ท้ายที่สุดเยี่ยนอวี่ ก็กลับไปจัดการกับผู้สื่อสารของฐานหลงเหยียนคนเดียว และแน่นอนว่าซูรุ่ยกับซูหว่านจะไม่ถามว่าเขาจัดการยังไง เพราะคนในหลงเหยียนได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่า มีแต่การไปไม่มีการกลับมา
ผู้คนในฐานอื่นๆ ที่อยู่ภายนอกต่างรู้ว่า ‘เยี่ยนอวี่’ เป็นสายวิญญาณที่กลายพันธุ์ ซึ่งสามารถยับยั้งซอมบี้นอกฐานได้ ป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้ฐานชังหยา และผู้คนในฐานชังหยาก็คิดว่าซอมบี้ที่อยู่นอกฐาน ต่างเป็นซอมบี้ที่ดูบริสุทธิ์มาก และไม่เคยโจมตีมนุษย์มาก่อน
แต่พวกเขาไม่รู้ความจริงเลยว่า ซอมบี้ชุดนี้ถูกควบคุมโดยมนุษย์มานานแล้ว และแน่นอนว่าผู้ที่ควบคุมพวกเขาก็คือซูหว่าน ผู้ที่อยู่ในเมืองทั้งวันที่ดูเหมือนไม่มีอะไรทำ
ซอมบี้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ ที่ปรากฏขึ้นหลังจากการสิ้นสุดของโลกนี้ อันที่จริงแล้วพวกมันก็เหมือนกับมนุษย์ ที่ต้องการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่รอดได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ถึงแม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซูหว่านจะอยู่ในฐานตลอด แต่เธอก็ยังออกไปข้างนอกกับซูรุ่ยเป็นบางครั้ง ในขณะที่พวกเขาพาเสี่ยวหลี่เสี่ยงเพิ่มระดับในฝูงซอมบี้ ก็ยังต้องจัดการกับซอมบี้กลายพันธุ์อื่นๆ ที่อยู่ใกล้ฐาน ทุกวันนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็นฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ในพื้นที่นี้ ก็จะรู้สึกไม่ต่างจากเมื่อหลายปีก่อน แต่ที่จริงแล้ว กองทัพซอมบี้ที่นี่ ล้วนเป็นซอมบี้ชั้นสูงที่มีสติสัมปชัญญะเบื้องต้น และพวกที่ไม่สามารถฟื้นสติสัมปชัญญะ และไม่สามารถกลายเป็นมนุษย์ได้ ก็จะถูกซูหว่านและซูรุ่ยกำจัด และจะเอาแกนผลึกของพวกมันไปให้กับประเภทเดียวกันที่มีความสามารถในการเพิ่มระดับได้
ตอนนี้ซูเหยียนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่เพราะเธอยังไม่ถึงระดับสี่จึงไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ซูหว่านจึงตัดสินใจให้เธออยู่นอกฐานกับเสี่ยวหลี่เสี่ยง ก็เพราะว่าซูเหยียนมีความสนิทสนมชิดใกล้ และมีพรสวรรค์ในการควบคุมกองทัพซอมบี้
พวกเขาอาจจะทำสงครามกับหลงเหยียนในเร็วๆ นี้ และเมื่อถึงเวลา กองทัพซอมบี้ขนาดใหญ่นี้จะแยกเขี้ยวให้เห็นกัน…
ความคืบหน้าของเรื่องนี้คล้ายกับที่ซูหว่านคาดเดาไว้แล้ว คนของหลงเหยียนถูกวิจารณ์ และจากไปด้วยความโกรธ หลังจากที่พวกเขาออกไปไม่นาน ก็มีกลุ่มเล็กถูกซอมบี้ฝูงใหญ่ล้อมไว้ และสุดท้ายก็ตายหมู่ด้วยฝีมือความรุ่งโรจน์!
ฝั่งหลงเหยียนตรงนั้น ได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขาเชื่อว่านี่เป็นการ ‘ฆาตกรรม’ โดยเจตนา และคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือฐานชังหยาแน่นอน!
ในขณะที่ประณามฐานชังหยา พวกเขาก็ยังเรียกร้องให้ส่งตัวฆาตกรมาภายในสิบวัน มิฉะนั้นฐานหลงเหยียนจะดำเนินการลงโทษผู้คนในชังหยาฐานกระทำความผิด!
ทันทีที่มีข่าวออกมา ฐานใหญ่ที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มติดต่อกับผู้คนอย่างลับๆ ดูผิวเผินทุกคนเหมือนแค่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต่างก็ต้องการหาผลประโยชน์ให้ตัวเองทั้งนั้น
ในเวลานี้ ผู้คนในฐานชังหยาโกรธมาก
ในความคิดของพวกเขาก็คิดกันว่า คนที่หลงเหยียนส่งคนมานั้นไม่มีความจริงใจ ในตอนแรกก็พยายามขโมย ‘เวชภัณฑ์’ จากพวกเขา และหลังจากที่ถูกปฏิเสธ พวกเขาก็โกรธจน ‘ใส่ร้าย’ อีกฝ่าย นี่เป็นการกระทำที่ไร้ยางอายเป็นอย่างมาก!
ภายใต้ความไม่พอใจของผู้คน ผู้คนในฐานทัพทั้งหมดได้เข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อมการทำสงคราม…
คุณอยากทำสงคราม งั้นก็ทำ!
เมื่อผู้คนของฐานทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้น ภายใต้การนำของหยางจื่อซีก็ได้พาผู้คนในฐานหลงเสียงไปเยี่ยมฐานชังหยา
ณ เวลานี้ หยางจื่อซีก็ได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเธอนำหยางอู่และคนอื่นๆ ผ่านประตูฐานชังหยา ทันใดนั้นสีหน้าของหยางจื่อซีก็เปลี่ยนไปทันที…
แจ้งเตือนระบบ : [พบกลิ่นอายของดอกเตอร์แอล อยู่ห่างจากผู้ถูกอาศัยไม่เกินสิบกิโลเมตร!]
ดอกเตอร์แอล…
ในชาติก่อนเป็นชายที่ลึกลับมาก นอกจากรู้เพียงชื่อหลิงจิ่งอายุยี่สิบหกปี ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เกี่ยวกับดอกเตอร์แอลที่อยู่ในระบบ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรเลย
แม้แต่ระบบก็ยังไม่รู้ใบหน้าที่แท้จริงของดอกเตอร์แอล ชายผู้ลึกลับคนนี้ ก็ได้แต่พึ่งกลิ่นอายที่ดูเหมือนจะไม่มีอยู่จริง เพื่อค้นหาในช่วงที่ปรากฏของเขา
หยางจื่อซีคิดว่าตนเองต้องรออีกนาน ถึงจะมีโอกาสเข้าใกล้ศูนย์วิจัยลี่ว์เยี่ย แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับดอกเตอร์แอลที่นี่!
ศูนย์วิจัยลี่ว์เยี่ย
ห้องทดลองเฟิงเยี่ย!
แววตาของหยางจื่อซีเปล่งประกายขึ้นในทันที หรือว่าตอนนี้ดอกเตอร์แอลจะอยู่ในห้องทดลองเฟิงเยี่ยที่ฐานชังหยากัน
เมื่อมีการคาดเดาในใจอย่างนี้ หยางจื่อซีรู้สึกว่าความคิดของตนเองถูกต้องมาขึ้นเรื่อย ๆ
จะต้องเป็นดอกเตอร์แอล ไม่อย่างนั้น จะมีอัจฉริยะคนที่สองที่สามารถพัฒนาไวรัสซอมบี้ได้ยังไง
ด้วยความสุขที่เกิดจากความคาดไม่ถึง หยางจื่อซีและเยี่ยนอวี่ก็ได้ปรับความเข้าใจและได้เป็นเพื่อนกันอย่างจริงใจ!
ในขณะที่หยางจื่อซีและเยี่ยนอวี่พบเจอกัน ซูหว่านและซูรุ่ยก็นั่งอยู่ในห้องประชุมข้างๆ พวกเขา ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้พูด เพียงแต่รับรู้อะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ
เข้ามาในโลกนี้เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะติดตามและรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับหยางจื่อซี แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับบุคคลเป้าหมายอย่างนี้
จนกระทั่งคนในห้องประชุมที่อยู่ข้างๆ แยกย้ายกันไป
ซูหว่านถึงได้สติกลับมา หันมองซูรุ่ยอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “คุณสัมผัสได้ใช่ไหม”
“อือ”
ซูรุ่ยพยักหน้าพูดว่า “ในห้วงสำนึกของหยางจื่อซี มีคลื่นจิตที่ไม่ได้เป็นของเธอ น่าจะจะเป็นระบบในห้วงสำนึกของเธอ คล้ายกับปัญญาประดิษฐ์ แต่ที่จริงแล้ว ควรนับเป็นจิตกาฝากแบบหนึ่ง ผมรู้สึกว่าตอนนี้มันแปรปรวนอย่างมาก และความแข็งแกร่งทางจิตใจของมัน อ่อนแอกว่าของผมเล็กน้อย แต่ว่า ถ้าหากผมจะลงมือทำลายมันเลย ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว”
“ฉันรู้”
ซูหว่านพยักหน้าและพูดว่า “จากข้อมูลที่เรามีอยู่ในมือตอนนี้ หยางจื่อซีมีพลังพิเศษสายคู่ คือสายรักษาและสายมิติ แต่ในความเป็นจริงเธอมีแค่สายรักษาที่แย่งมาจากนางเอกคนก่อนเท่านั้น และสายมิตินั่นก็ไม่มีอยู่จริง ช่องว่างมิติที่เธอใช้ก็คือช่องว่างของระบบเธอ พื้นที่ช่องว่างนี้ไม่เพียงแต่จะเก็บวัสดุ ผลิตอาหาร ยังสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย และเมื่อหยางจื่อซีเผชิญกับวิกฤตถึงชีวิต ระบบจะดึงเข้าไปในพื้นที่นั้นโดยอัตโนมัติ ดังนั้นเราไม่สามารถลงมือผลีผลามได้ ไม่อย่างนั้นปัญหาจะไม่มีที่สิ้นสุด”
ช่องว่างของระบบ…
จิตกาฝาก…
ซูรุ่ยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหว่าน ตามคำเตือนของภารกิจของเรา ระบบนี้ถูกปฏิเสธโดยกฎของโลกนี้ และที่มันก็อยู่ในห้วงสำนึกของหยางจื่อซี และบังคับให้เธอทำภารกิจต่างๆ สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นพื้นฐานสำหรับการฟื้นพลังวิญญาณที่ใช้ต่อต้านกฎเกณฑ์ในโลกนี้ของมัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าหยางจื่อซีและระบบนั้นอยู่ในภาวะตื่นตัวอยู่ตลอด ผมเดาว่าครั้งนี้ที่พวกเขามาฐานชังหยาจะต้องมีภารกิจอื่นอีกแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ดวงตาของซูหว่านก็เปล่งปะกายขึ้นพูดว่า “คุณคิด…จะทำลายภารกิจของเธอเหรอ”
“ใช่”
ซูรุ่ยพยักหน้าพูดว่า “ห้วงสำนึกของเธอยังไม่สามารถตรวจจับพลังวิญญาณของผมได้ในตอนนี้ ผมจะเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเขา และจะค้นหาจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาที่นี่!”
…
หยางจื่อซีที่ออกจากห้องประชุม ไม่รู้ว่าตนเองนั้นถูกซูรุ่ย ‘เฝ้าดูอยู่ตลอด’ เธอพาหยางอู่และหญิงผู้มีพลังพิเศษที่เธอฝึกฝนมาอย่างดีมาด้วยสีหน้าที่ดีใจ และเยี่ยมชมฐานชังหยาทั้งหมดกับเยี่ยนอวี่ ในขณะที่หยางจื่อซีผ่านห้องทดลองเฟิงเยี่ย ก็ตั้งใจหยุดอยู่กับที่สองสามวินาที เธอลองสืบถามเยี่ยนอวี่เกี่ยวกับการเจอกับนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนาน แต่น่าเสียดายที่เยี่ยนอวี่ปฏิเสธกับการหยั่งเชิงของฝ่ายตรงข้าม
ยังไงก็ตามหยางจื่อซีไม่ท้อถอย เธอหาโอกาส และพาหยางอู่ออกไปตามลำพัง ปล่อยให้หญิงผู้มีพลังพิเศษที่มีอายุใกล้เคียงกับเยี่ยนอวี่อยู่กันตามลำพัง
แม้ว่าเยี่ยนอวี่จะอายุน้อย แต่เขาก็เป็นคนช่างสังเกต ทั้งท่าทาง คำพูด และสีหน้า เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของเด็กหญิงที่อยู่ข้างๆ เขา รวมถึงร่างของหยางจื่อซีที่จากไป สีหน้าของเยี่ยนอวี่ก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย
แผนหญิงงามอะไรนั่น เธอคิดออกมาได้ไง!
หลังจากพ้นสายตาของเยี่ยนอวี่ หยางจื่อซีก็พาหยางอู่ไปยังด้านนอกห้องทดลองเฟิงเยี่ยอย่างสบายใจและไม่รู้ตัว ที่นี่คือที่ที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาที่สุดในฐานชังหยา ณ เวลานี้ พวกเขาสามารถมองจากระยะไกล
“คุณหนู ปล่อยให้หลิวอวี่อยู่กับเยี่ยนอวี่อยู่ตามลำพัง จะไม่มีปัญหาจริงๆ เหรอครับ”
หยางอู่ยังคงกังวลเกี่ยวกับหลิวอวี่ และไม่ทันได้สังเกตเห็นแววตาส่องปะกายของหยางจื่อซี ที่จ้องมองไปที่ห้องทดลอง
หลิวอวี่เป็นผู้มีพลังพิเศษหญิงของสายพฤกษา เมื่อสองปีก่อนหยางจื่อซีพบกับเธอ และฝึกฝนเป็นอย่างดี ตอนนี้เธอมีอายุเพียงสิบสามปี แต่มีพลังพิเศษระดับสี่แล้ว!
ในตอนแรกหยางอู่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงในการฝึกหลิวอวี่ของหยางจื่อซี จนกระทั่งระหว่างทางมาฐานชังหยาในครั้ง เขาไปได้ยินคำสั่งหยางจื่อซีที่มอบให้หลิวอวี่ทำโดยไม่เจตนา หยางอู่จึงรู้ว่า การที่หยางจื่อซีฝึกฝนหลิวอวี่เป็นอย่างดี ก็เพื่อส่งจะเธอให้กับเยี่ยนอวี่!
สิ่งนี้ทำให้หยางอู่รู้สึกอึดอัดใจมาก เขาไม่รู้ว่าเลยคุณหนูใหญ่เปลี่ยนเป็นคนที่มีน้ำมือเ**้ยมโหดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ในความเป็นจริงแล้ว เธอจะสามารถออกคำสั่งเรียกลมเรียกฝนอะไรก็ได้ในฐานหลงเสียง และหยางอู่ก็เคยไปยังช่องว่างมิติของหยางจื่อซี ช่องว่างมิติมหัศจรรย์ของเธอนั้นมีทั้งสนามและน้ำพุขนาดใหญ่ ราวกับเป็นดินแดนสวรรค์
ชั่วขณะหนึ่งหยางอู่ก็เคยจินตนาการว่า เขาอยากจะหลุดจากยุคโลกาวินาศที่มีแต่ความตึงเครียดนี้ และหนีออกจากฐานหลงเสียง หาสถานที่ที่ไม่มีใครรบกวน มีแต่เขาและหยางจื่อซี ด้วยทักษะของเขาและช่องว่างมิติของเธอ พวกเขาสามารถใช้ชีวิตที่ไร้กังวลไปได้ชั่วชีวิต เมื่อถึงเวลาผู้ชายก็ไปไถนาและผู้หญิงก็ทอผ้า มีลูกๆ วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ จะต้องมีความสุขและสมบูรณ์แบบมากอย่างแน่นอน
แต่ว่า…
นี่ก็แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ของหยางอู่เท่านั้น
เขาเฝ้ามองหยางจื่อซีตั้งแต่คนธรรมดาจนเป็นผู้นำฐานที่ตอนนี้สามารถออกคำสั่งอะไรก็ได้
เขาก็จะเฝ้าติดตามอยู่แบบนี้ตลอด และไม่เปลี่ยนแปลง…
ทุกวันนี้ เขายังคงเป็นเงาที่อยู่เบื้องหลังเธออย่างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเธอ ก็ไม่ได้เป็นแบบในความทรงจำของเขาตลอดไป…