สายลมพัดโชย ผืนป่ามืดครึม
ซูรุ่ยยังคงสวมชุด ‘ซอมบี้’ พะรุงพะรังปลอมตัว ขณะที่จางย่าเหมยกล่อมให้หลี่เสี่ยงน้อยเข้านอน
ซูรุ่ยคอยคุ้มกันซูหว่านอยู่ใกล้ๆ เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของซูหว่านกำลังมาถึงจุดคอขวด พลังวิญญาณเข้มข้นนั่นต้องการจะทะลวงระดับแต่กลับหาจุดวิกฤตนั่นไม่เจอ!
เธอจะได้เลื่อนขั้นในคืนนี้ แต่จะกลายพันธุ์หรือไม่ ไม่มีใครรู้
ร่างของซูหว่านเปล่งประกายแสงสีเขียวอ่อนๆ ดูลึกลับ อาบคลุมไปด้วยแสงสีเขียว ร่างที่เดิมทีสูงใหญ่ของเธอตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นใกล้เคียงกับร่างของมนุษย์ทั่วไป
แสงสว่างคลุมเครือ แต่ก็เห็นรูปร่างสมส่วนของเธอได้เลือนราง
ซูรุ่ยมองซูหว่านเงียบๆ จดจ้องจนขมวดคิ้ว…พลังวิญญาณของซูหว่านผันผวนอย่างมาก แสงสว่างบนร่างเธอวาบประกายเดี๋ยวเจิดจ้าเดี๋ยวหม่นหมอง ผ่านแสงสีเขียวนั้น ซูรุ่ยเห็นใบหน้าซูหว่านบิดเบี้ยว…
…
“ผมไม่เคยรักคุณ”
สวนดอกยิปโซเบ่งบานอยู่จนทั่วดุจดวงดาว น้ำเสียงของผู้ชายอ่อนนุ่มน่าฟังเหมือนอย่างเคย แต่คำที่พูดออกมาหลับบาดใจคน
ไม่เคยรัก!
เป็นคำสารภาพที่ไร้สาระ!
เมื่อก่อนที่ดูแลอย่างอ่อนโยนคืออะไร
เมื่อก่อนที่อาลัยอาวรรักจากฉันนับเป็นอะไร
“เธอ…”
ซูหว่านรู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังสั่นเครือ “หยุด หยุดล้อเล่นเถอะ”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น”
สายตานิ่งเฉยของผู้ชายตกกระทบลงบนใบหน้าของซูหว่าน “เสี่ยวหว่าน นี่คือบัตรเชิญร่วมงานแต่งงานของผมกับชินชิง อย่ามาสายล่ะ!”
งานแต่ง บัตรเชิญ แดงสดดั่งสีเลือด
สิ่งที่ฉันมักจะทุ่มเทร้องขอแต่ไม่ได้ ทว่าคนอื่นกลับได้มาอย่างง่ายถึงขนาดนั้น
เพราะอะไรคุณถึงต้องดึงฉันขึ้นมาจากเหวลึกในนรกครั้งแล้วครั้งเล่า พอผ่านไปเพียงชั่วพริบตา หันกลับมาอีกทีก็ทำให้ฉันตกลงสู่ความมืดมิดชั่วนิรันดร์
ฉันซูหว่าน…
จะไม่ให้อภัย!
ไม่ มี วัน ให้ อภัย!
สิ่งที่ฉันไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวัง…อย่าหวัง…
“เสี่ยวหว่าน”
“เสี่ยวหว่าน”
“ผมคือซูรุ่ย! คุณได้ยินผมไหม”
ดวงไฟสุกสว่าง สีเลือดแดงสด ซูหว่านที่ตกอยู่ในภวังค์กลับได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง
อ่อนโยนถึงขนาดนั้น สนิทสนมถึงขนาดนั้น
ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเธอ ค่อยๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้ง
ซูรุ่ย…
ซูรุ่ย…
ท่ามกลางดวงไฟโชติช่วง เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากเปลวไฟ สิ่งพุ่งกระโจนตัวเข้ามาหา กลับเป็นความอบอุ่นอ่อนโยนไร้ที่เปรียบ
เขาคือ…
…
ซูหว่านลืมตาขึ้นทันที…
กลางภูเขามืดมิด ลมหนาวแผดเสียงก้อง
ซูรุ่ยยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวล
เบื้องลึกในดวงตาของซูหว่านวาบประกายสีแดงเลือดสายหนึ่ง เธอค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “ฉัน…”
“เธอทำสำเร็จแล้ว”
ซูรุ่ยมองซูหว่าน หัวใจที่บีบรัดแน่นดวงนั้น ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง
เธอเลื่อนขั้นสำเร็จแล้ว!
แต่ซูหว่านในเวลานี้กลับไม่ได้รู้สึกยินดีขนาดนั้น เธองงงันอยู่บ้าง ในขณะที่กำลังเลื่อนขั้นเมื่อครู่เธอคล้ายกับว่าได้ย้อนกลับไปในอดีต และยังได้พบกับผู้ชายคนนั้น อีกครั้ง
สวีเช่อ…
ซูหว่านหลุบตาลงน้อยๆ
นึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตอีกครั้ง คล้ายกับว่าหัวใจไม่ได้เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนขนาดนั้นแล้ว
ผู้ชายคนนั้น เป็นหนามแทงใจของเธอมาโดยตลอด เป็นความเกลียดชังที่เธอไม่อาจลืมเลือน แต่ตอนนี้ ซูหว่านกลับรู้สึกว่า ผู้ชายคนนั้นไม่เหมือนคนที่ทำให้ผู้คนยากลืมเลือนชั่วชีวิตอย่างที่เธอจิตนาการเอาไว้
อย่างน้อย…
เธอก็นึกภาพเขาไม่ออกแล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่จำได้ เหลือเพียงความรำคาญใจในปีนั้นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจจนทำให้คนหายใจไม่ออก!
คล้ายกับว่าคำปฏิญาณว่า ‘ไม่มีวันให้อภัย’ ภายใต้ดวงแสงสุสกาวเต็มฟ้าในปีนั้น คือข้อผูกมัดเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ ระหว่างเธอกับเขา…
“คุณเป็นไรไหม”
เมื่อเห็นว่าซูหว่านเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจา ซูรุ่ยพลันก้าวไปข้างหน้าอย่างอดไม่ได้ คิดอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสไหล่ของซูหว่าน
“ไม่เป็นไร”
ซูหว่านเงยหน้า ส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับซูรุ่ย “นายลองทาย…ฉันกลายพันธุ์แล้วมีพลังพิเศษอะไร”
“หืม”
ซูรุ่ยครุ่นคิดเล็กน้อย “คงไม่ใช่สายรักษาเหมือนกับเจ้าของร่างเดิมหรอกนะ”
“ไม่ใช่สายรักษา แต่เป็นสายลวงตา!”
พลังพิเศษประเภทสายวิญญาณ ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนและด้านมืดในจิตใจมนุษย์ เพื่อสร้างสถานการณ์ที่สมจริงที่สุด!
ภาพลวงตาเหรอ…
ซูรุ่ยมองไปยังซูหว่าน “เสี่ยวหว่านคุณเก่งที่สุดเลย! จะว่าไปตอนที่เลื่อนขั้นเมื่อกี้คุณเข้าไปในมิติมายามาใช่ไหม แล้วเห็นผมหรือเปล่า เห็นหรือไม่เห็น”
“ไม่เห็น!”
เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาคล้ายกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของซูรุ่ย ซูหว่านทำเพียงหันหน้าไปอีกทางอย่างเย็นชา “ฉันจะไปเห็นนายได้ยังไง เป็นไปไม่ได้”
“แหะ”
เมื่อเห็นเธอปฏิเสธอย่างร้อนรน ซูรุ่ยแววตาเป็นประกาย ก้าวไปข้างกายซูหว่านแล้วหัวเราะคิกคัก “ผมเฝ้าคุณมาเกือบทั้งคืน ทั้งหนาวทั้งง่วง ขอผมพิงคุณหน่อย ให้ผมได้ไออุ่นสักแป๊บหนึ่ง”
“ฉันเป็นซอมบี้”
ซูหว่านจำเป็นต้องบอกความจริงเรื่องหนึ่งให้เขาฟังอย่างใจเย็น…ซอมบี้ไม่มีอุณหภูมิร่างกาย! ไอคิวฉลาดล้ำของนายล่ะดอกเตอร์
ไม่ว่าใบหน้าของซูหว่านจะเย็นชาเพียงใด ซูรุ่ยก็ยังคงพิงศีรษะลงบนไหล่ของซูหว่านอย่างไม่สนใจ สองแขนกอดเกี่ยวแขนของเธอเอาไว้แน่น…
นับตั้งแต่ที่ได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ในร่างของประธานจอมเผด็จการฟังจื่อมู่ที่โลกนั้น ซูรุ่ยก็อาศัยร่างคุณชายใหญ่ซือถูแสดงความรักออกมาอย่างหน้าไม่อาย เพื่อหยั่งเชิงและลดช่องว่างกำแพงในหัวใจของซูหว่าน
ที่เรียกว่าไล่ตามหญิงสาวจะกลัวก็แต่การติดพัน แม่ทัพซูรู้สึกว่าตนเองค้นพบวิธีตามจีบภรรยาแล้ว…
ต้องตามติดเธอทุกเวลา แสดงความรักกับเธอทุกนาที!
ว่ากันว่าถ้าแสดงความรักเยอะทำให้รักร้าว~ แต่เขาคิดว่านั่นจะต้องไม่ใช่รักแท้แน่นอน!
แม่ทัพซูเชื่อมั่นว่า รักแท้นั้นคือการแสดงออกมา!
ค่ำคืน ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ซูหว่านเอียงหัวเล็กน้อย สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าหลับใหลของซูรุ่ย
ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาโดดเด่นใบนั้น ถูกเขาเปลี่ยนโฉมไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้ แต่ซูรุ่ยที่เป็นแบบนี้ ทำให้ซูหว่านรู้สึกสบายใจ
มองใบหน้าน่าหวาดกลัวสีเขียวใบนั้น มองไปมองมา ซูหว่านพลันหัวเราะขึ้นมาเสียงเบาอย่างอดไม่ได้…
เช้าตรู่ ซูหว่านถูกใครบางคนปลุกขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นซอมบี้หลี่เสี่ยงตัวน้อยนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับเล็บยาวที่พยายามล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
สิ่งที่อยู่ในกระเป๋า ก็คือแกนผลึกที่เมื่อวานซูหว่านดูดซับไปไม่หมด
“อยากได้เหรอ”
ซูหว่านมองไปที่ดวงตาดำเข้มของหลี่เสี่ยง
“แฮ่~แฮ่”
หลี่เสี่ยงน้อยครุ่นคิดแล้วพยักหน้า เป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ!
จางย่าเหมยมองซูหว่านและลูกชายของเธอพูดคุยกันอยู่ด้านข้าง เธออดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “คุณ…คุณ…พูดได้เหรอ”
“อีกไม่นาน ลูกชายของคุณก็จะพูดได้อีกครั้ง”
ซูหว่านไม่ได้มองใบหน้าตื่นตกใจของจางย่าเหมย เธอหยิบแกนผลึกระดับต่ำสุดออกมาเม็ดหนึ่ง และโบกมันไปมาต่อหน้าหลี่เสี่ยงน้อย “หนุ่มน้อย รู้ไหมว่าของสิ่งนี้เป็นของดี นายดูดซับพลังเป็นเหรอ”
จะสอนหลี่เสี่ยงน้อยให้ดูดซับแกนผลึกได้ยังไง นี่เป็นปัญหาที่ยากข้อหนึ่ง เพราะเขายังเด็ก มีข้อจำกัดในการเรียนรู้ ซูหว่านในตอนนี้หาทางสื่อสารกับเขาไม่ได้เลย
“ผมสอนเขาได้”
ซูรุ่ยที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาตกกระทบลงบนร่างของหลี่เสี่ยงน้อย…
อืม กระดูกของเด็กคนนี้น่าทึ่ง เหมาะกับการฝึกยุทธ์ ถ้าอย่างนั้น…เรื่องการกอบกู้โลกอะไรนั่น ก็ต้องพึ่งเขากับเยี่ยนอวี่น้อยแล้ว!
แม่ทัพซูแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ตนเองนั้นรับหน้าที่แค่การแสดงความรักก็พอแล้ว!
ถ้าหลี่เสี่ยงน้อยพูดได้ก็คงจะบอกว่า อาจารย์ คุณพอก่อนได้ไหมครับ!
ถ้าเยี่ยนอวี่มาได้ยินความในใจของซูรุ่ยก็คงจะบอกว่า แค่กๆ อันที่จริงแล้วฉันคิดว่า หน้าที่กู้โลกอันยิ่งใหญ่นี้ ฝากไว้กับหลี่เสี่ยงน้อยคนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว! ซูเหยียน คุณรอผมก่อน!
แน่นอนถ้าหลี่เสี่ยงน้อยล่วงรู้เรื่องเหล่านี้ก็คงจะบอกว่า แล้วเรื่องครองโลก ราชาซอมบี้ที่เคยคุยกันเอาไว้ล่ะ นี่ไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว! เฮ้! สาวน้อยตรงนั้นน่ะ หยุดก่อน~~