“คุณรู้ว่าเขาทำหรอครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ยเช่นนั้น เหวินซูจึงก้มหน้าหลุบตาลง สีหน้าของเธอดูสับสน “ซูอวี้เด็กคนนั้น เป็นเด็กที่น่าสงสารเหลือเกิน ฉันรู้มาโดยตลอดว่าเขา….เฮ้อ”
เหวินซูถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ อาจจะเป็นเพราะหล่อนคิดว่าการพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้า “ว่าที่ลูกเขย” ในเวลานี้ดูจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย เรื่องที่ว่านี้ก็คือการที่หลานชายแท้ๆ ของสามีตัวเองมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลต่อตัวหล่อน สำหรับกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่ และร่ำรวยอย่างเหวินซูแล้ว ต่อให้ภายในใจจะรู้ดีเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะพูดออกมาได้อย่างแน่นอน
ที่วันนี้เธอได้บอกเรื่องนี้ให้กับซูรุ่ยเป็นเพราะเหวินซูสัมผัสได้ว่าซูรุ่ยดูเหมือนจะมองออก
ใช่สิ สายตาของเด็กหนุ่มคนนี้ดูคนออกได้พอสมควร
เมื่อรู้สึกได้เช่นนั้น เหวินซูจึงไม่อยากพูดกับซูรุ่ยอีก ซูรุ่ยเองก็ไม่อยากถามต่อเช่นกัน เขาวางหลอดเก็บเลือดที่มีเลือดอยู่เต็มหลอดไว้บนตู้ข้างหัวเตียง สองฝ่ามือจึงค่อยๆ กดลงไป จากนั้นจึงรวบรวมพลังไว้บริเวณช่องท้อง พลังภายในถูกส่งออกมาจากฝ่ามือทำให้เลือดที่บรรจุเต็มอยู่ในหลอดแก้วนั้น ระเหยออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนเท่าที่ๆที่ตามนุษย์จับจ้องได้
เหวินซูได้เห็นเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ปรากฏตรงหน้า แรกเริ่มก็สับสนเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของซูรุ่ยขาวซีดอย่างต่อเนื่อง จึงแสดงความชื่นชมอย่างอ่อนโยนฉายออกมาฉับพลันภายในดวงตาคู่นั้น
เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ถือสาที่จะแสดงออก “ความพิเศษ” ของตนอยู่เบื้องหน้าของเหวินซู ในที่สุดหล่อนก็ตั้งใจให้ซูรุ่ยโอนถ่ายพลังทำลายสารพิษภายในร่างของตนให้หายไป สำหรับเหวินซูแล้วนั้น เรียกได้ว่าเป็นการปกป้องสิ่งปลอมแปลงชนิดหนึ่ง
แน่นอน ทั้งหมดที่เขาทำ ไม่ใช่เพราะเพื่อตัวเองทั้งสิ้น
แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเสี่ยวหว่าน
เขารักเสี่ยวหว่านจึงรักคนรอบตัวของเสี่ยวหว่านด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ
เมื่อคิดว่าลูกสาวที่ตนเป็นห่วงมาตลอด ในที่สุดก็สามารถหาคู่ครองที่ดีได้ ยิ่งทำให้บนใบหน้าของเหวินซูปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา
เมื่อซูรุ่ยได้ทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อลืมตาก็พบว่าเหวินซูยังคงนอนอยู่บนเตียง มองดูตัวเขาด้วยสายตาอันอบอุ่น รอยยิ้มขีดบางบนริมฝีปากของหล่อน ภายในห้องที่ปิดอับ แต่ทว่าในเวลานี้ร่างของเหวินซูดูราวกับว่านำแสงอันรุ่งโรจน์จากดวงอาทิตย์มาประดับไว้
ซูรุ่ยเริ่มเข้าใจมากขึ้น เป็นเพราะพ่อแม่ของเขาหายไปตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงมีอคติต่อเหวินซูและรูปลักษณ์เจี่ยงโยวของเหวินซูได้รับตกทอดมา จึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมผู้ชายเหล่านั้นต่างพากันชื่นชอบ
เดิมทีรัศมีของนางเอกที่แม่ของหล่อนส่งต่อให้ เพียงแค่เหวินซูเป็นลูกของครอบครัวที่มีการศึกษา เนื้อแท้ภายในที่เป็นกุลสตรีของเหวินซูซึ่งเจี่ยงโยวได้พยายามช่วยทำอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายผลกลับทำให้แย่กว่าเดิม นางเอกที่ทำการสิ่งใดโดยไม่ค่อยคิด แต่ไม่ว่าทำผิดเช่นไรก็ไม่สามารถหักล้างความสวยของตัวหล่อนได้
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อสติกลับมา ซูรุ่ยยิ้มให้กับเหวินซู “คุณแม่ ผมจะเรียกให้พวกเขาเข้ามานะครับ คุณพ่อซูยืนรออย่างร้อนใจอยู่ด้านนอกนานแล้วครับ”
ระหว่างที่ซูรุ่ยกำลังพูด เขาก็ได้หันไปทางประตูหน้าห้องแล้วเดินออกไป ค่อยๆ เลื่อนเปิดประตูออก
เป็นครั้งแรกที่สายตาของทุกคนที่อยู่นอกประตูจับจ้องมายังซูรุ่ย
เมื่อได้เห็นใบหน้าซีดเผือดของซูรุ่ย ซูหว่านก็เดินก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว กุมมือของเขาอย่างกังวลใจ “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ซูรุ่ยยิ้มให้แก่ซูหว่าน เงยหน้ามองดูซูไห่เฉิงที่อยู่ข้างกันอีกครั้ง “คุณพ่อครับ คุณแม่ตื่นแล้วครับ คุณพ่อไปดูท่านสักหน่อยไหมครับ”
อะไรนะ!
ซูไห่เฉิงมองดูซูรุ่ยอย่างไม่น่าเชื่อ รีบก้าวเดินเข้าไปข้างใน เมื่อพบปะและพูดคุยกับซูไห่เฉิงเสร็จ ซูรุ่ยจึงยกมือปิดประตูให้สนิท
“ในเวลานี้พวกเราอย่าเพิ่งไปรบกวนพวกท่านดีกว่า”
เมื่อพูดจบ ซู่รุ่ยซึ่งก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็ล้มลงไป ร่างของซูรุ่ยทั้งร่างนั้นล้มไปยังอ้อมแขนของซูหว่านโดยตรง
“ซู…เซียวฉี่! ”
ซูหว่านร้องตกใจทันใดก็รีบประคองซูรุ่ยอย่างแน่น “คุณ…คุณอย่าทำฉันตกใจสิ”
“ผมแค่เหนื่อยมากเท่านั้นเอง”
หัวของซูรุ่ยอิงบนไหล่ที่ผอมแห้งของซูหว่าน น้ำเสียงก็ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง “ที่รัก…คุณประคองผมกลับไปห้องของคุณเพื่อพักผ่อนสักครู่ได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ”
ซูหว่านรีบหันหลังมาประคองร่างของซูรุ่ยเดินกลับเข้าห้องของตนเองทันที สุดท้ายก็ปล่อยให้คนที่รออยู่ด้านนอกประตูอย่างเจี่ยงโยวและหลัวอวี่รออย่างเงียบๆ ต่อไป
ห้องของซูหว่านอยู่ห่างจากห้องของเหวินซูไม่ไกลนัก ซูหว่านใช้กำลังของตนประคองซูรุ่ยเข้าไปในห้องนอนแล้วหันตัวไปปิดประตู ทันใดร่างของซูรุ่ยซึ่งไร้เรี่ยวแรงก็ทิ้งตัวให้ล้มลงไป ผลลัพธ์คือทั้งสองต่างล้มลงไปยังบนพรมขนฟูพร้อมกัน
ร่างกายกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแต่ว่าจมูกของทั้งสองนั้นชนกันไปเต็มๆ พร้อมกัน นี่ทำให้ซูหว่านขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ทว่าในตอนนี้คนที่หล่อนเป็นห่วงยิ่งกว่าใครก็คือซูรุ่ย “คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
เธอเปิดเปลือกตา มองดูชายที่ทับร่างของตนเองอยู่อย่างรีบร้อนใจด้วยความเป็นห่วง ผลลัพธ์คือ….
“ติ๋ง!”
เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมา ติ๋งๆ บนใบหน้าของซูหว่าน
“คุณเลือดกำเดาไหลแล้ว”
ซูหว่านดิ้นอยู่สักครู่ เพื่อให้พ้นร่างของซูรุ่ย ผลลัพธ์คือร่างซูรุ่ยกลับพลิกอยู่ด้านล่างแล้วโอบกอดซูหว่านแน่นๆทันที “ที่รัก…อย่าเพิ่งขยับได้ไหม ผมขอกอดคุณเพียงสักครู่ก็โอเคแล้วละ”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายทุกส่วนของซูรุ่ย หน้าของซูหว่านก็เริ่มแดงทันที…..
ที่ใดและเวลาใดก็สามารถส่ง…ความรักออกมาได้ ทักษะเช่นนี้ท่านแม่ทัพซู ท่านไปเอามาจากไหนกันนะ