หลังจากยุคโลกาวินาศ ในที่สุดก็เริ่มต้นสงครามครั้งแรกระหว่างฐานทัพกับฐานทัพ เหยียนจื้อและกองกำลังพันธมิตรผู้มีพลังพิเศษจากฐานอื่นๆ ได้โจมตีฐานชังหยาอย่างรุนแรง และในฐานชังหยา นอกเหนือจากผู้มีพลังพิเศษแล้ว ก็ยังมีกองทัพกลายพันธุ์ที่เกิดจากกองทัพซอมบี้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันดุเดือดมาก
เพื่อที่จะลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของฝ่ายตนเอง ซูรุ่ยและซูหว่านก็ได้เข้าร่วมสงครามกับกองทัพซอมบี้ด้วย เดิมทีซูเหยียนวางแผนไว้ว่าจะเลื่อนไปถึงระดับสี่ก่อน แต่สงครามก็เริ่มขึ้นกะทันหัน ซูเหยียนจึงต้องหยุดไว้ก่อน และไปสั่งการกองทัพซอมบี้กับหลี่เสี่ยงเพื่อปกป้องฐานชังหยาไว้
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้มีพลังพิเศษของฐานชังหยาต่อสู้เคียงกับพันธมิตรซอมบี้
เนื่องจากซอมบี้มีเนื้อหนังที่หนากว่าคนธรรมดา พวกมันจึงกลายเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับผู้มีพลังพิเศษของฐานชังหยา การร่วมมือครั้งแรกของทั้งสองฝ่ายทำให้ลดแรงขับเคลื่อนของศัตรูไปได้มาก
แต่เพียงเวลานานไป ผู้มีพลังพิเศษของฝ่ายตรงข้ามก็เพิ่มขึ้นทีละกลุ่ม เนื่องจากจำนวนผู้คนในฐานชังหยาน้อยจึงทำให้เป็นข้อเสียเปรียบ และในไม่ช้าก็มีกลุ่มใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ
ในที่สุดก็ถึงคราวที่หยางจื่อซีออกโรงสักที
เธอเป็นสายรักษาระดับหก หยางจื่อซีใช้แค่แสงแห่งการรักษา ก็สามารถรักษาบาดแผลจนหายได้สิบกว่ารายในทันที แม้ว่าความสามารถยิ่งใหญ่แบบนี้จะไม่สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่หยางจื่อซีคือใคร หญิงที่แกร่งที่สุดผู้มีช่องว่างมิติ!
เมื่อเห็นเยี่ยนอวี่เริ่ม ‘อ่อนแอ’ หยางจื่อซีก็หยิบเอาน้ำแร่ออกมาจากห้วงมิติของตนเองอย่างลังเล เธอนำน้ำแร่ออกมาจากช่องว่างมิติและผสมกับยาตัวอื่น แล้วมอบให้กับผู้มีพลังพิเศษ ถึงแม้จะต้องใช้คะแนนระบบในจำนวนหนึ่งมาแลกเปลี่ยน แต่หยางจื่อซีก็คิดว่ามันเป็นการกระทำที่คุ้มค่า อย่างน้อยหลังจากได้ช่วยอย่างสุดความสามารถ เยี่ยนอวี่ก็มองดูด้วยสายตาที่เป็นมิตรอบอุ่น และเขายังเรียกตนเองไปห้องทดลองเพื่อพบกับนักวิทยาศาสตร์ในตำนานกับเขา!
เมื่อหยางจื่อซีพบกับฉืออี้เป็นครั้งแรก ก็เห็นเขายุ่งอยู่ในห้องทดลองเพียงลำพังคนเดียว ด้วยเสื้อคลุมสีขาว ผมสีดำสั้น และรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาเย็นชา
ดอกเตอร์แอล ทุกอย่างดูเหมือนที่เธอจินตนาการไว้
ณ เวลานี้ ฉืออี้กำลังทำการทดลองอย่างตั้งใจ และไม่ทันได้สังเกตเห็นการมาของเยี่ยนอวี่ หยางจื่อซีรอให้เขาทำการทดลองจนเสร็จสิ้นและเงยหน้าขึ้น ถึงจะรู้สึกถึงเงาร่างของเยี่ยนอวี่และหยางจื่อซีที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“หัวหน้าหยาง นี่คือดอกเตอร์ฉือ ดอกเตอร์ฉือนี่คือพันธมิตรของเรา หัวหน้าหยาง!”
เยี่ยนอวี่แนะนำหยางจื่อซีและฉืออี้อย่างเป็นทางการ ฉืออี้นึกภารกิจที่ซูรุ่ยมอบหมายให้เขาได้ทันที เขาจึงทำใบหน้าเย็นชาและเลียนแบบท่าท่างของซูรุ่ยที่อยู่ในห้องทดลองก่อนหน้านี้ แล้วตอบกลับ “อืม” ด้วยเสียงแน่วแน่ จากนั้นเขาลดสายตาลง วางท่าทางเย็นชา และมองไปที่รายงานการทดลองบนโต๊ะอย่างตั้งใจ
ณ เวลานี้ เสียงในใจของทั้งสามคนเป็นแบบนี้…
หยางจื่อซี ดอกเตอร์แอลเป็นคนเย็นชาจริงๆ ด้วย!
เยี่ยนอวี่ เสแสร้งต่อ นายเสแสร้งต่อไปอีก!
ฉืออี้ ฉันเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์จริงๆ เลยนะ อืม ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฉันทำไม่ได้จริงๆ เรื่องการสวมบทบาทอะไรนั่น ง่ายสุดๆ ไปเลย~
เมื่อยืนยันตัวตน ‘ดอกเตอร์แอล’ ในห้องทดลองแล้ว นอกจากภารกิจรักษาผู้บาดเจ็บที่หยางจื่อซีจะต้องทำทุกวันแล้ว ก็คือการไปหาฉืออี้ที่ห้องทดลองทุกวันเพื่อเป็นการแสดงตัวตน!
หยางจื่อซีเอ่ย “ดอกเตอร์ๆ นี่เป็นอาหารกลางวันของวันนี้นะคะ”
ฉืออี้เอ่ย “อืม”
หยางจื่อซีเอ่ย “ดอกเตอร์ๆ ฉันใช้ยานี้ได้ไหมคะ”
ฉืออี้เอ่ย “ฮะ”
หยางจื่อซีเอ่ย “ดอกเตอร์ วันนี้คุณอยากกินอะไรคะ”
ฉืออี้เอ่ย “เอ่อ…”
ถ้าพูดมาอีกซักคำจะตายไหม จะตายไหม
หยางจื่อซีคิดว่าการยกระดับความสัมพันธ์กับดอกเตอร์แอลเป็นเรื่องยาก เหนื่อยจะรักแล้ว…
แต่ในเวลานี้ ในใจของฉืออี้อันที่จริงแล้วคืออยากบ้าตาย→→ให้คนที่พูดมากมาปลอมเป็นคนที่พูดน้อย เป็นเรื่องที่เหนื่อยใจยิ่งกว่าการวิ่งบนสะพานไม้ในห้องทดลองอีก~
สงครามเข้าสู่วันที่สิบ ในที่สุดกองกำลังของพันธมิตรผู้มีพลังพิเศษก็เริ่มล่าถอย
ในเวลานี้ผู้มีพลังพิเศษของฐานชังหยาที่นำโดยหลี่เทาและหยางอู่กำลังตามล่าชัยชนะ แต่ในระหว่างการตามล่า พวกเขาพบการซุ่มโจมตีของอีกฝ่าย แต่โชคดีที่กองทัพซอมบี้ที่นำโดยซูเหยียนเข้าช่วยเหลือทันเวลา และภายใต้การต่อสู้อันยากลำบาก ซูเหยียนก็ทะลวงระดับและได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับสี่ในระหว่างการต่อสู้!
เมื่อมองดูซอมบี้หญิงตรงหน้าเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสาวสวย ดวงตาของหยางอู่ก็ซ่อนความตกใจไว้ไม่ได้
แม้ว่าซูเหยียนจะเปลี่ยนไปจากเมื่อหลายปีที่ผ่านมามาก แต่หยางอู่ก็ยังคงจำได้ในทันทีว่าซอมบี้สาวตรงหน้าเขาคือซูเหยียนที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของซูหว่าน…
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หลี่เทาและหยางอู่ก็รีบกลับไปที่ฐานชังหยาพร้อมกับเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บ และซูเหยียนที่ฟื้นคืนร่างเป็นมนุษย์ก็ได้ตามพวกเขาเข้าไปในฐาน
เมื่อก่อนซูเหยียนเคยอาศัยอยู่ในฐานชังหยาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีที่นี่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้คนที่เธอเคยรู้จัก คนที่ลาจากก็จากไป คนที่ตายก็ตายไป ก็เหลือแต่พี่เสี่ยวหลินที่ยังคงอาศัยอยู่ในฐานชังหยาเพียงลำพัง ซูเหยียนได้ยินหลี่เทาเคยพูดว่า สมัยที่เขายังหนุ่มๆ คอยติดตามฉู่เฟยหยาง ตอนนี้ก็ได้แต่งงานมีลูกและใช้ชีวิตในฐานอย่างมีความสุขแล้ว
เมื่อซูเหยียนไปเยี่ยมเพื่อนเก่า หยางอู่ที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ได้ติดตามกลุ่มคนไปที่แผนกพลาธิการแนวหลังเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เขากลับเดินอยู่บนถนนที่เงียบสงบคนเดียว แววตาซับซ้อนและลึกซึ้ง
“หยางอู่!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงสดใสดังขึ้นข้างหูของหยางอู่ และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่ยิ้มมาให้เขา
“ซู…”
“ซูหว่าน!”
…
ตอนที่หยางจื่อซีรู้ว่าหยางอู่ได้รับบาดเจ็บ หยางอู่ก็นอนพักผ่อนเสียแล้ว
เธอเดินมาที่ด้านนอกห้องของหยางอู่อย่างเงียบๆ และมองจากหน้าต่างภายในห้องที่เปิดอยู่ ก็เห็นหยางอู่ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ กำลังพันแผลให้ตัวเอง
ดวงตาของหยางจื่อซีมืดลง แล้วรีบเปิดประตูเดินเข้าไป
“ทำไมบาดเจ็บแล้วไม่บอกฉัน”
น้ำเสียงที่พูดแฝงด้วยความไม่พอใจ หยางจื่อซีคว้าผ้าพันแผลจากมือของหยางอู่ จากนั้นแสงแห่งการรักษาตกลงกระทบบนร่างของหยางอู่ บาดแผลบนร่างของเขาหายด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“แผลเล็กน้อยเองครับ ผมไม่อยากให้คุณสิ้นเปลืองพลังพิเศษไปกับผม”
หยางอู่หรี่ตาลง น้ำเสียงของเขาก็ยังคงต่ำ
“รักษาให้นายมันสิ้นเปลืองตรงไหน”
หยางจื่อซีโพล่งออกมาด้วยความไม่พอใจ และเธอก็ตกตะลึงกับคำพูดของตัวเธอเอง
เมื่อหยางอู่ที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของหยางจื่อซี สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อย “คุณหนูครับ วันนี้ผม…เห็นซู…ซูเหยียน”
“นายบอกว่าใครนะ”