ความเย็นชาของซูรุ่ยหายไปอย่างรวดเร็ว เฉินชิงจิ่นถึงแม้จะรู้สึกถึงได้ แต่นางก็คิดว่าตัวเองน่าจะรู้สึกผิดไป เพราะนางเข้าใจว่าอ๋องจิ้นชินในชาติที่แล้วนั้นเป็นคนดี ท่านอ๋องเป็นคนที่คิดจริงใจต่อบัลลังก์ราชวงศ์อย่างแท้จริง ทำงานถวายชีวิตจนตาย ความคิดปราชญ์เปรื่องคาดการณ์แม่นยำและเข้ากับคนง่าย
แต่ในเวลานี้ เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของเฉินชิงจิ่นและท่าทางรอฟังอย่างตั้งใจต่อหน้าสาธารณชน สีหน้าของซูรุ่ยไม่ต่างจากปกติ เสียงก็ไม่ตื่นตระหนกเหมือนกับฮ่องเต้ในวันวาน “ช่วงนี้ข้าอยู่ในวังค่อนข้างอึดอัด วันนี้อากาศดีอยากจะออกมาเดินนอกเมืองหลวง พอนั่งรถออกมานอกเมืองก็พลันคิดถึงวันก่อนที่ฉินเย่ว์เอ่ยว่าวันนี้จะมาที่ลานล่าสัตว์ ข้าจึงมาร่วมสนุกด้วย…แค่กๆ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซูรุ่ยก็ไอขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือดของเขาก็ปรากฏสีแดงของอาการป่วยออกมาวูบหนึ่ง
คนอื่นที่อยู่ข้างๆ ก็หยุดหายใจไปพร้อมกับเสียงไอของเขา
ร่างกายของอ๋องจิ้นชินอ่อนแอเป็นอย่างมากจริงๆ…
ในตอนที่สายตาที่สงสารปนนับถือของทุกคนมองไปทางซูรุ่ย ซูหว่านทำได้เพียงกรอกตาขาวขึ้นอย่เงียบๆ
ฝีมือการแสดงไม่เลวนี่ หึๆ ทำไมไม่ใช้พลังภายในทำให้กระอักเลือดออกมาเสียเลยเล่า
สุดท้ายตอนที่ซูหว่านกำลังเยาะเย้ยอยู่นั้น ซูรุ่ยก็ไอออกมาเป็นเลือด…
โอ้โห ใจตรงกันเสียจริง!
สายตาเห็นรอยเลือดตรงมุมปากของซูรุ่ย ประกอบกับผ้าเช็ดหน้าที่มีวงเลือดอยู่ในมือนั่น สีหน้าของเฉินอวี้ซูก็ยิ่งขึงขังมากขึ้น “ท่านอ๋องโปรดรักษาสุขภาพ! บ้านเมืองต้องการท่าน”
ซูรุ่ย โอ้โห พูดอย่างกับข้าจะตายอย่างนั้นแหละ เจ้าตายข้าก็ไม่ต้องตายแล้ว ข้าจะอดทนต่อไป…
แต่ดีที่ในเวลานี้องค์ชายห้าและองค์ชายสองก็ตามมาถึงพอดิบพอดี ความสนใจของทุกคนจึงย้ายจากตัวซูรุ่ยไป
ในฐานะที่เป็นพระเอกในโลกนี้ องค์ชายสองเฉินเย่ว์มีอากัปกิริยาไม่ธรรมดา ท่าทางเด็ดขาด
แต่องค์ชายห้าในฐานะชายโฉดก็มีคุณลักษณะอันพิเศษของชายโฉดอย่างครบถ้วน อาทิเช่นใบหน้าอันหล่อเหลา ริมฝีปากบางที่ทั้งเซ็กซี่และเจ้าชู้…
เป็นเพราะมีรถม้าของซูรุ่ย ทั้งสองคนจึงได้ขอลาท่านลุงมาก่อน
จะว่าไปตอนนี้อายุของซูรุ่ยอายุเพียงแค่ยี่สิบเจ็ดปี อายุมากกว่าฉินเย่ว์เพียงแค่เจ็ดปี เพียงแต่ว่าลำดับศักดิ์ที่มีอยู่ ทั่วทั้งเมืองหลวง นอกจากฮ่องเต้และไทเฮา ก็ไม่มีใครที่เห็นเขาแล้วจะไม่ทำความเคารพ
รอกระทั่งซูรุ่ยรับหน้าองค์ชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ก็มีวงศาคณาญาติอีกมากมายทยอยกันมา จากนั้นซูรุ่ยก็เข้าสู่โหมดญาติผู้ใหญ่ ถูกคนมากมายแสดงความเคารพไปมา กระทั่งคนซาแล้วถึงได้พบปัญหาใหญ่อย่างยิ่งยวด
ซูหว่านหายไปแล้ว!
“ซูหว่านหายไปไหนแล้ว”
ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง องค์รักษ์ที่ตามขนาบอยู่สองข้างรถม้ารีบกราบบังคมทูล “ทูลองค์ชาย คุณหนูซูกับคุณชายเฉินเข้าไปในลานล่าสัตว์ด้วยกันแล้วขอรับ!”
หญิงชายโสดไร้พันธะ อยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร…
ซูรุ่ย ข้าจะอดทน…ไม่ทนแล้วโว้ย!
ไม่เคยได้ยินคำว่าอดทนจนไม่ทนแล้วหรือไi
“หันหัว ลงเขา!”
สั่งการเสียกเย็น ซูรุ่ยรีบปล่อยผ้าม่านลง
ในยามนี้ที่เขาผู่ ณ ลานล่าสัตว์ เนื่องจากผู้คนที่จะเข้าร่วมการล่าสัตว์มากันครบแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงขี่ม้ากระจายกันเข้าสู่ลานล่าสัตว์รกทึบ
เพื่อเป็นการรักษาความเท่าเทียมกันในการล่าสัตว์ครั้งนี้ ธนูล่าสัตว์ของแต่ละคนจึงแจกจ่ายที่ด้านนอกเขตล่าสัตว์ ซูหว่านและเฉินชิงจิ่นในฐานะทีเป็นสตรีสองคนในการล่าครั้งนี้ไม่แสดงท่าทีอ่อนแอให้เห็น แต่ละคนรับลูกธนูไปคนละสามสิบดอก
ถึงแม้ทั้งสองคนจะมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่คนที่ช่างสังเกตก็มองได้ทะลุปรุโปร่งว่าระหว่างสองสาวมีบรรยากาศครุกรุ่น
เฉินชิงจิ่น หึๆ ผู้หญิงสมองกลวงอย่างเจ้าเหรอคิดจะมาแต่งงานกับพี่ชายข้า เป็นสตรีที่ฝันเฟื่องโดยแท้! นางลอบคิดแผนร้าย ข้าจะไม่มีวันให้เจ้าได้สมใจ!
ซูหว่าน หึๆ ในเมื่อกล้าวางยาข้า ครั้งนี้ต้องถือว่านางโชคร้ายเองนะ ข้าจะให้นางในชาตินี้ได้กลับไปเกิดใหม่อีกรอบ ให้นางได้รับรู้รสชาติที่แท้จริงของการอยู่ไม่สู้ตาย!
“พี่ซูเชิญ!”
“เชิญน้องชิงจิ่นก่อนเถิด”
บนหลังม้า ทั้งสองคนแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน เฉินอวี้ซูที่อยู่ด้านข้างราวกับไม่รับรู้ความดุเดือนเลือดพล่านที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน กลับเป็นฉินเย่ว์ที่ขี่ม้าอยู่ไกลๆ มองเงาด้านหลังของทั้งสาม เขาขบคิดพลางลูบคางแล้วยิ้มออกมา “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!”
กล่าวพึมพำกับตัวเอง ฉินเย่ว์เสม้าไปทางอื่น หันตรงไปทางอีกด้านของป่าแล้วออกตัวไป…
พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูง ลมภูเขาพัดผ่านใบหน้า
ซูหว่านและพี่น้องตระกูลเฉินเข้าสู่ลานล่าสัตว์พร้อมกัน แต่เนื่องจากในระหว่างการล่าจะต้องบังคับม้าและง้างธนู เฉินชิงจิ่นจงใจเลือกทิศทางการล่าคนละทางกับซูหว่าน และร้องเรียกให้เฉินอวี้ซูช่วยไม่หยุด ผลสุดท้าย เดินไปเดินไป ซูหว่านก็พลัดหลงกับทั้งสองคนไป
สำหรับเรื่องนี้ซูหว่านไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ที่จริงแล้ววันนี้นางก็แค่มาร่วมสนุกเท่านั้น เพราะตามที่ซูหว่านรู้มาภารกิจความรักในการล่าครั้งนี้ก็เพื่อพิชิตใจสาวงาม ฉินเย่ว์ได้เตรียมการไว้เพียบพร้อมหมดแล้ว เขาส่งคนไปทำให้เฉินอวี้ซูและเฉินชิงจิ่นคลาดออกจากกัน จากนั้นก็เตรียมสัตว์ร้ายไว้ในบริเวณที่เฉินชิงจิ่นจะไป จากนั้นก็ออกมาเป็นวีรบุรษช่วยสาวงาม
แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงความคิดอันสวยงามของฉินเย่ว์เพียงคนเดียว ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นเฉินชิงจิ่นในตอนที่กำลังเกิดอันตรายบังเอิญมาเจอคนที่เหมือนกันองค์ชายสองฉินเย่ว์ สุดท้ายทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนร่วมทางกัน แต่สัตว์ร้ายที่จงใจปล่อยเข้าป่าตัวนั้น สุดท้ายก็ตายด้วยดาบของฉินเย่ว์
ท้ายที่สุด คิดแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจดี เพียงแต่ซูหว่านคิดว่าแค่จัดฉากแค่นี้ยังไม่น่าเร้าใจเท่าไหร่นัก จะดีมากถ้านางได้มีส่วนร่วมเพิ่มอะไรอีกนิดหน่อย!
ดังนั้นในตอนที่ทุกคนกำลังตั้งใจล่าสัตว์อยู่นั้น ซูหว่านก็เริ่มป้วนเปี้ยนรอบลานล่าสัตว์ นางกำลังตามหาสัตว์ร้ายตามบท ตามที่ได้ยินมาเป็นถึงราชาเสือขาว
สีขาว มีสีขาว…
ซูหว่านวนไปวนมาในป่ารกทึบ วนไปวนมา ท้ายที่สุดก็สำเร็จ หลงทางแล้ว…
เอาเถอะ แค่หลงทางเรื่องเล็ก เพิ่งพบว่าตัวเองหลงทาง พุ่มไม้ด้านหลังของซูหว่านก็ส่งเสียงซ่าๆ ตามมาด้วยเสียงคำรามโฮกใหญ่ของเสือร้าย ม้าของซูหว่านก็ตัวสั่นเทาคุกเข่าลงกับพื้น
ซูหว่านที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกลงมาจากหลังม้าอย่างน่าอนาถ และร่างกายของนางก็หล่นลงในอ้อมกอดเย็นชาของใครคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคย ทำให้ซูหว่านหน้าตึง
“ปล่อยมือ อย่ามาแตะต้องตัวข้า”
น้ำเสียงของซูหว่านเย็นชาจนทำให้บางคนกลัว
ร่างกายของซูหว่านแข็งทื่อ แต่ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของคนนั้นแน่น “ข้าไม่ปล่อย อย่างไรก็ไม่ปล่อย ตีให้ตายก็ไม่ปล่อย”
ซูหว่าน …
เด็กน้อย~
เห็นซูหว่านทำหน้างอแต่กลับไม่ได้ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอด ซูรุ่ยถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่ได้ กล่าวกระซิบเสียงอ่อนโยนใกล้ข้างหูซูหว่าน “เสี่ยวหว่าน”
“เสี่ยวหว่าน”
“เสี่ยวหว่าน”
เห็นซูหว่านไม่แม้แต่จะมองหน้าตัวเอง ซูรุ่ยรีบแสดงอาการหน้าไม่อายออกมาอีกชุดใหญ่ ขานชื่อของนางไม่หยุด
“พอแล้ว”
ซูหว่านที่สติใกล้ขาดผึงในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวร้องขัดซูรุ่ยออกมา
ทั้งสองคนสุดท้ายก็เงียบงันไป จนกระทั่งลมภูเขาระลอกหนึ่งพัดมา พัดสายคาดสีขาวบนศรีษะของซูหว่าน สายคาดอ่อนนุ่นพัดผ่านใบหน้าของซูรุ่ยไปอย่างแผ่วเบา ซูรุ่ยกรอกตาลงต่ำ สายตาลึกซึ้งและอ่อนโยนมองไปยังซูหว่าน
“เจ้าอย่าเกลียดข้าเลยได้หรือไม่”
“ทำไมถึงเพิ่งมา”
ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ตามมาด้วยอาการตกตะลึงมองไปยังอีกฝ่าย
“เจ้าไม่เกลียดข้า”
ประกายตาของซูรุ่ยเบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าซูหว่านอย่างไม่ละสายตา
ซูหว่านถูกเขาต้องจนรู้สึกกระดากอายขึ้นมา รีบหันหน้าหนีทันที “ข้ามีเวลาว่างไปเกลียดเจ้าที่ไหนกัน”
ไม่ได้ถูกเกลียด…
แม่ทัพซูรู้สึกว่าตัวเองที่พักนี้อารมณ์มักจะหงุดหงิดโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ พลันรู้สึกว่ามีผีเสื้อลอยบินว่อน
ที่แท้ซูหว่านไม่ได้โกรธหรอกเหรอ!
ที่แท้ในซีรีส์ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงนี่เอง!
แม่ทัพซูตัดสินใจว่าอีกหน่อยจะไม่ดูละครรักน้ำเน่าพวกนั้นแล้ว…
เดี๋ยวก่อน!
สายตาซูรุ่ยสว่างวาบ พลันนึกถึงคำพูดที่ซูหว่านเพิ่งถามเขาไปเมื่อสักครู่ นางถามเขาว่า “ทำไมถึงเพิ่งโผล่หน้ามา”
นี่แปลว่า ในช่วงที่ผ่านมานี่ เสี่ยวหว่านของเขากำลังรอเขาอยู่ตลอดกัน
“เสี่ยวหว่าน เจ้ารอข้ามาตลอดเลยหรอ”
ซูรุ่ยรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วเป็นพิเศษ น้ำเสียงสั่นเครือโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ ไม่ใช่”
ซูหว่านส่ายหน้าอย่างแรง
จะยอมรับได้อย่างไร
ตีให้ตายก็ไม่ยอมรับหรอก!
ไหนว่าจะไม่ทำนิสัยเด็กๆ ไง
หือ~
ราชาเสือขาว พวกเจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่านะ มาพลอดรักกันราวกับด้านข้างไม่มีเสืออย่างนี้จะดีเรอะ