ้อนเล็กน้อย หลังจากนิ่งเงียบกันไปนาน
“ไม่เป็นไร ที่นี่ก็ไม่เลว ฉันเองก็ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นนานแล้ว”
ซูหว่านเก็บความรู้สึกเศร้าบนใบหน้า ยิ้มเบาๆ ให้เซียวจิ่งมั่ว ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในร้านอาหาร
ไม่เจอกันแปดปี นี่เป็นการทานอาหารด้วยกันตามลำพังครั้งแรกหลังจากได้พบกันใหม่ โชคดีที่ทั้งสองในตอนนี้เป็นนักธุรกิจชั้นนำ นอกจากมีอาการเคอะเขินเล็กน้อยในช่วงแรก อาหารมื้อนี้ของทั้งสองยังถือว่าบรรยากาศดีอยู่ไม่น้อย
“คุณอยู่เมืองนอกมาตลอด ตอนนี้กลับมาอยู่เซียงเฉิงยังคุ้นชินไหม”
เรื่องชีวิตส่วนตัวของซูหว่าน เซียวจิ่งมั่วยังสนใจอยู่บ้าง เมื่อได้ยินคำถามของเขา ซูหว่านยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรคุ้นหรือไม่คุ้นหรอก ตลอดหลายปีมานี้ ฉันก็ฟันฝ่าด้วยตัวเองมาตลอด สถานการณ์ที่ยากที่ลำบากกว่านี้ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เคยผ่านมา” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะชายตามองเซียวจิ่งมั่ว “หลายปีมานี้คุณมีชื่อเสียงทีเดียว ฉันยังเคยเห็นบทสัมภาษณ์ของคุณในนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ที่เมืองนอกเลย!”
“คุณเห็นเหรอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของเซียวจิ่งมั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงไม่ติดต่อผม”
เมื่อ 4 ปีก่อนนิตยสารที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และการเงินของต่างประเทศแห่งหนึ่งเคยสัมภาษณ์ส่วนตัวกับเขา ตอนแรกเขาไม่คิดจะรับหรอก ตอนหลังเขารู้ว่านิตยสารแห่งนี้ตีพิมพ์และจำหน่ายในเขตที่ครอบคลุมถึงมหาวิทยาลัยที่ซูหว่านเรียนอยู่ด้วยในตอนนั้นโดยบังเอิญ เซียวจิ่งมั่วจึงตกลงรับสัมภาษณ์ในครั้งนั้น เขายังพูดถึงเรื่องชีวิตความรักของตนในการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นอย่างจงใจ ว่าตนมีรักแรกที่จากกันมาหลายปี แม้จะติดต่อเธอไม่ได้ แต่ตอนนั้นยังรักเธอมาโดยตลอด
ในตอนนั้นเซียวจิ่งมั่วคาดหวังว่าหากซูหว่านได้เห็นนิตยสารแล้วอาจจะติดต่อตนกลับมา เสียดายไม่มีวันนั้นที่เขารอคอย…
“ทำไมคุณไม่ติดต่อผม”
เซียวจิ่งมั่วหลุดปากถาม เผยอารมณ์ที่แท้จริงของเขาออกมา
มือของซูหว่านชะงักไปเล็กน้อย ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ตัวของเธอแข็งไปทั้งตัว
“จริงๆ แล้ว….ไม่ ไม่มีอะไร”
ซูหว่านค่อยๆ หลับตาลง ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตน “ตอนนั้นฉันอยากติดต่อคุณนะ แต่ตอนนั้นฉันเรียนหนักมาก เรียนหนักจนลืมเรื่องนี้ไป อีกอย่าง…”
ซูหว่านหยุดพูดเล็กน้อย คล้ายกับว่ากำลังปรับความรู้สึกของตัวเองอยู่ “ตอนนี้คุณมีแฟนใหม่แล้วไม่ใช่เหรอ ดูแล้วเป็นคนที่ดีทีเดียว คุณรักษาเขาให้ดีๆ ล่ะ!”
ลั่วชูชูเหรอ
เมื่อเซียวจิ่งมั่วคิดถึงลั่วชูชูสายตาอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย แม้บางครั้งลั่วชูชูเรียบง่ายใสซื่อบริสุทธิ์จนเข้าขั้นคนโง่ แต่เขากลับชอบเธอ เป็นเด็กสาวที่ไม่มีแผนการและเล่ห์เหลี่ยมใดๆ เลย
คนแบบนี้จะไม่มีวันหักหลังเขาและไม่ทำร้ายตัวเขา
ในส่วนชีวิตความรักของเซียวจิ่งมั่ว ซูหว่านไม่ได้ถามต่อ ทั้งสองจึงพูดคุยแค่เรื่องงานและเรื่องอื่นๆ เท่านั้น จนกระทั่งทั้งสองทานข้าวเสร็จเดินออกไปยังประตูของร้านอาหาร ซูหว่านเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าลังเลเล็กน้อยและเรียกเซียวจิ่งมั่ว “ท่านประธานเซียว ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
“หืม”
เมื่อได้ยินสรรพนามที่เปลี่ยนเป็นทางการ เซียวจิ่งมั่วชะงักเล็กน้อย
เพราะตอนคุยกันระหว่างทานข้าวเมื่อครู่นี้รู้สึกดีทีเดียว คำสรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายจากที่ฟังดูห่างเหินในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นคำเรียกขานที่ค่อนข้างใกล้ชิดกันเหมือนเมื่อก่อน
“บริษัทของพวกเรากำลังจะมีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ในเร็วๆ นี้ ก่อนถึงงานเปิดตัวจำเป็นต้องตกลงเรื่องของพรีเซนเตอร์สินค้าตัวใหม่ และยังต้องถ่ายทำโฆษณาใหม่ทั้งหมด”
พูดถึงตรงนี้ สายตาของซูหว่านประเมินเซียวจิ่งมั่วหัวจรดเท้า “ท่านประธานเซียว ฉันคิดว่าคุณเป็นพรีเซนเตอร์ที่ดีที่สุดในใจของฉัน คุณคิดว่า…”
“ซูหว่าน คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม”
สีหน้าของเซียวจิ่งมั่วรู้สึกเคร่งขรึมเล็กน้อย “คุณจะให้ผมไปช่วยคุณถ่ายโฆษณา?”
รู้สึกถึงความเย็นชาที่ส่งมาจากตัวของเซียวจิ่งมั่วมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ซูหว่านไม่ได้รู้สึกกลัว ยังคงนิ่งและมองเขาตอบ “ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกของคุณ หรือราศีในตัวคุณล้วนเป็นสิ่งที่พวกเรา EVFA กำลังต้องการ
“อย่าล้อเล่นเลย”
เซียวจิ่งมั่วส่ายหน้า “หากไม่สามารถหาพรีเซนเตอร์ดีๆ ได้เพราะไม่มีคอนเนคชั่น ผมช่วยคุณได้ คุณถูกใจดาราคนไหน แค่บอกผมมา ผมจัดการให้ได้”
เซียวจิ่งมั่วไม่เชื่อคำพูดของซูหว่านแม้แต่น้อย เขาคิดว่าซูหว่านคงอยากให้ตนช่วย แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก จึงใช้วิธีนี้ในการขอความช่วยเหลือ
“ในเมื่อคุณคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น นั้นช่างมันเถอะ”
ซูหว่านโบกมือให้เซียวจิ่งมั่ว “ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน!”
ไม่รอให้เซียวจิ่งมั่วตอบ ซูหว่านหมุนตัวก้าวขาจากไปด้วยความไว
มองแผ่นหลังของเธอที่ไกลออกไป เซียวจิ่งมั่วดึงสติกลับมา สักครู่หนึ่งเขาล้วงโทรศัพท์มือถือของตนออกมาโทรหาผู้ช่วยของตน “เหวินหยวน คุณช่วยสืบความเป็นมาของซูหว่านที่เมืองนอกตลอดแปดปีที่ผ่านมาหน่อย อืม ใช่ ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
แม้ซูหว่านจะพยายามที่จะปิดบังตอนทานข้าว แต่เซียวจิ่งมั่วก็ยังรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่า ซูหว่านกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่ และเรื่องนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน…