ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 11 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
‘หลิงเสิน’ เป็นศูนย์รวมของผู้เล่นทั่วโลก และเซิร์ฟใหญ่ทั้งแปดของหัวเซี่ยยังเป็นเซิร์ฟที่มีผู้เล่นมากที่สุด ผ่านไปไม่กี่วัน ในตอนที่ซูหว่านได้ออนไลน์อีกครั้ง ทุกคนก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องของเธออีกแล้ว เพราะในหัวเซี่ยเซิร์ฟ 4 จะมีข่าวใหม่เกิดขึ้นและมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูทุกวัน และตอนนี้ผู้คนมากมายต่างก็กำลังติดตามความเคลื่อนไหวใหม่จากเว็บไซต์ทางการ รอหลังจากนี้อีกครึ่งเดือน จะมีการปรับปรุงระบบและการเปิดให้ใช้ช่องทางข้ามเซิร์ฟ
ซูหว่านยังคงไปตะลุยดันเจี้ยนดินแดนพันปีอยู่คนเดียว ความเร็วในการตะลุยดันเจี้ยนก็ค่อยๆ เร็วขึ้นตามฝีมือที่ชำนาญขึ้นกับระดับและพลังโจมตีที่ค่อยๆ สูงขึ้น
หลังจากเสียเงินซื้อกุญแจรีเซ็ตดันเจี้ยนใหม่ ซูหว่านก็ตะลุยดันเจี้ยนติดต่อกันสองวันและได้ทำภารกิจหลักไปหลายภารกิจ ระดับเลื่อนขึ้นไปถึงห้าสิบได้อย่างราบรื่น หลังจากระดับห้าสิบก็เปลี่ยนไปยังแผนที่ใหม่ นั้นคือ…ดินแดนทรายดูด ที่นั่นเป็นทะเลทรายโล่งกว้าง ในทะเลทรายนั้นมีมอนสเตอร์แปลกประหลาดมากมายอาศัยอยู่
ดินแดนทรายดูดในเวลานี้มีผู้เล่นมาเก็บระดับเยอะเป็นพิเศษ เพราะที่ที่มีมอนสเตอร์ชุกชุมแทบจะถูกกิลด์ใหญ่ต่างๆ ครอบครองไปหมดแล้ว ผู้เล่นที่ไม่มีกิลด์จึงได้แต่หาที่ที่มีมอนสเตอร์น้อย แล้วค่อยๆ เลื่อนระดับไป หรือหาวิธีอื่นโดยการรวมกลุ่มไปยังเขตมอนสเตอร์ระดับสูงเพื่อเลื่อนระดับ
ใน ‘หลิงเสิน’ หากระดับของผู้เล่นและมอนสเตอร์ห่างกันมากเท่าไรค่าประสบการณ์จากการสังหารมอนสเตอร์นั้นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่การสังหารมอนสเตอร์ข้ามระดับนั้น จังหวะ โอกาส และความอันตรายจะมาควบคู่กัน เพราะในโลกของเกม ‘หลิงเสิน’ เริ่มจากระดับที่ห้าสิบห้าขึ้นไป มอนสเตอร์ในแผนที่ทุกระดับจะจู่โจมก่อนทั้งนั้น และพลังโจมตีก็ไม่น้อย
ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีสติคุมการเล่นไม่แข็งพอ การรวมกลุ่มอย่างพลการไปสังหารมอนสเตอร์ข้ามระดับนั้นจะต้องตายอย่างอนาถแน่นอน
ซูหว่านไม่ได้มีความกังวลในจุดนี้เท่าไร เพราะเธอมั่นใจในสติและการควบคุมการเล่นของตัวเอง ที่สำคัญกว่านั้นคือหลังจากขึ้นถึงระดับที่ห้าสิบแล้ว เธอก็ได้รับทักษะโจมตีหมู่อันแรกของนักบวชที่ชื่อว่าเวทแสงศักดิ์สิทธิ์ นี่คือทักษะที่นักบวชต้องมียามสังหารมอนสเตอร์เก็บระดับและสงครามกิลด์
……
แผนที่เขตผู้เล่นระดับหกสิบ วังใต้ดินโหลวหลาน
ขณะนี้ผู้เล่นที่ถึงระดับหกสิบในเกมยังมีไม่มาก และวังใต้ดินโหลวหลานมีทั้งหมดห้าชั้น ในแต่ละชั้นต่างมีมอนสเตอร์ชุกชุม การจู่โจมก็เฉียบแหลม ฉะนั้นคนที่มาสังหารมอนสเตอร์บนแผนที่นี้ในแต่ละวันจึงมีไม่มาก
ขณะที่เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงและสมาชิกทีมของเขาเทียนหยาไห่เจี่ยวเข้าไปในชั้นแรกของวังใต้ดิน มอนสเตอร์ตรงหน้าประตูเหมือนว่าจะเพิ่งถูกคนกำจัดไป บนพื้นยังมีของให้เก็บซึ่งยังไม่หายไป
มอนสเตอร์ชั้นนี้มีระดับหกสิบ เป็นมอนสเตอร์ที่ระดับต่ำที่สุดในวังใต้ดินนี้แล้ว
เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงเพิ่งจะถึงระดับห้าสิบเจ็ด เขาและเทียนหยาไห่เจี่ยวมาที่นี่มาสามวันแล้ว ทั้งสองตัดสินใจว่าเมื่อถึงระดับที่ห้าสิบแปดจะลงไปยังชั้นสองของวังใต้ดิน
“วันนี้พวกเรามาช้าไป”
เทียนหยาไห่เจี่ยวถอนใจเฮือกหนึ่ง ถึงแม้ว่าชื่อเสียงกิลด์หลังหยาของพวกเขาจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาที่เป็นผู้เล่นคุณภาพดีคนหนึ่ง เทียนหยาไห่เจี่ยวจึงไม่ชอบใช้กิลด์มาข่มเหงผู้อื่น และไม่ชอบแย่งมอนสเตอร์กับใครอีกด้วย
“พวกเราไปที่ตรงหัวมุมข้างในนั้นกันเถอะ มอนสเตอร์ที่นั่นก็ไม่น้อย”
ระหว่างที่พูดคุย เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงก็เดินเข้าไปข้างในวังใต้ดินแล้ว เทียนหยาไห่เจี่ยวรีบเดินตามหลังเข้าไป ทั้งสองเดินได้ไม่ไกลนักก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ เมื่อมองไปตามเสียงนั้นก็เห็นว่าท่ามกลางกลุ่มผู้เฝ้าวังใต้ดินตัวสีเขียวดำนั้น มีร่างบางร่างหนึ่งกำลังถือคทานักบวชเคลื่อนไหวไปมาระหว่างมอนสเตอร์ตัวเล็กอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเธอเร็วมาก เวลาที่ปล่อยทักษะออกมาก็พอดีกันกับเวลาคูลดาวน์ของทักษะแต่ละทักษะ ไม่สิ้นเปลืองเวลาสักวินาทีเดียว
“นั่นซูเฉิงหว่านเย่ว์”
ถึงแม้จะถูกมอนสเตอร์กลุ่มหนึ่งบังไว้จนมองเห็นคนข้างในไม่ชัด แต่ดูจากทักษะแล้วสามารถตัดสินได้ว่าน่าจะเป็นนักบวชหญิง
ทั้งหัวเซี่ยเซิร์ฟ 4 นักบวชหญิงที่มีทักษะการเล่นแบบนี้แทบจะนับนิ้วได้ และคนที่มาเก็บระดับในชั้นหนึ่งของวังใต้ดินในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าระดับยังไม่ถึงหกสิบ ฉะนั้นตัวตนของคนคนนั้นก็เดาได้ไม่ยาก
“ซูเฉิงหว่านเย่ว์?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหยาไห่เจี่ยว เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงพลันร้องตกใจขึ้นมาทันที เสียงร้องตกใจนั้นไม่ได้รบกวนซูหว่านที่กำลังเก็บระดับอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ไม่ไกล แต่กลับดึงดูดความสนใจจากกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามายังชั้นหนึ่งของวังใต้ดินซึ่งอยู่ด้านหลังพวกเขา
“นี่! หลังหยาที่อยู่ข้างหน้าสองคนนั้น! พวกนายจะทำอะไร”
เสียงใสของผู้หญิงดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งสองคน จากนั้นนักบวชสาวที่ใส่เสื้อคลุมนักบวชสีเขียวอ่อนหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ เขาทั้งสอง “พูดมา! พวกนายคิดจะซุ่มโจมตีอาจารย์ของฉันใช่ไหม มีชีวิตอยู่มันน่าเบื่อนักใช่ไหม พวกนายอยากจะเลิกเล่นไปเหมือนกับไป๋หลังหรือไง”
เทียนหยาไห่เจี่ยวเอ่ยทวนเสียงงง “อาจารย์ของคุณ? ซูเฉิงหว่านเย่ว์?”
เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงคิดในใจ ไป๋หลังเลิกเล่นไปแล้วเกี่ยวอะไรกับซูเฉิงหว่านเย่ว์ล่ะ เดี๋ยวนะ ไม่แน่อาจจะเกี่ยวกันจริงๆ
ทันใดนั้นเสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงก็นึกถึงเรื่องที่ทุกคนพูดถึงในกิลด์ว่าเหตุผลที่ไป๋หลังเลิกเล่นไปเป็นเพราะตระกูลล้มละลายอะไรสักอย่าง เหมือนว่าวันที่เขาเลิกเล่นนั้นก็คือวันที่เขาและพี่ชายไปเจอหัวหน้ากิลด์ของพี่เขากับซูเฉิงหว่านเย่ว์ในห้างสรรพสินค้า
หรือว่า…
เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงพลันจินตนาการละครดราม่าเรื่องใหญ่แห่งปีในหัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว และความเป็นจริงกับเนื้อเรื่องที่เขาคิดขึ้นนั้นต่างกันฟ้ากับเหว แต่มีจุดจุดหนึ่งที่เขาคิดถูก…
คนที่ทำให้ตระกูลไป๋ล้มละลาย คือซูรุ่ยจริงๆ
‘อากาศเย็นล้มสกุลหวัง’ คือหนึ่งในทักษะที่ต้องมีของท่านประธานจอมเผด็จการที่ซูรุ่ยเรียนมาจากนิยาย! เมื่อเอามาใช้แล้วมันช่างเยี่ยมจริงๆ เลย
ขณะนี้เทียนหยาไห่เจี่ยวที่อยู่ข้างๆ ยังคงไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมที่พึ่งไม่ได้ของตัวเองกำลังคิดจินตนาการเรื่องเกินจริงไปไกล เขาเงยหน้าขึ้นมองนักบวชสาวที่ดูเหมือนเด็กนักเรียนอยู่ตรงหน้า เธอสวมใส่อุปกรณ์ระดับห้าสิบ ดูแล้วน่าจะมาที่นี้เพื่อเก็บระดับ
แต่ว่า…อู่เป่าเป้ย?
ชื่อนี้ตัวเขาเองไม่คุ้นเคยเลยสักนิด แต่คนที่อยู่ด้านหลังเธอนั้น…
อู๋เฟิง
เทียนหยาไห่เจี่ยวเคยได้ยินชื่อนักรบคนนี้ เป็นคนที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง ผู้อาวุโสในกิลด์เคยคิดจะดึงเขามาเข้ากิลด์ แต่สุดท้ายแล้วกลับโดนเขาปฏิเสธไป
ด้วยเพราะความเกรงกลัวที่มีต่ออู๋เฟิง เทียนหยาไห่เจี่ยวอดไม่ได้ที่จะพูดอธิบายเพิ่ม “พวกเราสองคนก็มาฝีกระดับเหมือนกัน ไม่ได้คิดอยากจะมีเรื่องกับใคร ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกผมไปก่อนนะครับ”
พูดพลางดึงเสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงที่ยังใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งสองรีบเดินไปอีกทิศทางหนึ่งกันอย่างรวดเร็ว
“หึๆ ถือว่าพวกนายยังรู้ตัว!”
อู่เป่าเป้ยกำหมัดอยู่ด้านหลังพวกเขา ปิงหั่วที่อยู่ข้างๆ ได้แต่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็มองไปยังซูหว่านที่อยู่ไม่ไกล ตอนนี้เธอกำจัดมอนสเตอร์ไปแล้วส่วนหนึ่งและกำลังล่อมอนสเตอร์กลุ่มที่สอง
“พี่เฟิง พวกเราไปร่วมกลุ่มกับเธอดีไหม”
ความประทับใจของปิงหั่วสิงเจ่อที่มีต่อซูหว่านถือว่าไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นไอดอลของน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอีก
“อย่าเข้าไปเลย พวกเราก็เปลี่ยนที่เก็บระดับกันเถอะ”
อู๋เฟิงที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นหันตัวออกเดินออกไป ปิงหั่วกับอู่เป่าเป้ยจึงได้แต่รีบเดินตามหลังเขาไป โดยปกติแล้วอู๋เฟิงจะเป็นคนพาเขาทั้งสองคนเก็บระดับ พวกเขาไม่ค่อยจะรู้เรื่องความรู้ทั่วไปของเกมเท่าไร เมื่อครู่อู๋เฟิงสังเกตมาสักพักใหญ่แล้วพบว่า ถึงแม้ซูเฉิงหว่านเย่ว์จะเป็นนักบวช แต่ความเร็วที่เธอสังหารมอนสเตอร์ไม่ช้ากว่าจอมเวทสักนิดเลย และเวลาที่จอมเวทล่อมอนสเตอร์แต่ละครั้งจะไม่กล้าล่อหลายตัว เพราะเลือดของพวกเขามีน้อย แต่นักบวชนั้นไม่เหมือนกัน ซูเฉิงหว่านเย่ว์สามารถเพิ่มเลือดให้ตัวเองได้ตลอดเวลา ฉะนั้นเธอจึงล่อมอนสเตอร์ต่อเนื่องอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยแบบนี้
เมื่อมาคำนวณดูแล้ว ค่าประสบการณ์ที่เธอจะได้คนเดียวนั้นเยอะกว่าที่จะมาร่วมกลุ่มกับพวกเขามาก…
หัวเซี่ยเซิร์ฟ 6 กิลด์หย่งเย่
ถึงแม้ซูรุ่ยมีบันทึกว่าไม่ได้ออนไลน์มาหลายวันแล้ว แต่ระดับของเขาก็ยังคงนำหน้าผู้เล่นคนอื่นไปไกล และหลังจากเขาออนไลน์อีกครั้ง ซูรุ่ยก็บ้าระห่ำกว่าเดิมด้วยการไปแผนที่มอนสเตอร์ระดับแปดสิบคนเดียว ซึ่งเป็นแผนที่ระดับสูงที่สุดของ ‘หลิงเสิน’ ในตอนนี้
เห็นระดับวันนี้ของใต้เท้าหัวหน้ากิลด์ขึ้นมาติดต่อกันสองระดับเป็นเจ็ดสิบสอง คนอื่นได้แต่เงยหน้ามอง กระดานสนทนาในกิลด์ตอนนี้ต่างเดือดพล่านไปหมดแล้ว…
ชิงซิ่วจยาเหริน : [เกิดอะไรขึ้นกับใต้เท้าหัวหน้ากิลด์ ไม่ได้ออนไลน์มาสามวัน พอออนไลน์แล้วก็ทำท่าจะเลื่อนระดับติดกันสามระดับเลยเหรอ]
ชูอวิ๋นซือเหริน : [ใต้เท้าหัวหน้าช่างเกรียงไกร!]
โยวอวี้เตอเหม่ยหยางหยาง : [ฉันไปเช็กพิกัดของใต้เท้าหัวหน้ามา เขาอยู่ในแผนที่ระดับแปดสิบ! สุดยอดจริงๆ!]
ชิงซิ่วจยาเหริน : [9494 มีใต้เท้าหัวหน้าที่เก่งขนาดนี้ หลังจากเปิดช่องทางข้ามเซิร์ฟ หย่งเย่ของพวกเราก็จะไร้เทียมทาน!]
ชูอวิ๋นซือเหริน : [ทำไมวันนี้เสี่ยวโส่วเงียบจังเลย]
“…” เสี่ยวโส่วปิงเหลียงชะงักกึก
เสี่ยวโส่วปิงเหลียงที่เพิ่งจะออนไลน์ได้แต่คิดในใจ ฉันอยากจะเป็นแค่ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่เงียบๆ
ชิงซิ่วจยาเหริน : [เสี่ยวโส่ว รอบเดือนนายมาเหรอ]
“…” เสี่ยวโส่วปิงเหลียงหมดคำจะพูด
ทำยังไงดี อยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่เจอในห้างสรรพสินค้าวันนั้น
ไม่รู้อะไรดลใจให้เสี่ยวโส่วปิงเหลียงพิมพ์ข้อความไปหนึ่งบรรทัดลงในหน้ากระดานสนทนาของกิลด์…
เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [ฉันไปเจอซูเฉิงหว่านเย่ว์มา!]
ชิงซิ่วจยาเหริน : [??]
เย่อวี่ : [เมื่อไหร่]
โยวอวี้เตอเหม่ยหยางหยาง : [กรี๊ด! กรี๊ด! ใต้เท้าหัวหน้าปรากฏตัวอีกแล้ว!]
ชิงซิ่วจยาเหริน : [จับหัวหน้าสุดเท่ตัวเป็นๆ ได้หนึ่งคน]
ชูอวิ๋นซือเหริน : [สวัสดีหัวหน้า หัวหน้าเก็บระดับเหนื่อยแย่เลย!]
เพราะการเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของซูรุ่ยอีกครั้งในตอนนี้ กระดานสนทนาของกิลด์ที่ปกติก็คึกคักอยู่แล้วยิ่งเดือดเข้าไปอีก นอกจากบุคคลคุยเก่งหลายคนนี้แล้ว สมาชิกกิลด์คนอื่นที่ดำน้ำเงียบอยู่ตลอดก็เริ่มจะผุดขึ้นมา
เมื่อเห็นช่องติดต่อกิลด์ถูกถล่มไปด้วยข้อความ ซูรุ่ยพลันขมวดคิ้วแล้วเปิดรายชื่อสมาชิกกิลด์หาเสี่ยวโส่วปิงเหลียงจนเจอ และส่งข้อความส่วนตัวไป
เย่อวี่ : [นายไปเจอซูเฉิงหว่านเย่ว์ที่ไหน]