ตอนเย็นเวลา 19:30 นาฬิกา เป็นเวลาที่ครอบครัวส่วนใหญ่จะนั่งดูโทรทัศน์ช่องรายการที่มาช่วงเวลาทองของรายการทีวี
ซูอวี้เปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองสบายๆ ก็เปิดทีวีด้วยความเบื่อหน่าย แต่สายตาของเขาไม่ได้มองไปที่โทรทัศน์จอห้าสิบนิ้ว สายตาของซูอวี้มองไปรอบๆ ห้องอย่างสบายๆ ดูออกเลยว่าเขามีเรื่องอยู่ในใจ
ในห้องเปิดแอร์ไว้ตลอดเวลา อุณหภูมิยี่สิบแปดองศาเป็นอุณหภูมิที่กำลังสบายๆ
ทันใดนั้นซูอวี้ก็ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาอย่างกะทันหัน สายตาของเขามองไปที่เครื่องปรับอากาศแบบตั้งที่อยู่ตรงมุมกำแพง เลขที่แสดงตรงจอของเครื่องปรับอากาศยังคงเป็นยี่สิบแปดองศา แต่เมื่อสักครู่นั้นเขาสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น ที่มาจากนอกห้อง ความเยือกเย็นที่มาพร้อมลมยามราตรี
สัญชาตญาณของซูอวี้ทำให้เขาเอามือจับไปที่ชายแขนเสื้อ มีดผ่าตัดที่แผ่ราศีแห่งความเยือกเย็นนั้นวาดแนวโค้งที่น่าเกรงขามออกมาตรงฝ่ามือของเขา
นี่เป็นอาวุธที่เขาไม่เคยทิ้งไว้ให้ห่างจากมือเลย บางครั้งมันทำให้เขาสบายใจมากกว่าปืนเสียอีก
ขณะนี้ ในห้องรับแขกมีเพียงแต่เสียงของละครครอบครัวที่รายการทีวีเปิดฉาย แม่ยายและสะใภ้ในละครกำลังทะเลาะกันอย่างแรง ซูอวี้ออกจากห้องรับแขกไปเงียบๆ ไม่มีแม้แต่เสียงเดิน
เขามาถึงหน้าห้องนอนของตัวเอง แม้มีประตูกั้นไว้ แต่ซูอวี้สามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความอาฆาตที่แผ่ออกมาจากห้อง
ดูออกชัดเลยว่าคนในนั้นตั้งใจที่จะไม่ซ่อนพลังนี้ไว้ จนถึงขั้นที่ซูอวี้เองก็เริ่มสงสัย ว่าความเยือกเย็นที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อสักครู่นั้น ก็อาจจะเป็นสัญญาณที่อีกคนส่งมาให้กับเขา
คนที่มาไม่ได้มาดี และเขาแข็งแกร่งมาก
สายตาของซูอวี้โฟกัสไปที่จุดเดียว เขาผลักประตูห้องนอนตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมีดผ่าตัดที่อยู่ในมือเขาก็บินไปที่หน้าต่างด้วยแนวโค้งอย่างแปลกประหลาด
ในห้องที่มืดมิดนั้น ความเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
ขณะนี้ หน้าต่างของห้องเปิดไว้อย่างที่คิดไม่มีผิด มีไอเย็นๆ พัดเข้ามาในห้อง ลมพัดจนผ้าม่านเคลื่อนที่ไปมามีเสียงดังๆ
ตรงกลางของหน้าต่างที่เปิดอยู่นั้นมีเงาที่สง่านั่งอยู่ เขาใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คอย่างสบายๆ ขณะนี้ชายเสื้อของเขาสะบัดไปมาเพราะลมพัด และลมก็ทำให้ผมสีน้ำตาลลึกของเขายุ่งเหยิงเล็กน้อย
ซูอวี้ลงมือไวมาก เขาจับทางอีกฝ่ายได้ตั้งแต่อยู่นอกห้อง ทันทีที่เปิดประตูมา มีดผ่าตัดก็โยนออกไปในองศาที่แม่นยำมาก
และเวลานี้เองเขาถึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของชายคนนี้
เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาดูสง่า ในห้องที่มืดๆ นั้นแววตาของเขาเผยแสงออกมารางๆ
เขายืนรับมีดผ่าตัดที่เผยพลังอาฆาต ส่วนซูอวี้ก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างไม่ตั้งตัว แต่หลังจากนั้นเงาร่างของเขาก็หายไปจากริมหน้าต่าง
ในโลกนี้ไม่มีใครเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าซูรุ่ย แม้แต่มีดผ่าตัดของซูอวี้ก็ตาม
ดวงตาของซูอวี้ขยายขึ้นทันทีที่ซูรุ่ยหายตัวไป
ฝีมือนี้เขาเคยเห็นบนตัวคนคน หนึ่ง และคนคนนั้นก็คือยอดนักฆ่าในโลกแห่งความมืดมิด
การปะทะกันระหว่างนักฆ่านั้น ย่อมรวดเร็วและโหดเ**้ยม ซูอวี้ไม่สามารถแยกสมาธิออกมาได้ ทันทีที่ซูรุ่ยหายตัวไป ซูอวี้ก็รีบไปยืนที่มุมกำลังแพงฝั่งตะวันออกของห้องอย่างรวดเร็ว มือของเขากดไปบนผนังอย่างแรง แล้วก็มีกล่องโผล่ออกมาจากตัวกำแพง
ของที่อยู่นั้นคือเหยี่ยวแห่งทะเลสาบ ที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว
เขากำปืนในมือไว้แน่น มุมปากของซูอวี้โค้งขึ้น เขาพูดไปที่มุมหนึ่งของห้องด้วยเสียงทุ้ม “ออกมาเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงแล้วนะ”
เสียงเท้าในความเงียบนั้นเสียงชัดมาก เงาร่างของคนคนหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นในความมืด ราวกับมัจจุราชที่มาจากนรก และขณะนั้นบนใบหน้าของคนคนนี้ดันมีรอยยิ้มแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกตกใจหวาดกลัวปรากฏขึ้น
“นายชอบใช้ปืนด้วยเหรอ? ”
ซูรุ่ยเดินไปตรงหน้าซูอวี้ด้วยความมั่นใจและใจเย็น ราวกับว่าเขาไม่ถือสาที่ตอนนี้มีปืนจ่อหน้าเขาไว้
“องค์กรส่งคุณมาเหรอ? ”
ซูอวี้มองไปที่ซูรุ่ย แววตาของเขาก็ยิ่งเยือกเย็นและโหดเ**้ยมขึ้น “คุณคิดว่าฉันไม่กล้ายิงใช่ไหม? ”
“คุณลองยิงดูได้นะ”
ซูอวี้เลิกคิ้ว แล้วยกมือขึ้นเบาๆ ลูกกระสุนร่วงจากมือเขาลงพื้นอย่างช้าๆ แล้วส่งเสียงที่ดังก้องออกมา
“หึ”
ซูอวี้เห็นภาพที่ซูรุ่ยไม่รู้สึกเกรงกลัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา “คุณเก่งมากก็จริง แต่น่าเสียดาย……ที่นี่เป็นบ้านผม! ”
ขณะที่พูด ซูอวี้ก็ทิ้งปืนในมือลงอย่างกะทันหัน แล้วเผยรีโมทอันจิ๋วที่อยู่ในฝ่ามือออกมา แสงสีแดงบนรีโมทกำลังกะพริบ มันแสบตามากเมื่ออยู่ในที่มืด
“ผมวางระเบิดไว้ทั่วห้องแล้ว ถ้าอยากตายไปพร้อมกัน ผมยินดี”
ซูอวี้เลิกคิ้วใส่ซูรุ่ย แล้วทำหน้ามั่นใจในตัวเอง
“หืม มีระเบิดด้วยเหรอ? ”
ซูรุ่ยทำตาโต จากนั้นก็มองไปที่ซูอวี้ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้ม “ผมสามารถหาปืนของคุณเจอ แล้วคุณมั่นใจแค่ไหนว่ารีโมทในมือคุณมันจะทำงานได้ปกติ? ”
นี่มัน…….
สีหน้าของซูอวี้แย่ลง เขาลังเลเล็กน้อย เหมือนว่าเขาอยากจะกดรีโมท แต่ก็กลัวว่าระเบิดพวกนั้นจะระเบิดขึ้นมาจริงๆ
เพราะฉะนั้นคนทุกคนบนโลกนี้ต่างก็รักชีวิตตัวเอง แม้ว่านักฆ่าก็ไม่ต่างกัน
พวกเขาสามารถพรากชีวิตคนอื่นมาอย่างเย็นชาได้ สามารถมองคนอ่อนแอทุกคนเป็นแค่ไอพวกกระจอก แต่พวกเขาดันรักชีวิตตัวเองมากๆ….
“ไม่กล้ากดเหรอ? ผมช่วยคุณเอง! ”
แววตาของซูรุ่ยเยือกเย็น จากนั้นเขาก็ไปอยู่ตรงหน้าซูอวี้ราวกับวิญญาณ แล้วจับมือของเขาไว้และกดปุ่มสีแดงลงไป
“ตู้ม! ”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดที่รุนแรงดังขึ้นพร้อมแสงไฟที่พุ่งขึ้นบนฟ้ากลืนกินห้องนี้ไปจนหมด…..
เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของซูอวี้ปรากฏความรู้สึกตกตะลึงออกมา เขามองดูซูรุ่ยดึงตัวเองโดดลงไปจากชั้นแปดก่อนที่ไฟจะลามมาถึงตรงหน้าต่าง ทิศทางที่โดดลงนั้นไม่ได้ดิ่งลง เป้าหมายของเขาคือ ดาดฟ้าชั้นบนสุด!
แสงไฟที่ส่องไปทั่วท้องฟ้า และเสียงระเบิดที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนทั้งตึกและคนที่ไปมาบนถนนตกใจมาก ไม่นานเสียงรถตำรวจก็ดังไปทั่วเมือง
“ทำไมถึงช่วยผมไว้? ”
ขณะนี้ซูอวี้ยืนอยู่ตรงกลางของดาดฟ้าแล้วมองไปที่ชายหนุ่มที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ สีหน้าของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย
ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่คนระดับเดียวกับตน แม้แต่ยอดนักฆ่าที่ตนรู้จักก็อาจจะไม่ใช่คู่แข่งของเขาด้วยซ้ำ
“ใครบอกว่าผมจะช่วยคุณ? ”
ซูรุ่ยเห็นซูอวี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง ที่เขาระเบิดบ้านของซูอวี้ไปก็เพื่อจัดการเรื่องภายหลังได้ง่าย
ตอนนี้ซูอวี้เป็น “คนตาย” ไปแล้ว แถมยังเป็นคนตายที่โดนเผาตาย
“คุณ? ”
เมื่อเห็นว่าซูรุ่ยเดินเข้ามาหาตนพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม พลังการสังหารที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ นั้นทำให้ซูอวี้ที่ฆ่าคนมามากมายก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาฆ่าคนมาเท่าไหร่แล้วกันแน่? ทำไมถึงมีพลังสังหารที่มันแข็งแกร่งขนาดนี้
แน่นอนว่าซูอวี้ไม่รู้ว่าซูรุ่ยมาจากกองภูเขาศพและแม่น้ำนองเลือดแบบไหนกัน แต่ในตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่มีแรง
ความท้ออย่างหนักที่เกิดขึ้นเมื่อเราเจอกับคนที่เราไม่สามารถสู้ได้
“ตอนนี้ พวกเรามาจัดการมันให้จบสิ้นเถอะ”
ซูรุ่ยยืนอยู่ตรงหน้าซูอวี้ เขายิ้มออกมาแปลกๆ “ภรรยาของผมยังรอผมอาบน้ำอยู่ที่บ้านอยู่เลย”
ซูอวี้ “……….”
ขณะที่ซูรุ่ยยังพูดไม่ทันจบ ซูอวี้ก็ลงมือแล้ว หมัดนี้เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีเหวี่ยงมันออกไป ตรงไปที่จุดเส้นตายตรงหน้าอกของซูรุ่ย
ระยะที่ใกล้ขนาดนี้คนปกติไม่สามารถหลบหนีได้ และซูรุ่ยก็ไม่ได้หลบหนีไป แต่……
“กร๊อบ!”
ขณะที่ซูอวี้กำลังจะโดนตัวเขา แขนของเขาก็ถูกซูรุ่ยจับไว้อย่างแน่น จากนั้นซูอวี้รู้สึกถึงความเจ็บปวดชนิดที่บิดหัวใจที่แขนของเขา ไม่คาดคิดว่าแขนของเขาถูกซูรุ่ยหักทิ้งไปซื่อๆ!
สีหน้าของซูอวี้ค่อยๆ มืดมนลง ดวงตาที่ยังมั่นใจมากในเมื่อสักครู่นั้นก็มองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่ตกตะลึง
“คุณใช้มือข้างนี้ทำร้ายภรรยาของผมใช่ไหม? ไม่สิ หรืออาจจะเป็นข้างนั้น”
ขณะที่ซูรุ่ยพูดเขาก็พลิกแขนแล้วใช้วิธีเดียวกันหักแขนอีกข้างของซูอวี้ไป ขณะนี้ไหล่ทั้งสองข้างของซูอวี้อยู่ติดกัน ดูออกได้ชัดว่าเขาเสียพลังการต่อสู้ไปเยอะแล้ว
แต่ว่าซูรุ่ยจะปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง?
“ปัง! ”
เขาเตะซูอวี้ล้มลง แล้วซูรุ่ยก็ยืนมองเขาดั่งผู้สูงส่งมองดูคนที่ต่ำต้อยกว่า รองเท้าหนังที่เงาสว่างเหยียบไปที่ทุกนิ้วของซูอวี้ “คุณว่าผมสับมือคุณจนเละแล้วเอาไปให้สุนัขกิน หรือว่าต้มทั้งแขนแล้วค่อยให้สุนัขกินดีกว่า?”
ซูอวี้ “…………”
อย่าโหดเ**้ยมขนาดนี้โอเคไหม?
“โอ๊ย”
เมื่อได้ยินเสียงรถดับเพลิงที่แล่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ ซูรุ่ยก็ร้องขึ้นมาด้วยความรำคาญ “เหมือนว่าผมเสียเวลาไปมากแล้ว ถ้าผมกลับดึกภรรยาของผมจะโกรธเอานะ คุณรู้ไหมว่าเวลาเธอโกรธ ผมจะต้องง้อเธอยังไง?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูรุ่ยก็ก้มลงอย่างกะทันหัน มองดูซูอวี้ที่ล้มลงกับพื้นและอาเจียนเป็นเลือดไม่หยุดด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
“ผมอยากจะเขียนจดหมายรักให้เธอ จดหมายที่เขียนด้วยเลือด”
พูดจบ ฝ่ามือของซูรุ่ยพลิกกลับมา มีดผ่าตัดที่กะพริบแพรวพราวปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา
นี่คืออาวุธที่ซูอวี้พกติดตัวมาหลายปี
“ผมจะปล่อยเลือดของคุณไหลออกมาให้หมด แล้วเขียนจดหมายรักหนึ่งพันตัวอักษร จากนั้นก็ใช้มีดนี้แล่เนื้อคุณออกมาทีละชิ้น ตัดเอ็นคุณให้ขาด เอากระดูกของคุณออกมา แล้วใส่พวกมันลงในกล่องแล้วเอาไปให้หมาในซอยกิน”
ซูอวี้ “…”
มีใครสามารถบอกเขาได้ไหมว่าไอ้คนบ้านี้มาจากไหน?
“คุณ…..คุณเป็นใครกันแน่? ”
ขณะนี้ซูรุ่ยกำลังกรีดเอาเลือดซูอวี้ด้วยมีดผ่าตัด เขาทำการผ่าตัดมาทั้งชีวิต ฆ่าคนมาทั้งชีวิต เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ถึงความเสียใจหมดหวังที่เหล่าคนอ่อนแอที่กำลังเจอกับความตายเขารู้สึกกัน
คุณเป็นใคร?
นี่คงจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาอยากรู้ในตอนนี้แล้วมั้ง
“หึ หึ หึ”
ซูรุ่ยแค่หัวเราะเบาๆ เขามองไปที่เลือดที่อยู่ปลายมีด ดวงตาของเขาแดงจนน่าตกใจ
ผมเป็นใครมันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณ คุณทำร้ายคนรักที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด
ถึงแม้จะแตะต้องเธอเพียงปลายนิ้วมือ ซูรุ่ยก็จะทำให้อีกฝ่ายตายภายใต้ความเจ็บปวดอันไม่มีที่สิ้นสุด