ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนต่างก็ออกมาจากลานล่าสัตว์กันหมดแล้ว เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางคัน ทำให้ทุกคนไม่มีกะจิตกะใจจะแสดงหลักฐานการล่าที่ได้มา แต่กลับมีราชนิกูลผู้สูงศักดิ์หันหลังกลับไปมองยังซูหว่านที่ตามทุกคนมาห่างๆ อย่างไม่ละสายตา
ไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้เจ้าขาวของนางเท่ห์ขนาดนั้น เมื่อเข้าใกล้ม้าพวกนี้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเดินแล้ว ดังนั้นซูหว่านจึงได้แต่รั้งท้าย
พี่น้องตระกูลเฉินออกมาก่อนตั้งนานแล้ว ในเวลานี้เฉินชิงจิ่นได้เปลี่ยนเป็นชุดใหม่อีกชุดแล้ว พร้อมกับนั่งรอในรถม้าของตระกูลเฉินอย่างว่าง่าย
สำหรับเรื่องในลานล่าสัตว์ พวกคุณหนูทั้งหลายที่อยู่ด้านนอกไม่มีทางรับรู้ แต่นี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงของเฉินชิงเหยา
ในตอนที่เฉินชิงจิ่นออกมาก็เห็นความอเนจอนาถของนาง ถึงแม้ว่าเฉินอวี้ซูจะพยายามปกปิดเท่าไหร่ แต่ภายใต้การ “ซักถาม” ที่ดูไม่ได้ใส่ใจมากนักของเฉินชิงเหยา คุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่รายล้อมอยู่เหล่านั้นก็ได้ทราบเรื่องราวไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ต้องบอกว่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ปกติจะถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน จึงอาจไม่ทราบชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป แต่พวกนางก็มีความสามารถหนึ่งที่น่าประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการจินตนาการ
เรื่องนี้เมื่อมีการเปิดเรื่อง จินตนาการก็หยุดไม่ได้ ในเวลานี้เฉินชิงจิ่นที่ได้เผชิญเรื่องราวมาในลานล่าสัตว์ ก็ถูกเติมแต่งด้วยจินตนาการจนออกเป็นละครได้หนึ่งเรื่องแล้ว ทั้งยังไม่ซ้ำกันเสียด้วย
แน่นอนว่า เรื่องราวที่พวกคุณหนูสูงศักดิ์เหล่านี้กลายเป็นศูนย์ไปเมื่อซูหว่านออกมา สายตาเห็นซูหว่านนั่งบนสัตว์ร้ายเสือขาวปรากฏอยู่ไม่ไกล คุณหนูที่ขี้กลัวหน่อยก็อดไม่ได้ที่จะร้องอย่างตกใจออกมา
“ว๊าย! เสือ!”
เสียงโวยวายด้านนอกก็ทำให้เฉินชิงเหยาเกิดความสนใจ ใจเวลานี้นางก็ไม่อยากจะมาแสดงละครต่อหน้าของเฉินชิงจิ่นอีกต่อไป หมุนกายไปเลิกผ้าม่านอย่างสงสัย รอจนเฉินชิงเหยาเห็นภาพด้านนอก นางก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวตะโกนเสียงขาดหายขึ้นว่า “เสือขาว!”
เสือขาว
เมื่อได้ฟังเสียงของเฉินชิงเหยา สีหน้าของเฉินชิงจิ่นที่อยู่ด้านข้างก็ยิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางค่อยๆ เลิกผ้าม่านขึ้นมาดูอย่างสั่นเทา ก็เห็นร่างเงาซูหว่านที่อยู่ไม่ไกลค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา
ทำไมถึง เป็นแบบนี้ไปได้
มือของเฉินชิงเหยากำผ้าม่านรถในมือแน่นจนเห็นข้อ เมื่อตอนที่อยู่ลานล่าสัตว์ฉินเย่ว์เตือนให้ทุกคนไปตามหาซูหว่าน ในตอนนั้นเฉินชิงจิ่นเองก็คิดว่าหากซูหว่านเจอกับเสือตัวนั้น พบเจอกับเรื่องราวที่เหมือนของตัวเอง หรือว่าถูกเสือตัวนั้นทำร้ายจนเสียชีวิต เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก
แต่นางคิดไม่ถึงว่า ซูหว่านกลับพบเจอเสือตัวนั้นจริงๆ แต่กลับทำให้มันเชื่องได้
นี่ นี่เป็นไปไม่ได้!
เป็นไปไม่ได้
เฉินชิงจิ่นลอบกัดฟันกรอดอย่างไม่ตั้งใจ ประกายตาปรากฏแววริษยาเกลียดชังอย่างรุนแรง
กลับมาเกิดใหม่ชาติหนึ่ง สิ่งที่นางไม่อาจจะทนได้มากที่สุดก็คือเห็นคนที่นางเกลียดได้ดีไปกว่าตัวเอง
คนเหล่านี้ คนเหล่านี้น่าจะตายไปเสีย ล้วนแต่สมควรที่จะตกนรกหมกไหม้!
ความน่าสมเพชและความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับในชาติที่แล้ว ชาตินี้พวกเขาจะต้องชดใช้เป็นร้อยเท่าพันทวีจึงจะสาสม!
ความคิดที่จะแก้แค้นอย่างรุนแรงปรากฏแวบเข้ามาในหัวของเฉินชิงจิ่น ได้เห็นเฉินอวี้ซูเดินออกไปรับซูหว่านกลับมา ในปากของเฉินชิงจิ่นก็ค่อยๆ ปรากฏรสชาติเค็มและคาวของเลือดออกมาเล็กน้อย
กลิ่นคาวเลือดและความเจ็บปวดทำให้นางได้สติ
นางสะบัดผ้าม่านรถม้าหลุบตาลงต่ำ กลบเกลื่อนอารมณ์ของตัวเองในความมืด…
“เสือขาวตัวนี้…”
เฉินอวี้ซูเดินมาถึงด้านหน้าของซูหว่าน เดินออกมารับเสือขาวตัวใหญ่มหึมาตัวนั้น เงาร่างของเฉินอวี้ซูดูบอบบางเล็กนิดเดียว
“เรียกมันว่าเจ้าขาว! ”
ซูหว่านเล่าเรื่องราวเป็นฉากๆ จากนั้นก็ทำเป็นคนใสซื่อต่อหน้าเฉินอวี้ซู
นางที่ถูกมองว่าเป็นคุณหนูไร้สมอง ที่ทำไปนี่ก็ทุ่มสุดฝีมือแล้ว
และเมื่อเห็นสีหน้าของตื่นเต้นและแสดงอารมณ์หลากหลายของนางแล้ว สายตาของเฉินอวี้ซูที่มองจ้องเสือขาวอย่างเย็นชาอยู่กับที่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเอ็นดูขึ้นมาแทนที่
ที่แท้…ซูหว่านก็น่ารักเหมือนกัน
เฉินอวี้ซูในเวลานี้แม้แต่ความเกลียดที่มีต่อเจ้าขาวก็ลดลง แม้ว่ามันจะให้เฉินชิงจิ่นขายหน้า แต่ว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิต
คนดีๆ จะไปถือสาหาความกับสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร
ในตอนนี้เองท่ามกลางกลุ่มคนก็เกิดเสียงฮือฮาระลอกใหม่ ที่แท้ก็เป็นเพราะรถม้าของจวนจิ้นอ๋องปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง
ซูรุ่ยที่นั่งอยู่ภายในรถก็ดู “อ่อนแอขี้โรค” เขาเอียงกายพิงกับหมอนนิ่ม สายตาทิ่มแทงมองไปทางที่ซูหว่านกับเฉินอวี้ซูยืนอยู่ “คุณหนูซูหว่าน นี่เป็นเสือขาวของเจ้าหรือ”
“ท่านอ๋อง!”
เห็นซูรุ่ยที่ปรากฏกาย ซูหว่านรีบกระโดดลงจากหลังของเจ้าขาว สีหน้าตื่นตระหนกมองไปทางเขา “ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้อยากจะจับมันไปใช่หรือไม่ ถึงแม้ว่าลานล่าสัตว์นี้จะเป็นของท่าน แต่วันนี้ก่อนที่ทุกคนจะเข้ามาได้บอกเอาไว้แล้ว สิ่งของที่ล่ามาสามารถเอากลับไปเป็นของตัวเองได้!”
“แค่กๆ”
ซูรุ่ยได้ทำทีท่าเป็นไอแค่กๆ ได้แต่จ้องมองซูหว่านแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “เสือเป็นราชาของสรรพสัตว์ ตัวนี้เป็นราชาเสือสีขาวที่หายาก เจ้าพามันเข้าไปที่เมืองหลวงเช่นนี้ดูจะไม่เหมาะ…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซูรุ่ยก็เงียบลง สีหน้าอ่อนโยนพลางกล่าวต่อว่า “หากว่าคุณหนูซูหว่านไว้ใจข้า ก็ให้ข้าส่งคนพามันกลับไปยังเมืองหลวงเถิด เอาไปไว้ในสวนสัตว์หายากของจวนข้า อีกหน่อยคุณหนูซูจะไปเยี่ยมชมเมื่อไหร่ก็ได้ และอีกไม่นานข้าก็จะส่งคนให้นำมันกลับมาที่ลานล่าสัตว์ ถึงเวลานั้นคุณหนูซูก็สามารถมาด้วยกันได้”
เมื่อได้ฟังที่ซูรุ่ยพูด สีหน้าของซูหว่านเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ราวกับไม่อยากเสียมันไป และในเวลานั้นเฉินอวี้ซูคอยส่งสายตาให้ซูหว่านอยู่ตลอด ให้นางตอบรับวิธีการของท่านอ๋อง
เนื่องด้วยเสือพวกนี้ไม่สามารถนำมาเลี้ยงได้โดยพลการ อ๋องจิ้นชินจะเลี้ยงเสียตัวก็ไม่เป็นอะไร ทว่าหากเป็นจวนจิ้งหนิงโหวเลี้ยงแล้วล่ะก็คงไม่ต้องพูดถึง
เอาเถอะ จริงๆ แล้วซูหว่านก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเลี้ยงเสือตัวใหญ่นี้ให้ได้ และที่ซูรุ่ยเอ่ยขึ้นมาก็เพื่อปูทางให้อีกหน่อยนางสามารถเข้านอกออกในจวนอ๋องจิ้นชินได้อย่างราบรื่น
“ตกลง ก็ได้”
สุดท้ายซูหว่านก็รับคำซูรุ่ยอย่าง “ไม่เต็มใจ” ผู้คนที่อยู่รายล้อมในตอนนี้ไม่มีใครโต้แย้ง การล่าสัตว์ในวันนี้ถึงแม้จะไม่เหมือนปีก่อนๆ ที่มีการแข่งขันแพ้ชนะ แต่ก็ทำให้เกิดเรื่องที่น่าสนุกมากมายเกิดขึ้น
เรื่องที่เฉินชิงจิ่นโป๊เปลือยต่อหน้าธารกำนัล พวกเขาแน่นอนว่าไม่กล้านำไปขยายต่อ แต่คุณชายและคุณหนูทั้งหลายที่อยู่ในตอนนี้ล้วนแต่เป็นพวกหาเรื่อง หลังจากกลับไปเรื่องนี้ก็ยังคงเล็ดลอดออกมาจากวงสังคมชั้นสูงของเมืองหลวง ชื่อเสียงของเฉินชิงจิ่นก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยใม่มากก็น้อย
แต่ในตอนนี้ เรื่องที่ซูหว่านแสดงความ “กล้าหาญ” ที่ลานล่าสัตว์ก็พูดกันปากต่อปากไปทั่วเมืองหลวง เนื่องด้วยประชาชนของเมืองหลวงไม่เคยเห็นเสือตัวเป็นๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงเสือขาวเลย แม้แต่ขุนนางหลายคนในเมืองหลวงก็ยังนึกสงสัยเดินทางมาที่จวนอ๋องจิ้นชินเพื่อมาดูความสง่าของราชาเสือ เพียงแต่ว่าเสือบางตัวไม่ค่อยไว้หน้า ในวันนั้นเองก็ทำให้ข้าราชบริพารที่ขี้ขลาดเป็นลมล้มพับไปถึงสองคน…
จวนจิ้งหนิงโหว
สำหรับซูหว่านที่ไม่ได้อาศัยช่วงที่อยู่ในลานล่าสัตว์สร้างสัมพันธ์อันดีกับเฉินอวี้ซู นั่นทำให้หลิวซื่อหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่ยังดีที่อย่างน้อยลูกสาวตัวเองก็ได้ปรากฏโฉมหน้าที่ลานล่าสัตว์ไปแล้ว ต่อหน้าองค์ชายทั้งสองและอ๋องจิ้นชินก็กู้หน้าให้จวนจิ้งหนิงโหวได้ไม่น้อยทีเดียว นี่เลยทำให้สภาพจิตใจของหลิวซื่อดีขึ้นมาบ้าง
พักนี้ข่าวคราวในเมืองหลวงมีมาไม่ขาดสาย เมื่อการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงจบลง จวนจิ้งหนิงโหวก็ได้รับเทียบเชิญงานแต่งของจวนเจิ้นกั๋วกง
ที่แท้เมื่อเกิดเรื่องเป็นกองพะเนินนั่นแล้ว ผู้เฒ่าเจิ้นกั๋วกงคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ! จึงได้เร่งรัดงานมงคลของบุตรชายทึ่มของตน
ดีที่ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงมีรากฐานที่มั่นคง พลั่งพร้อมทั้งเงินทองและอำนาจ เมื่อเห็นเงินทองก็ส่งตัวบุตรสาวตนไปเล่นกับไฟ
ซูหว่านไม่ได้สนใจเลยว่าชาตินี้เฉินเหมี่ยนจะขอใครเป็นภรรยา แต่ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงกลับทำให้ให้นางรู้สึกสนใจ
คนที่ดึงดูดความสนใจของนางก็คืออวี้หรู
อวี้หรูหลังจากที่ถูกส่งไปยังจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วก็ถูกลั่นแกล้งให้ลำบากอยู่ไม่น้อย แต่ว่านางเดิมทีก็เป็นคนรับใช้มาก่อนอยู่แล้ว ความลำบากนี้ในเวลาไม่นานก็ทนได้อยู่ แต่ว่าซูหว่านประมาณการณ์ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปนางน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เดิมทีเฉินชิงจิ่นก็อยากจะหาคนไปช่วยพูดพาอวี้หรูออกมา แม้กระทั่งนางเองก็ยอมเสียเงินเพื่อซื้อสาวน้อยสโอดสะองส่งไปยังจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อแลกเปลี่ยนให้อวี้หรูออกมา แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนถูกปฏิเสธโดยหวังซื่อ
ปัจจุบันนี้หวังซื่อไม่ชอบหน้าคนจากจวนชิ่งชวนโหวหรือคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเป็นอย่างมาก
ยิ่งในตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ คิดอยากจะพาอวี้หรูออกมาจากหวังซื่อ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ นั่นก็คือมารดาของซูหว่าน หลิวซื่อ!
หลายวันมานี้หลิวซื่อและหวังซื่อมีปฏิสัมพันธ์กันค่อนข้างดี ทั้งสองคนจริงๆ แล้วยังคงสงสัยเรื่องวันนั้นอยู่ไม่หาย คิดวางแผนที่จะหาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนั้น น่าเสียดายที่อวี้หรูปากแข็งมาก แน่นอนว่านางจะไม่ขายเฉินชิงจิ่น และหลิวซื่อกับหวังซื่อเมื่อเห็นอวี้หรูได้รับโทษมากมายขนาดนั้น ต่างก็คิดว่านางถงไม่รู้เห็นด้วยเป็นแน่ สาวใช้นางนี้เป็นแค่เพียงแพะรับบาปเพียงเท่านั้น…
ในตอนนี้อาศัยที่จวนเจิ้นกั๋วกงจะมีงานมงคล ซูหว่านรีบรุดไปของร้องหลิวซื่อให้นางแอบไปพาอวี้หรูมาอยู่ที่จวนจิ้งหนิงโหว สำหรับข้อเรียกร้องของบุตรสาวสุดที่รักของนาง แน่นอนว่าหลิวซื่อย่อมไม่ขัดข้อง
ดังนั้นหลังจากที่จวนเจิ้นกั๋วกงเสร็จเรื่องมงคลไปได้ไม่นาน อวี้หรูก็หายตัวไปจากจวน คนใช้ในจวนเจิ้นกั๋วกงล้วนบอกว่านางหลบหนีไปก็คนอื่น เป็นตายร้ายดีไม่มีใครรู้
เฉินชิงจิ่นกลับคิดว่าอวี้หรูจะต้องถูกเฉินเหมี่ยนฆ่าตายไปแล้ว เป็นเหตุให้นางเสียใจไปอีกหลายวัน…