ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 15 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
ช่องทางข้ามเซิร์ฟที่คนทั้งโลกกำลังจดจ้องอยู่ขณะนี้ในที่สุดก็เปิดเสียที ในตอนที่ซูหว่านออนไลน์ใหม่อีกครั้ง ทั้งหน้าต่างสนทนาโลกก็กำลังพูดคุยกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับดันเจี้ยนพระราชวังใต้ดินว่ากิลด์ใหญ่เซิร์ฟไหนจะได้ตำแหน่งผู้สังหารคนแรกไป ต้องเข้าใจว่านี้เป็นครั้งแรกที่มีการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าใครได้ผู้สังหารคนแรก ไม่ว่ากิลด์ไหนจะได้ไปก็ถือว่าได้ชื่อเสียงและเป็นเกียรติอย่างมากกับกิลด์ตัวเอง
หลังจากที่ซูหว่านออนไลน์เธอก็เห็นอู๋เฟิงออนไลน์รออยู่แล้ว เธอรีบทักไปถามอู๋เฟิงเกี่ยวกับเรื่องลงดันเจี้ยน สำหรับดันเจี้ยนพระราชวังใต้ดิน อู๋เฟิงก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก เพราะว่าเขาไม่เคยลงไป ไม่รู้ว่าในนั้นมันวุ่นวายขนาดไหน ดังนั้นสำหรับการลงดันเจี้ยนครั้งนี้อู๋เฟิงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เขารีบชวนเธอเข้าปาร์ตี้ทันที ปาร์ตี้ยังคงเป็นปาร์ตี้เดิมทั้งห้าคน ในตอนที่ทุกคนกำลังเทเลพอร์ตตามหัวหน้ากลุ่มมายังหน้าประตูของดันเจี้ยนพระราชวังใต้ดิน ปิงหั่วสิงเจ่อก็ถูกคนมากมายมหาศาลทำให้ตกตะลึง ยิ่งไปกว่านั้นอู่เป่าเป้ยที่เพิ่งใช้ม้วนคาถาตามเข้ามากลับตกตะลึงยิ่งกว่า อดไม่ได้ที่จะต้องอุทานออกมาอย่างต่อเนื่อง “โอ้พระเจ้า!” “โอ้พระเจ้า!” “โอ้พระเจ้า! ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้”
ณ เวลานี้ หัวกระทิในกิลด์ที่มีชื่อเสียงของหัวเซี่ยเซิร์ฟ 4 ก็ออกมากันจนเกือบครบแล้ว ในกลุ่มผู้คนมากมายนั้น ตี้ซื่อเทียนยังคงเป็นที่สะดุดตาของคนมากที่สุด และหุยโหมวอีเซี่ยวที่ยืนข้างๆ ตี้ซื่อเทียนด้วยสีหน้างงงวยก็กำลังดื่มนมเปรี้ยวที่มีรูปวาดนกเพนกวินอยู่อย่างสำราญใจ
นั่นคือไอเทมเพิ่มเลือดชนิดพิเศษของ ‘หลิงเสิน’ ปกติไม่ค่อยมีคนใช้มันไว้เติมเลือดสักเท่าไหร่ ทว่าไอเทมนี้มองไปก็ดูน่ารักดี ไม่แปลกที่จะเป็นที่นิยมของเด็กผู้หญิง
สำหรับคนที่ไม่เป็นเด็กผู้หญิงอย่างหุยโหมวอีเซี่ยว ไม่คิดว่าก็จะมีด้านที่ ‘ไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย’ แบบนี้ ซูหว่านนึกอยากจะแค่นเสียงเหอะๆ ใส่
“พี่สาวหว่านเย่ว์?”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงนั้น ยิ่งถ้าเป็นแฟนปัจจุบันและแฟนเก่าละก็ พออยู่ด้วยกันมันก็เหมือนกับมีกระแสจิตอะไรบางอย่างอยู่ ซูหว่านแค่จ้องมองหุยโหมวอีเซี่ยวนิดหน่อย หุยโหมวอีเซี่ยวที่ยืน ‘มึนๆ’ กลับรู้สึกตัวทันที เธอกระโดดดึ๋งๆ มาข้างหน้าซูหว่านพร้อมตะโกนเรียกด้วยใบหน้าร่าเริง “พี่หว่านเยว์ พี่ก็มาลงดันเจี้ยนเหรอ ดันเจี้ยนที่นี้ยากมากเลยนะ!”
ฟังๆ ดูเหมือนจะเป็นการเรียกที่สนิทสนมมาก แต่ในเสียงที่ไพเราะนั้น เธอกำลังดูถูกพวกเราที่ไม่เจียมตัวอยู่ละสิ
ยิ่งไปกว่านั้นเรียกซะดังขนาดนั้น กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าฉันมาด้วยหรือไง
ซูหว่านมองไปทางหุยโหมวอีเซี่ยวอย่างเกียจคร้าน และพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันเด็กกว่าเธอตั้งหนึ่งเดือนนะ”
หุยโหมวอีเซี่ยว “…”
ในตอนนี้ทุกคนรอบๆ ล้วนถูกเสียงของหุยโหมวอีเซี่ยวที่เรียก ‘พี่หว่านเยว์’ เมื่อครู่เรียกความสนใจ คนมากมายแห่กันเข้ามามุงล้อมรอบใกล้ๆ กันแทบไม่ทัน เพื่อมาดูการต่อสู้ระหว่าง ‘รักใหม่และรักเก่า’ ของตี้ซื่อเทียน
น่าเสียดาย ที่ปฏิกิริยาตอบโต้ของซูหว่านเย็นชามากๆ อีกทั้งยังมีเรื่องอายุน้อยกว่าหนึ่งเดือนอะไรนั้นอีก เทพธิดาหว่านเยว์ก็ช่าง…น่ารักๆ แบบเย็นชาซะจริงๆ
ความจริงแล้วหุยโหมวอีเซี่ยวก็แก่กว่าซูหว่านหนึ่งเดือนจริงๆ เพียงแต่ว่าปกติซูหว่านดูค่อนข้างจะเข้มแข็ง แต่หุยโหมวอีเซี่ยวชอบที่จะเสแสร้งใสซื่อ ทำให้คนในกิลด์ซื่อเทียนคิดว่าหุยโหมวอีเซี่ยวนั้นเด็กกว่าซูหว่านมาก
แต่ ณ เวลานี้ถูกซูหว่านกระชากหน้ากากออกมาอย่างไร้เยื่อใย หุยโหมวอีเซี่ยวก็ทำท่าทีน่าสงสารราวกับถูกฟ้าดินกลั่นแกล้งแบบที่เห็นได้บ่อยครั้ง กระดกริมฝีปากขึ้น รอบๆ ตาเริ่มแดงก่ำ แม้แต่เสียงก็ยังสั่น “ที่แท้พี่หว่านเยว์ ไม่สิ น้องหว่านเยว์อ่อนกว่าฉัน ฉันไม่รู้มาก่อนเลย”
ซูหว่านไม่ชอบท่าทีที่ดูน่าสงสารของเธอเอามากๆ ในขณะที่ซูหว่านกำลังจะหันหลังกลับ ตี้ซื่อเทียนก็เดินเข้ามาระหว่างเธอทั้งสองพอดี พอเห็นใบหน้าเศร้าสลดของสุดที่รัก สีหน้าของตี้ซื่อเทียนก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที จ้องมองเขม็งไปทางซูหว่าน “หว่านเยว์! เธออย่ามารังแกคนให้มันมากนัก! ฉันเห็นแก่ความรู้สึกที่ยังหลงเหลืออยู่นะ อย่าบังคับให้ฉันต้องกำจัดเธออย่างเด็ดขาดเลย!”
“โฮ่….”
ซูหว่านเงยหน้ายิ้มอย่างขบขัน แล้วมองตี้ซื่อเทียนทีหนึ่ง “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงของนายเลยนะ นายตื่นตูมอะไร จะแสดงความซื่อสัตย์จงรักภักดีหรือไง! รอให้วันไหนฉันทำอะไรเธอขึ้นมาก่อนนายค่อยมาแก้แค้นก็ยังไม่สาย ยิ่งไปกว่านั้น…ยินดีที่นายบอกว่าอยากจะกำจัดฉันอย่างเด็ดขาดนะ ฉัน…รออยู่!”
พูดเสร็จ ซูหว่านก็เดินผ่านตี้ซื่อเทียนกับหุยโหมวอีเซี่ยวไปอย่างไม่แยแส สี่คนที่อยู่ข้างๆ เธอก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ กลับเป็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด อู่เป่าเป้ยยืนดูเรื่องคึกคักอยู่ตั้งแต่แรก เพราะว่าไม่จำเป็นต้องลงดันเจี้ยน เธอยิ้มแฉ่งเดินไปข้างหน้าหุยโหมวอีเซี่ยว และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณป้า ต่อไปอย่าเสแสร้งทำปากงอทำตัวให้ดูน่าสงสารแล้วได้ไหมคะ อายุขนาดนี้แล้วมาเสแสร้งมันไม่เหมาะหรอกนะคะ!”
หุยโหมวอีเซี่ยว “…”
ตี้ซื่อเทียน “…”
ผู้คนที่มุงรอบๆ ต่างคิดในใจ หรือนี่จะเป็น…เทพแห่งการซ้ำเติมในตำนาน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ผู้คนที่หน้าประตูดันเจี้ยนเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ ทุกคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้ความสนใจหน้าต่างสนทนาโลกของเซิร์ฟอื่นๆ ด้วย
(เซิร์ฟที่ 1) เฟิงหลินเทียนซย่า : [ผู้สังหารคนแรกต้องตกเป็นของพวกเรา เซิร์ฟ 1 เซิร์ฟ 1 แข็งแกร่งที่สุด!]
(เซิร์ฟที่ 4) ซั่งซั่นรั่วสุ่ย : [ไสหัวไปพวกเซิร์ฟ 1! พวกเรามีเทพอย่างตี้ซื่อเทียนอยู่ พวกแกจะยังมีหน้านิ่งนอนใจอยู่อีกเหรอ!]
(เซิร์ฟที่ 6) ชิงซิ่วจยาเหริน : “[แหมๆ ตี้ซื่อเทียนอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ของหัวเซี่ยกันเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าหัวหน้าเราไม่สนใจดันเจี้ยนนี้ พวกนายคงไม่มีโอกาสมาลอยหน้าลอยตาตรงนี้หรอก!]
(เซิร์ฟที่ 2) เย่รู่ชิงโหลว : [สาวสวยที่อยู่เมนต์ด้านบนน่ะ หัวหน้าของพวกเธอก็คือใต้เท้าเย่อวี่ คนที่เขาพูดถึงกันว่าเป็นที่อันดับหนึ่งของหัวเซี่ยงั้นเหรอ]
(เซิร์ฟที่ 1) เฟิงหลินเทียนซย่า : [ต่อให้เย่อวี่จะเก่งสักแค่ไหนมันก็แค่คนหนึ่งคน พระราชวังใต้ดินต้องลงกันป็นกลุ่ม ดูพลังทั้งหมดของกลุ่ม ปากดีไปจะมีประโยชน์อะไร ถ้ามีฝีมือจริงเดี๋ยวก็เห็นเองแหละน่า!]
(เซิร์ฟที่ 6) ชิงซิ่วจยาเหริน : [เฟิงหลินแกปากดีให้มันน้อยๆ หน่อย อยากจะดวลตัวต่อตัวเหรอ มาๆๆ มาแผนที่กลางสิ ถ้าฆ่าแกร้อยรอบไม่ได้แม่จะยอมใช้นามสกุลแกเลย!]
(เซิร์ฟที่ 4) ปิงหั่วสิงเจ่อ : [ดันเจี้ยนนี้มันง่ายจริงๆ! พวกเราใกล้จะผ่านกันแล้ว!]
(เซิร์ฟที่ 6) ชิงซิ่วจยาเหริน : [เด็กบ้านไหนเนี่ย มาวุ่นวายอะไรแถวนี้]
(เซิร์ฟที่ 6) เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : […….]
(เซิร์ฟที่ 4) ซั่งซั่นรั่วสุ่ย : [ฉิบหายเอ๊ย ไม่โม้จะตายไหมวะ! ใกล้จะผ่านบ้าอะไร! กลุ่มของพวกเราคืบหน้าไป 40% แล้ว มาถึงที่หน้าผานี้ได้ถือว่าเร็วสุดของเซิร์ฟหัวเซี่ยแล้ว!]
(เซิร์ฟที่ 1) เฟิงหลินเทียนซย่า : [ขี้โม้ขนาดนี้ไม่กลัวลมบาดลิ้นเหรอ นี่มันเด็กบ้านไหนกัน ชอบพูดจาส่งเดช!]
…………
เป็นเพราะว่าเมื่อผ่านไปถึงด่านสุดท้ายและได้เจอกับบอสใหญ่ของดันเจี้ยนนี้ ใช้แค่ปิงหั่วสิงเจ่อกับเสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงสองคนที่โจมตีระยะไกลก็เพียงพอแล้ว เมื่อเริ่มจะน่าเบื่อ ปิงหั่วก็เริ่มเข้าไปดูในหน้าต่างสนทนาโลก และเขาก็ได้เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องดันเจี้ยนที่พระราชวังใต้ดิน เย่อวี่เป็นใคร ปิงหั่วสิงเจ่อไม่รู้ ทว่าเขาเห็นคนของกิลด์ซื่อเทียนอยู่ในหน้าต่างสนทนาโลก ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เลยพิมพ์ไปหนึ่งประโยค และก็เป็นประโยคที่ทำให้เขาถูกเพ่งเล็งขึ้นมาทันที
ทว่า ในตอนนี้สิ่งที่ปิงหั่วสนใจชัดเจนไม่ใช่เรื่องพวกนี้
“เสี่ยวเจี่ยว เสี่ยวโส่วปิงเหลียงนั่นเป็นพี่ของนายงั้นเหรอ”
ชัดเจนมาก ปิงหั่วสิงเจ่อสนใจแค่ ‘เสี่ยวโส่วปิงเหลียง’ ID นั้น
“บอกนายกี่รอบแล้ว อย่าเรียกฉันว่าเสี่ยวเจี่ยว ให้เรียกฉันว่าพี่เลี่ยง!” เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงที่อยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวเลยตะคอกขึ้นมา
“พวกนายสองคน ตั้งใจหน่อย!”
เห็นสองคนนั้นกำลังใจลอย เทียนหยาไห่เจี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะต้องเตือนประโยคหนึ่ง สองคนนั้นรีบเงียบและกลับมาตั้งใจมตีบอสต่อ
ความจริงแล้วทั้งห้าคนเพิ่งจะเคยลงมาดันเจี้ยนพระราชวังใต้ดินครั้งแรก สำหรับกับดักในเขาวงกตด้านในไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเป็นยังไง แต่เป็นเพราะว่ามีซูหว่านที่เป็นผู้นำและชำนาญการวางกลยุทธ์ลงดันเจี้ยน พวกเขาเลยผ่านด่านเล็กๆ และจัดการพวกสมุนจนมาถึงบอสใหญ่ได้ และก็เป็นเพราะว่าห้าคนนั้นเล่นกันมาระยะหนึ่งแล้วเลยเข้าขากันได้ดี เลยสู้กับบอสได้อย่างไม่ยากเย็น
สิบนาทีให้หลัง บอสถูกตีจนเลือดเหลือ 5% ซูหว่านที่เติมเลือดให้อู๋เฟิงอยู่ตลอดจู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา “อีกสักพักตอนบอสเหลือเลือดแค่ 1% ทุกคนอย่าใช้สกิลนะ ให้โจมตีกายภาพอย่างเดียวพอ!”
บอสในดันเจี้ยนนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยากอะไร หนึ่งอย่างที่เก่งก็คือตอนที่มันเหลือเลือดแค่ 1% แล้วถ้าเกิดได้รับพลังโจมตีที่เป็นเวทมันจะระเบิดพลังไม้ตายออกมา ฟื้นเลือดอย่างบ้าคลั่งถึง 80%!
ได้ยินที่ซูหว่านพูด ทุกคนก็เตรียมตัวกัน จ้องมองหลอดเลือดของบอสตาไม่กะพริบ เมื่อเลือดลดถึง 1% ทุกคนก็เปลี่ยนการโจมตีเป็นกายภาพ เลือดของ บอส จึงเริ่มลดเป็นวินาทีละ -80, -85, -90 อย่างช้าๆ
แปดนาทีให้หลัง ราชาแห่งความตายผู้ยิ่งใหญ่ก็ล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่น! ไอเทมตกลงมามากมาย ยิ่งไปกว่านั้นที่ที่มันยืนอยู่ตอนแรกก็มีสมุดทักษะลอยขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ทักษะพิเศษ ‘บังคับคืนชีพ’ จำกัดการใช้ในอาชีพนักบวช
ในตอนนั้นเอง หน้าต่างสนทนาโลกแปดเซิร์ฟใหญ่ของเซิร์ฟหัวเซี่ยก็มีตัวหนังสือตัวใหญ่สีทองขึ้นมาเป็นแถบ
[ประกาศทั่วโลก : ขอแสดงความยินดีกับกิลด์เฟิ่งอู่จิ่วเทียน เซิร์ฟหัวเซี่ย 4 ผู้สังหารคนแรกของพระราชวังใต้! สมาชิกกลุ่มผู้สังการคนแรกได้แก่…อู๋เฟิง ซูเฉิงหว่านเย่ว์ เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียง ปิงหั่วสิงเจ่อ เทียนหยาไห่เจี่ยว!]
ตัวหนังสือสีทองเป็นแถบใหญ่ๆ ลอยอยู่ข้างหน้าของผู้เล่นทุกคน กะพริบเป็นประกายให้เห็นถึงสามครั้ง!
เรื่องที่สำคัญจำเป็นต้องพูดสามครั้งจริงๆ ด้วย!
(เซิร์ฟที่ 4) เฮยเค่อตี้กั๋ว : [ฉิบ! ฉิบ! ฉิบ! กิลด์ของพวกเรานี่ ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม]
(เซิร์ฟที่ 4) อู่เป่าเป้ย : [นายไม่ได้ฝันไปหรอก ผู้สังหารคนแรกก็ไม่เท่าไหร่! กิลด์เฟิ่งอู่จิ่วเทียนเปิดรับคนเพิ่มอีกครั้ง! เข้ากิลด์แจกตำแหน่งผู้สังหารคนแรก เป็นที่หนึ่งของทั้งเซิร์ฟไม่ใช่เรื่องที่ฝันไป!]
(เซิร์ฟที่ 4) ซั่งซั่นรั่วสุ่ย : [แม่งเอ๊ย จะต้องเป็นเพราะวันนี้ฉันพิมพ์อะไรผิดไปในหน้าต่างสนทนาโลกแน่ๆ]
(เซิร์ฟที่ 1) เฟิงหลินเทียนซย่า : [ไม่ใช่นายคนเดียวหรอก!]
(เซิร์ฟที่ 6) เสี่ยวโส่วปิงเหลียง : [ยินดีด้วยนะ!]
(เซิร์ฟที่ 4) ตู๋หลัง : [……]
ไม่พูดก็ต้องพูดว่าจิตใจข้างในของตู๋หลังในตอนนี้กำลังสับสน เดิมทีเขาก็คิดว่ากิลด์ของเขานั้นไม่มีทางจะได้เป็นผู้สังหารคนแรก ทว่าร้ายดียังไงก็ต้องพยายามกันสักตั้ง!
ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกดีกับตี้ซื่อทียน แต่เพื่อเซิร์ฟที่ 4 ตู๋หลังก็ยังหวังว่าจะให้ตี้ซื่อเทียนเอาตำแหน่งผู้สังหารคนแรกมาให้ได้
สุดท้าย เขาเดาต้นเรื่องถูก แต่เดาตอนจบผิด…
ผู้สังหารคนแรกเป็นของเซิร์ฟที่ 4 แต่ว่าไม่ได้เป็นของซื่อเทียน มัน…เป็นของเฟิ่งอู่จิ่วเทียน
กิลด์เล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร