หลังจากเรื่องวันนั้นที่ผ่านไปแล้ว ภายในใจของซูหว่านโกรธเกลียดซูรุ่ยเข้าอย่างจัง โกรธที่เขาไม่ถามไถ่สักคำ แต่เมื่อวันนี้ได้มาพบกันอีกครั้ง ซูหว่านถึงเพิ่งเข้าใจ เผชิญหน้ากับซูรุ่ย นางโกรธเกลียดไม่ลง อีกทั้งซูหว่านรู้ความจริงใจที่เขามีต่อนางดีกว่าใครทั้งนั้น ใจดวงนั้นจริงใจไร้สิ่งปลอมปน ทั้งใจมีแต่นางคนเดียว
สำหรับกรณีที่หลังเกิดเรื่องไม่กล้ามาพบหน้าอะไรนั่น ซูหว่านรู้สึกว่าอีกหน่อยจะต้องสั่งสอนเขาให้ดิบดี ให้ดูละครน้ำเน่าน้อยๆ หน่อย
ดังนั้นครั้งนี้นางจใจกว้างให้อภัยเขาสักครั้ง ยกโทษให้เขาครั้งหน้า…หากยังกล้ามีครั้งหน้า หึๆๆ!
ซูหว่านดิ้นรนจนหลุดจากอ้อนกอดซูรุ่ยได้ ในเวลานี้นางถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นสัตว์ตัวใหญ่มหึมาที่ถูกลืมอยู่ด้านข้างมาพักใหญ่
“ราชาเสือขาว”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา เสือตัวนี้ตลอดทั้งร่างเป็นสีขาว สายตาแหลมคม ดูไปแล้วดุร้ายน่ากลัว
“เจ้าหมายถึงมันรึ”
ซูรุ่ยพุ่งไปโบกไม้โบกมือที่เสือขาวตัวนั้น เสือขาวตัวนั้นรีบเดินด้วยท่วงท่าสง่างามมายังทั้งสองคน
“ข้าเพิ่งเจอมันเมื่อครึ่งทางที่จะมานี่เอง ยังมีพวกคนทำลับลับล่อล่อแต่ถูกข้าฆ่าไปแล้ว”
ซูรุ่ยเอ่ยถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงไม่แยแสอย่างชัดเจน “เสี่ยวหว่าน ถ้าเจ้าไม่โกรธเกลียดข้าแล้ว ข้าจะอาศัยจังหวะนี้ช่วยเจ้ากำจัดเฉินชิงจิ่นและฉินเย่ว์ออกไปเสียที”
“อ๋อ เจ้าลืมเงื่อนไขของผู้ทำภารกิจแล้วหรือ หากไม่มีข้อกำหนดพิเศษ ผู้ทำภารกิจจะไม่สามรถทำร้ายพระเอกและนางเอกได้”
ซูหว่านมองซูรุ่ยไปคำรบหนึ่ง นางกลัวซูรุ่ยจะฟันฉับฆ่าทั้งสองคนนั้นจริงเขียว ต้องทราบก่อนว่าบทลงโทษสำหรับผู้ทำภารกิจที่ทำผิดกฎนั้นร้ายแรงมากทีเดียว
“ข้าดูโง่ขนาดนั้นเลยหรือ ตอนนี้ข้าทำอะไรก็มักจะใช้ตรงนี้”
ในตอนที่กล่าว ซูรุ่ยภูมิใจเป็นอย่างมากชี้มาที่หัวสมองของตัวเอง คุณลุงอ๋องที่สติปัญญาเลิศล้ำอะไรแบบนั้น ตอนนี้มาคิดดูแล้วก็ไม่เลว
เห็นท่าทางโอ้อวดเกินเยียวยาของเขาแล้ว ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเบะปาก “อย่างไรก็ตามแต่ในโลกนี้เจ้าอย่าบุ่มบ่ามก็แล้วกัน ไม่ เจ้าจะต้องรับปากข้า อีกหน่อยไม่ว่าในโลกไหนพบเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม จะต้องไม่บุ่มบ่าม จำไว้ให้ขึ้นใจว่าห้ามไปแตะต้องเงื่อนไขของผู้ทำภารกิจเด็ดขาด!”
“รู้แล้ว วางใจเถอะ”
เมื่อได้ฟังคำของซูหว่าน ซูรุ่ยก็ไม่ลังเลที่จะเอ่ยปากรับคำอย่างเต็มใจ ในสายตาของเขาขอเพียงแค่เป็นเสี่ยวหว่าน เขาจะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในเวลานี้ซูรุ่ยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะโง่เขลาขนาดที่ไม่คิดหน้าคิดหลังไปแตะต้องกฎเหล็กนั้น
เขาไม่เพียงแต่ลงมือฆ่าตัวละครหลักในโลกนี้ ยังฆ่าล้างล้างโคตรไม่มีเหลือ
แต่ละก็คนก็มีเส้นตายและการเกิดใหม่ของตัวเอง เมื่อการเกิดใหม่ของซูรุ่ยถูกแตะต้อง เขาก็จะกลายเป็นแม่ทัพซูคนเดิมที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า…
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้เห็นเสือขาวที่ยืนต่อหน้า สายตาของเสือร้ายที่มองอย่างหวาดกลัวมายังซูรุ่ย ซูหว่านไม่ต้องคิดก็รู้ได้ ว่าตอนที่ซูรุ่ยพบกับมันจะต้องทำอะไรตามอำเภอใจและมีกลิ่นคาวเลือดอย่างรุนแรงแน่นอน แม้แต่ราชาเสือยังกลัวเขาแม่ทัพซูเจ้านี่มันแน่เสียจริง!
เงยหน้ามองมองไปยังพระอาทิตย์ที่ถูกกิ่งไม้บดบัง ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงต่ำออกมา “เวลาก็สายไปมากแล้ว เจ้าเอาอาวุธลับขององค์ชายห้าของพวกเรามาที่นี่แล้ว เจ้าจะให้เขาแอบเล่นสนุกอย่างไรกันเล่า”
“ก็แค่แอบเล่นสนุกไม่ใช่หรือ”
ซูรุ่ยหรี่ตา “ม้าของเจ้านี่ใช้การไม่ได้แล้ว ข้าพาเจ้าขี่เสือเดินเล่นสักรอบหนึ่ง แล้วพาเจ้าไปชมดูฉากละครน่าสนใจดีหรือไม่”
พูดไปพลางใช้มือหนึ่งโอบซูหว่าน เมื่อพลิกตัวก็อุ้มนางขึ้นมานั่งบนหลังเสือร้าย “เจ้าขาว บินให้นายหญิงของเจ้าชมหน่อยสิ”
ราชาเสือขาว ไหนบอกว่าสัตว์ดุร้ายอันตราย บินคืออะไร เราไม่มีปีกเสียหน่อย แล้วยังเจ้าขาวอะไรนั่นอีก ที่ได้ยินมาล้วนใช้เรียกพวกสัตว์อ่อนแอ ราชาเสือแบบดุร้ายไร้พ่ายอย่างข้า ใช้ชื่อที่น่าเกรงขามหน่อยไม่ได้หรือไร
ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ว่าเสือตัวหนึ่งพอนึกถึงฝีมืออันน่าสยดสยองและสายตาที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าของซูรุ่ยแล้ว สุดท้ายก็เชื่อฟังง่ายๆ พาทั้งสองคนไปกินลมชมวิวในป่า…
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม สถานที่แห่งหนึ่งในลานล่าสัตว์
เฉินชิงจิ่นเมื่อไม่เกินสิบห้านาทีที่ผ่านมาพลัดหลงกับพี่ชายเฉินอวี้ซู ในเวลานี้บนหลังม้าของนางยังถือสัตว์ที่ล่ามาได้อย่หลายตัว เข้าร่วมการล่าในครั้งนี้ เดิมวัตถุประสงค์ของเฉินชิงจิ่นคืออยากจะพบเจอเหล่าราชนิกูลที่มีอำนาจของเมืองหลวง ให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของทุกคน
นางไม่อยากเป็นเหมือนชาติที่แล้วที่ถูกเลี้ยงดูเป็นไข่ในหินทะนุถนอมเป็นคุณหนูขุนนาง ชาตินี้นางอยากจะแก้แค้นฉินถิง จึงต้องสร้างสายสัมพันธ์และอำนาจของตัวเองก่อน
“โฮก!”
เสียงเสือคำรามสั่นสะเทือนโสตประสาทขัดจังหวะความคิดของเฉินชิงจิ่น สายตาของเฉินชิงจิ่นปรากฏแววหวาดกลัว ในเวลานี้ม้าที่นางขี่มาก็ตกใจ พลันกระทืบเท้าอยู่กับที่ด้วยความหวาดกลัว
เฉินชิงจิ่นพลันได้สติรีบดึงบังเ**ยนม้าแน่น ในเวลาต่อมา ม้าตัวงามของนางก็งอขาลงอยู่กับพื้น และตัวเฉินชิงจิ่นเองก็ถูกสะบัดตกลงกับพื้น!
“โฮก!”
ตามมาด้วยเสียงคำรามอีกครั้ง เสือขาวปลอดทั้งตัวปรากฏกายหน้าพุ่มไม้
“อ๊ะ!”
ตอบรับสายตาดุร้ายคู่หนึ่งของเสือ เฉินชิงจิ่นก็ตกใจตนร้องออกมา จากนั้นได้สติก็หยิบคันธนูออกมา ในตอนนั้นเอง เสือร้ายก็กระโจนอย่างมาดร้ายไปทางร่างของเฉินชิงจิ่น
ถึงแม้จะเกิดใหม่ครั้งหนึ่งแล้ว สองโลกรวมกันก็อายุเพียงแค่สี่สิบปีเฉินชิงจิ่นเคยเจอเหตุการ์ที่อกสั่นขวัญหายแบบนี้ที่ไหนกัน เมื่อเห็นเสือขาวดุร้ายอ้าปากแดงฉานกว้างกระโจนมายังตน ตาของเฉินชิงจิ่นก็ดับวูบลงไป
ในตอนนั้นเอง ซูรุ่ยที่แอบดูเรื่องน่าสนุกบนต้นไม้อยางเงียบเชียบก็วางซูหว่านลงบนกิ่งไม้หนึ่งด้านข้างเรียบร้อย
“เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจะไปจัดท่าให้นางเสียหน่อย!”
เอ่อ
ซูหว่านกระพริบตา นางนั่งอยู่บนกิ่งไม้ที่สูงที่สุดของต้นไม้เห็นกับตาว่าซูรุ่ยจับกรงเล็บของเสือขาวไว้ที่หน้าอกของเฉินชิงจิ่น บนขาและท้องล้วนแล้วแต่ทิ้งรอยกรงเล็บไว้
หลังจากหนึ่งนาทีผ่านไป เสื้อผ้าของเฉินชิงจิ่นก็ไม่อยู่กับตัว ร่างเปลือยปรากฏต่อสายตา
“เป็นอย่างไร”
เมื่อกลับมาบนต้นไม้ สีหน้าของซูรุ่ยอ้อนรอการชมเชยจากซูหว่าน
“เอ่อ…” ซูหว่านเปล่งออกมาหนึ่งคำ พลันก็เงยหน้ามองซูรุ่ย สีหน้าไร้ความรู้สึกกล่าวถามว่า “น่าดูไหม”
“อ่า”
ซูรุ่ยตะลึงไป มองซูหว่านอย่างแปลกไปบ้าง
ซูหว่านเบะปาก ใช้หางตาตวัดมองร่างขาวเนียนของเฉินชิงจิ่นบนพื้นหญ้าแวบหนึ่ง “ข้าถามเจ้าว่า นง น่า ดู ไหม”
ซูรุ่ย …
“ข้าไม่ได้แตะตัวนางนะ”
ซูรุ่ยรีบยกมือขึ้นอย่างร้อนตัว พลางทำสีหน้าน่าสงสารมองไปทางซูหว่าน “เจ้าขาวเป็นคนแตะทั้งนั้น ข้าไม่ได้แตะแม้แต่ปลายเสื้อ”
และเรื่องน่าไม่น่าดูทำนองนั้น ใครจะไปรู้เล่า
ไม่ใช่เสี่ยวหว่านของเขาเสียหน่อย เขาไม่อยากมองแม้แต่น้อย
จะว่าไป ซูรุ่ยได้สติก็แอบมองไปยังหน้าอกของซูหว่าน
อย่างไรเสีย รูปร่างของซูหว่านในโลกนี้ดีกว่าเฉินชิงจิ่นไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ลานบินอะไรแบบนั้น มิน่าล่ะฉินถิงถึงไม่ชอบ
“ซูรุ่ย ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”
ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างพลันกล่าวเสียงต่ำอย่างเยือกเย็นออกมาประโยคหนึ่ง ซูรุ่ยรีบเก็บสายตาของตัวเอง ทำหน้าเข้มกล่าว “เสี่ยวหว่าน พวกเขามากันแล้ว”
ก่อนที่จะพบเฉินชิงจิ่น ซูรุ่ยปล่อยเจ้าขาวเดินวนรอบลานล่าสัตว์แล้วรอบหนึ่ง ให้ดึงดูที่ควรจะดึงและไม่ควรจะดึงดูดมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่อยู่ในลานล่าสัตว์คนไหนก็ถูกเขาดึงดูดออกมา
เห็นเสียงฝีเท้าม้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซูรุ่ยยิ้มน้อยๆ พลางยกมือ พลังภายในขับไปยังปลายนิ้วหนึ่ง ปล่อยไปทางเฉินชิงจิ่นที่นอนอยู่บนพื้นอย่างแรง
สกัดจุดผ่านอากาศ!
“อื้มม”
เดิมทีที่ถูกทำให้ตกใจจนสลบไปเฉินชิงจิ่นค่อยๆ เปล่งเสียงเบาออกมา หัวคิ้วที่ตึงค่อยๆ คลายออกเปิดเปลือกตาขึ้น
ในเวลานั้น สติของเฉินชิงจิ่นเลือนราง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เสียงฝีเท้าดังมาจากรอบด้าน เฉินชิงจิ่นดันตัวเองขึ้นเพื่อจะลุกนั่ง แต่ก็ชั่วพริบตาที่เห็นเสื้อผ้าของตัวเองที่ขาดวิ่น นางก็ร้องออกมา
“อ๊าย!”
เสียงร้องแหลมที่ดังออกมาพลันทำให้คนจากรอบทิศทางที่ตามหาตัวเสือขาวพลันมุ่งหน้ามาที่นี่ ดังนั้นในตอนที่ม้าทั่วสารทิศมาถึง พลันเห็น “ร่างกาย” ของคุณหนูเฉินกันถ้วนหน้า…