ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 24-2 ตัวแทนคนรัก (ปัจฉิมบท)
งานแต่งงานของตระกูลเซียวอยู่ชั้นล่าง แต่แขกมางานกลับน้อย เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น เซียวจิ่งมั่วติดต่อซูหว่านไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะว่าซูหว่านได้ส่งข้อความไปหาเขาแล้ว ให้เขารออย่างใจเย็น เพราะฉะนั้นเซียวจิ่งมั่วก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ
จนมาถึงเวลาที่ใกล้จะเริ่มพิธีแต่งงาน มีแขกร่วมงานจำนวนหนึ่งที่ทนไม่ไหว ยื่นการ์ดงานแต่งของตระกูลฟังให้กับเซียวจิ่งมั่ว ช่วงเวลานั้นเองที่เซียวจิ่งมั่วได้เห็นการ์ดแต่งงาน ความรู้สึกครั้งแรกคือไม่เชื่อ แต่ครั้งที่สองคิดว่าอาจจะเป็นเพราะซูหว่านโดนฟังจื่อมู่บังคับข่มขู่ หรือไม่ก็ถูกเขาล่อลวง ดังนั้นเขาจึงรีบมาที่นี่โดยไม่สนอะไร
นักข่าวที่ซูรุ่ยเชิญมาต่างก็จับจ้องความเป็นไปของสถานการณ์ และไม่รังเกียจที่จะรีบเข้ามาสัมภาษณ์เซียวจิ่งมั่ว
“เซียวจิ่งมั่ว คุณอย่าคิดไปเองสิ”
ซูรุ่ยได้ฟังคำพูดของเซียวจิ่งมั่วและปริปากออกมา เขาเดินไปข้างหน้าอยากจะปกป้องซูหว่าน แต่ซูหว่านกลับค่อยๆ เดินไปหาซูรุ่ย ดึงชายกระโปรงชุดแต่งงานขึ้นมา ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าเซียวจิ่งมั่ว “เซียวจิ่งมั่ว เป็นเพราะฉันเต็มใจแต่งงานกับฟังจื่อมู่เอง เพราะว่า…ฉันรักเขา!”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”
เซียวจิ่งมั่วมองซูหว่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอยากจะจับข้อมือของซูหว่านไว้ แต่ซูหว่านกลับหนี “ทำไมจะเป็นไม่ได้ละ เขาสามารถถูกรถชนเพื่อฉันได้ เขาตายเพื่อฉันได้ คุณทำอะไรเพื่อฉันได้ ทำให้พ่อฉันเกือบตายในโรงพยาบาลงั้นเหรอ หรือจะให้ตอนที่ฉันนึกถึงคุณกับผู้หญิงคนอื่น เซียวจิ่งมั่ว ฉันเกลียดคุณ คุณรู้ไหม”
ซูหว่านก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว จ้องเขม่นไปที่เซียวจิ่งมั่ว “ในตอนนั้นฉันยังเด็กไม่รู้อะไรถึงไปชอบคุณได้ ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว เซียวจิ่งมั่ว…มีอะไรงั้นเหรอ ไม่มีตระกูลเซียวคุณก็ไม่มีอะไรเลย คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉัน คุณเทียบกับฟังจื่อมู่ไม่ติด ดังนั้น ฉันรักเขา ฉันไม่ได้รักคุณตั้งแต่แรกแล้ว!”
….
พิธีงานแต่งของซูหว่านกับซูรุ่ยก็จบเสร็จสิ้นตามที่ตั้งใจไว้ เซียวจิ่งมั่วที่มาก่อกวนงานแต่งก่อนหน้านั้นสุดท้ายก็ต้องกลับไปก่อน เพราะว่าอาวุโสเซียวโรคกำเริบเขาจึงต้องกลับไป เขาจากไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ซูหว่านรู้ว่าเซียวจิ่งมั่วเป็นคนเห็นแก่ตัวหยิ่งยโส เขาสามารถหาผู้หญิงมาแทนที่ในตอนที่เขาเหงาได้ เขากลับไม่อนุญาตให้คนอื่นทำเรื่องใดๆ เลยเพื่อขอโทษเขา
ข่าวพิธีแต่งงานถูกสำนักข่าวใหญ่ตีแพร่ข่าวไปทั่วเมือง หลังจากที่ซูหว่านและซูรุ่ยแต่งงานกันได้สามวัน อาวุโสเซียวก็อาการกำเริบหมดหนทางช่วย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เซียวจิ่งมั่วใช้เงินที่มีอยู่ในมือ เพื่อหายไปจากสายตาของคนที่อยู่ที่นี่ เขาจะเอาเงินก้อนนั้นไปเริ่มต้นชีวิตในเมืองใหม่ รอวันที่เขาได้ดีเขาถึงจะกลับมาบ้านเกิด แล้วค่อยกลับมาเอาคืนฟังจื่อมู่และซูหว่าน…
หลังจากเซียวจิ่งมั่วหายไป ตระกูลฟังกลายเป็นตระกูลที่ไร้คู่ต่อกรในเซียงเฉิง ซูรุ่ยก็ได้จัดงานหมั้นให้กับฟังจื่อเวิ่น ถึงแม้ว่าฟังจื่อเวิ่นจะยังตัดใจไม่ขาดจากเซียวจิ่งมั่ว แต่เธออยู่ในการดูแลของซูรุ่ย ฟังจื่อเวิ่นจึงทำได้แค่ทำใจยอมรับ
ซูหว่านสบายใจที่ได้เป็นสะใภ้ของตระกูลฟัง ในทุกๆ วันจะมีคนส่งข่าวเกี่ยวกับเซียวจิ่งมั่วให้กับเธออยู่ประจำ เซียวจิ่งมั่วที่อยู่ต่างแดน ถึงแม้ว่าจะมีเงินทุนติดตัวไปก้อนหนึ่ง แต่ตอนนี้จะทำการค้ากลับไม่ง่าย อีกทั้งเขายังเป็นคนภายนอก ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ ถึงแม้ว่าเป็นคนมีความรู้และความสามารถ หากจะกลับไปทำการค้าอย่างเดิม ปัจจุบันกลับเป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นใหม่ในอวิ๋นเซิง เดิมทีคิดว่าจะสามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้เหมือนเมื่อก่อน ใครจะไปรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้กลับเป็นกับดักที่ถูกเตรียมไว้แล้ว…
ตอนที่เซียวจิ่งมั่วถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัวอยู่บนถนน เขาก็นึกถึงความดีของลั่วชูชู แท้ที่จริงแล้ว ลั่วชูชูเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง ตอนนี้แค่ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน…
คนบางคนมักจะเป็นแบบนี้ เมื่อมีอยู่ไม่เห็นคุณค่า ทุกครั้งต้องรอให้สูญเสียไปก่อน ถึงจะนึกเสียใจภายหลัง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว…
บนโลกนี้สิ่งที่ได้มายากที่สุด คือ ความจริงใจ
ซูหว่านได้รับข่าวคราวล่าสุดของเซียวจิ่งมั่ว เขาลองติดต่อไปสำนักงานใหญ่ ได้รับคำตอบยืนยันว่าภารกิจเสร็จสิ้น
เพราะฉะนั้น ควรจะไปจากที่นี่ได้แล้ว ซูหว่านไม่ได้บอกลาซูรุ่ย หลังจากที่ติดต่อกับสำนักงานใหญ่ ยืนยันว่าจะยกเลิกภารกิจ ซูหว่านจึงค่อยๆ ไปจากบ้านตระกูลฟัง
ตอนเย็น ซูรุ่ยกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง และพบว่าห้องนั้นว่างเปล่า บนหัวเตียงแขวนรูปแต่งงานของทั้งสองคนไว้ ซูรุ่ยมองไปที่รูปนั้นค่อยๆ เอื้อมมือไปจับ ตั้งแต่แต่งงานจนถึงตอนนี้ พวกเขาแยกห้องกันอยู่มาโดยตลอด เขาชอบเธอ อยากอยู่กับเธอ แต่ว่าเขาไม่อยากบังคับเธอ
ซูรุ่ยคิดไว้ว่าสักวันหนึ่งจะต้องได้แต่งงานกับซูหว่าน นั่นถึงจะเป็นการแต่งงานที่แท้จริง อยู่กับเธอในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ด้วยกันตลอดไป…
ณ ห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ สำนักงานใหญ่แผนกทำลายเขตแดน…
ซูหว่านออกจากห้องควบคุมกลับไปยังที่พักของตัวเอง เธอเปิดเครื่องสื่อสารเพื่อตรวจสอบคะแนนสะสมของตัวเองอย่างเคยชิน เมื่อเห็นคะแนนภารกิจที่น้อยจนน่าสงสาร ซูหว่านก็คิ้วขมวดน้อยๆ พร้อมกับเปิดแฟ้มภารกิจที่เพิ่งทำสำเร็จออกมา สายตาของเธอหยุดอยู่ที่เนื้อหาบนนั้น…
เซียวจิ่งมั่วถูกรถขนสินค้าชนบนถนนจนอยู่ในสภาวะผัก เพราะตัวตนของเขาไม่ชัดเจน สุดท้ายเขาจึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลท้องถิ่น ตอนที่เขารักษาตัวอยู่ที่สถานพักฟื้นแห่งนั้น ลั่วชูชูก็ทำงานที่นั่น ทำให้เธอได้พบกับเซียวจิ่งมั่วอีกครั้ง
ส่วนลั่วชูชูทำไมถึงต้องออกไปจากเซียงเฉิง และปรากฏตัวอยู่ที่อวิ๋นเซิง…
ซูหว่านอ่านต่อถึงได้รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของซูรุ่ย…เขารับปากว่าจะไม่ทำร้ายลั่วชูชู แต่กลับทำร้ายครอบครัวของลั่วชูชู เพื่อที่จะปกป้องดูแลครอบครัว และเพื่อชดใช้หนี้ก้อนใหญ่ของครอบครัว ลั่วชูชูจึงได้ยอมเซ็นสัญญาที่เหมือนกับการขายตัวให้กับซูรุ่ย และงานหลักของเธอคือดูแลสถานพักฟื้นแห่งนี้ คอยดูแลเซียวจิ่งมั่วที่ไม่มีวันตื่นขึ้นมาตลอดชีวิต…
ดังนั้นภารกิจในโลกนี้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะให้เซียวจิ่งมั่วเป็นตัวรับกระสุนแทน แต่ซูรุ่ยกลับผูกมัดชีวิตของลั่วชูชูและเซียวจิ่งมั่วเอาไว้ด้วยกัน
หากยึดตามกฎของห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ภารกิจของตัวเธอและซูรุ่ยถือว่าสำเร็จแล้ว คะแนนที่ได้ในโลกใบเดียวกันจึงต้องถูกแบ่งออกเป็นสอง น้อยจนน่าสงสาร
ซูหว่านถอนหายใจ ซวยจริงๆ! ซูหว่านกดปุ่มบนเครื่องสื่อสารลงไปหลายต่อหลายครั้งอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นภารกิจใหม่เพิ่มเข้ามาก็กดรับภารกิจหนึ่งอย่างไม่ลังเล…
ในขณะเดียวกัน สำนักงานใหญ่แผนกฟื้นฟูเขตแดน
ซูรุ่ยออกมาจากเครื่องควบคุม รอบกายแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเหินห่าง ผู้คนที่อยู่แผนกเดียวกันบนทางเดิน พอได้เห็นซูรุ่ยต่างพากันหลีกทางให้ตามสัญชาตญาณ…
ไม่มีใครไม่รู้จักเด็กใหม่ระดับความอันตรายระดับ s คนนี้
ว่ากันว่าภารกิจที่เขาได้รับ เป้าหมายจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมทุกราย ทั้งตัวเขาล้วนแผ่รัศมีความอันตรายระดับบอสร่างสุดยอดออกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เหล่าเจ้าหน้าที่คนธรรมดาต่างเว้นระยะห่าง
แต่ซูรุ่ยกลับไม่ได้รู้สึกถึงการเว้นระยะห่างหรือความกลัวจากผู้คนตลอดทั้งทางเดินนี้เลย เขาค่อยๆ เดินไปที่ถึงบริเวณโถงรับภารกิจ ก็เห็นชีเย่ว์และอวิ๋นเซิง สองคนนี้เหมือนกำลังถกเถียงอะไรกันอยู่…
“พี่เช่อฉันเคยเตือนไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบอกไม่จำละ”
เสียงของอวิ๋นเซิงมีความเหน็บแหนมอยู่น้อยๆ ทุกคนต่างพูดกันว่าเขาและชีเย่ว์ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่สำหรับซูรุ่ย สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกัน เป็นประเภทที่ชอบแข่งขันกัน แต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อนที่หวังดีต่อกัน
ในเวลานี้ชีเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเซิง ก็ยังคงไม่ยอม “ฉันใช้คะแนนไปแล้ว เครื่องจับพิกัดฉันก็ซื้อแล้ว ตอนนี้จะให้ยอมแพ้มันก็น่าเสียดาย”
และในขณะนี้ เครื่องจับพิกัดของชีเย่ว์ก็มีไฟสีแดงขึ้นมา
“มาแล้ว มาแล้ว! แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะรับภารกิจใหม่เร็วขนาดนี้”
บนใบหน้าของชีเย่ว์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาทั้งหาตำแหน่งของตัวเอง ทั้งพูดกับตัวเองว่า “ซูหว่านเอ๋ยซูหว่าน ครั้งนี้ฉันจะไม่แพ้ให้เธออีกแล้ว งั้นพวกเราก็…เอ๋…”
ชีเย่ว์ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ตกตะลึง มองตาถลนเมื่อรู้ว่าเครื่องจับพิกัดที่ซื้อมาใหม่ถูกคนขโมยไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้น
ชีเย่ว์เงยหน้าขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว สุดท้ายสายตาก็จ้องไปยังซูรุ่ย
“อันนี้ฉันขอนะ เดี๋ยวโอนคะแนนให้”
ทิ้งไว้เพียงประโยคเย็นชาประโยคหนึ่ง อวิ๋นเซิงและชีเย่ว์กำลังยืนเหม่ออยู่ ซูรุ่ยกลับหลังหันจากไปเสียแล้ว
ชีเย่ว์ : “นี่หมายความว่ายังไง ฉันต้องเสียคะแนนนั่นใช่ไหม”
อวิ๋นเซิง : “นายไม่เสียคะแนนนั่น แต่นายเสียตรงที่ไม่รอบคอบต่างหาก”
ชีเย่ว์ : “…..”
“อวิ๋นเซิงนายหยุดอยู่ตรงนั้นนะ ฉันรับประกันว่าฉันจะไม่ตีนายจนตาย!”
…
ซูรุ่ยที่วิ่งกลับมาถึงห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว และในเวลานี้เขาก็กำลังใช้เครื่องจับพิกัดค้นหาตำแหน่งโลกภารกิจที่ซูหว่านเข้าไป
ถ้าไม่ใช่เพราะชีเย่ว์ ซูรุ่ยก็คงไม่รู้ว่าที่ศูนย์การค้าสามารถนำคะแนนสะสมมาแลกสิ่งของอย่างเครื่องจับพิกัดได้
เครื่องจับพิกัดแบบนี้ใช้ได้แค่สะกดรอยตามเจ้าหน้าที่แผนกอื่นเท่านั้น เป็นของที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่มันมีประโยชน์มาก
“เกมออนไลน์เสมือนจริง?”
ในตอนที่ซูรุ่ยค้นหาโลกภารกิจนั้นเจอ ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องคิ้วขมวด…
เขาเล่นเกมออนไลน์ไม่เป็น