ในคืนสุดท้ายของวันหยุดเจี่ยงโยวถึงได้กลับไปที่บ้านตระกูลซู
กลับมาบ้าน เจี่ยงโยวยังคงเหมือนเดิมกับเมื่อก่อน เมื่อเจอซูหว่านก็ยังคงยิ้มให้ และทักทายเธอก่อน แต่ซูหว่านเมินเฉยไม่สนใจเธอและไม่สนใจจนชินแล้ว
บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น สีหน้าของเหวินซูไม่ค่อยดีเลย ซูไห่เฉิงวุ่นอยู่แต่กับการคีบอาหารให้เธอ แต่แววตาของเหวินซู กลับจับจ้องไปที่ตัวของเจี่ยงโยวอยู่ตลอดเวลา
หลังมื้ออาหาร เหวินซูจึงเรียกเจี่ยงโยวมาที่ห้องของตัวเองเป็นการส่วนตัว จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างแม่ลูก
ซูไห่เฉิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างล่าง ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากชั้นบนอาคาร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นวางหนังสือพิมพ์แล้วรีบขึ้นอาคารไป
เวลานี้ซูหว่านกับซูรุ่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความขี้เกียจ วันนี้มีรายการเรียลลิตี้สุดโปรดที่ซูหว่านชอบดู ทั้งสองคนกำลังนั่งรอดูอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนเรื่องระหว่างสองแม่ลูกเจี่ยงโยวกับเหวินซู ซูหว่านคิดว่าตัวเองไม่ควรจะเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ส่วนซูรุ่ยที่นั่งพิงซูหว่านอยู่ยิ่งไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้เลย…
เมื่อซูไห่เฉิงขึ้นมาถึงชั้นสอง ยังไม่ทันจะเปิดประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงเจี่ยงโยวโมโหดังมาจากในห้อง
“ทำไมแม่ถึงลำเอียงกับหนูนัก? หนูเป็นลูกแท้สาวแท้ๆ ของแม่นะ! ”
“แม่มีอะไรก็สนใจแต่ซูหว่าน แม่ไม่เคยเห็นหนูเป็นลูกของแม่เลย! ”
“ไหนๆ พวกคุณก็ไม่ต้องการหนูแล้ว หนูก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป”
ดูเหมือนเจี่ยงโยวที่อยู่ในห้องจะโมโหมาก ซูไห่เฉิงได้ยินเพียงเสียงของเธอ ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูห้อง ประตูห้องกลับถูกดึงให้เปิดอย่างแรงจากด้านในห้อง
เจี่ยงโยวตาแดงก่ำ พอเห็นซูไห่เฉิงตรงหน้าก็ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ต่อมาเธอก็กัดฟันแล้ววิ่งผ่านซูไห่เฉิงไป
“เหวินซู เสี่ยวโยวเขา…”
ซูไห่เฉิงพูดได้ครึ่งเดียว ขณะที่เขากำลังมองไปที่เหวินซู ก็เห็นใบหน้าของเธอซีดขาวและตัวสั่นไม่หยุด ซูไห่เฉิงจึงร้อนรนรีบเดินเข้าไปที่ข้างเตียง และใช้สองมือประคองร่างกายของเหวินซูที่สั่นสะท้านไว้ “เหวินซู คุณอย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่เฉิง ฉันขอโทษพี่ ฉันขอโทษเสี่ยวโยว ฉัน…”
ดวงตาของเหวินซูมองใบหน้าของซูไห่เฉิงด้วยความกังวล ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองร่างกายอ่อนแอ ในตอนนั้นลูกของเธอกับพี่เฉิงคงไม่ถูกคนอื่นสลับไป และเจี่ยงโยวก็คงไม่โตมาเป็นแบบนี้
เหวินซูที่เติบโตมาในครอบครัวนักวิชาการ แท้จริงแล้วเป็นเพียงหญิงชราหัวโบราณเท่านั้น ตระกูลนักเขียนที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี และมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก ถึงแม้ว่าตระกูลนักเขียนจะไม่ได้ให้ลูกสาวเข้าวัง แต่พวกเขามีวิธีที่สืบทอดกันมาหลายปีเพื่อพิสูจน์ว่าหญิงสาวคนนั้นยังบรสุทธิ์อยู่หรือไม่
เมื่อซูรุ่ยต้องการเข้ามาพักอยู่ที่บ้านตระกูลซูกับซูหว่าน ซึ่งตอนแรกซูไห่เฉิงก็ไม่เห็นด้วย แต่เหวินซูกลับตกลงคำขอร้องของซูรุ่ยอย่างอ่อนโยน นี่ไม่ใช่เพราะซูรุ่ยช่วยเธอ ทำให้เธอสำนึกบุญคุณจนต้องทำแบบนี้
เหวินซูคิดว่าซูรุ่ยเป็นคนที่น่าเชื่อถือคนหนึ่ง เหตุผลหลักๆ คือเหวินซูพบว่าถึงแม้ซูรุ่ยกับซูหว่านจะพักอยู่ด้วยกันมาตลอด แต่ความจริงแล้วทั้งสองคนกลับไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศเลย
แม้ว่าซูหว่านจะอายุเพียงสิบเจ็ดปี กำลังเป็นวัยรุ่น และซูรุ่ยก็กำลังเลือดร้อน ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันถึงแม้จะมีความใกล้ชิด แต่ก็รักษาระยะห่างระหว่างกันอยู่
นั่นคือการให้เคารพต่อความรัก
เหวินซูเข้าใจดีว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรักอย่างจริงใจ และทะนุถนอมคุณ เขาถึงได้ปฏิบัติกับคุณแบบนี้
ดังนั้น สำหรับลูกเขยแบบนี้เธอยินดียอมรับ
เหวินซูคิดเสมอว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่นาน แท้จริงแล้วเธอเป็นห่วงซูหว่านมาก เธอกลัวว่านิสัยเอาแต่ใจและหัวดื้อรั้นเกินไป ของลูกสาวตัวเองคนนี้ จะสร้างเรื่องวุ่ยวายในอนาคต โชคดีที่ตอนนี้มีคนที่เหมาะสมที่จะฝากให้ดูแลเธอแล้ว เหวินซูคิดว่า ถึงแม้ตัวเองจะตายก็ไม่ห่วงอะไรแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนที่ประพฤติตัวดี และเข้าใจอะไรที่สุดมาตลอดในสายตาของเธอจะเป็นแบบนี้…
เหวินซูต้องการเรียกเจี่ยงโยวมาคุยกันดีๆ เธอคิดว่าตัวเองไม่เคยทำหน้าที่แม่ที่ดีได้เลย ตอนนั้นเธอรักซูหว่านมากเกินไปถึงได้เลี้ยงให้เธอโตมาเป็นคุณหนูนิสัยเสียแบบนี้
ตอนนี้เธออยากที่จะคุยกับเจี่ยงโยวดีๆ เธอไม่อยากทำให้ลูกสาวที่เธอได้กลับมาอย่างยากลำบาก ถูกผู้ชายข้างนอกหลอก
แต่สิ่งที่ทำให้เหวินซูคิดไม่ถึงก็คือ เธอเพิ่งจะเอ่ยถามเรื่องของผู้ชายคนนั้น เจี่ยงโยวก็เริ่มโมโหและมีปากเสียงกับตัวเองขึ้นมา
ทำไมซูหว่านทำได้หนูถึงทำไม่ได้?
ที่แท้ในใจของเจี่ยงโยวมีแต่ความแคลงใจ เธอไม่ชอบการมีซูหว่านอยู่ ไม่ชอบคนที่แย่งแม่ของเธอ และแย่งสถานะที่เป็นของเธอไป
คนเราก็เป็นแบบนี้
ตอนที่ซูหว่านอิจฉาอย่างไม่มีเหตุผล
คนเรามักจะเห็นใจ “คนอ่อนแอ” เสมอ
ใช่แล้ว ไม่ว่าซูหว่านจะเป็นอย่างไร เมื่อเธอถูกคนรับทอดทิ้ง หรือแม้กระทั่งถูกญาติพี่น้องรังเกียจ เธอจึงกลายเป็นคนอ่อนแอที่ล้มเหลวคนนั้น
สำหรับซูหว่าน เจี่ยงโยวสามารถช่วยเธอโดยที่ไม่มีเงื่อนไข หรือแม้แต่การต้องเจอกับปัญหาที่ไร้เหตุผลครั้งแล้วครั้งเล่าของเธอ
แบบนั้นแสดงให้เห็นถึงความใจกว้าง และจิตใจดีของเจี่ยงโยว
แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป
เมื่อซูหว่านมีความรักเป็นของตัวเอง มีผู้ชายที่มองเธอเป็นสิ่งมีค่า เมื่อเธอสามารถเผชิญหน้ากับทุกคนได้อย่างภาคภูมิ ยิ้มให้กับความเป็นคนต่างจังหวัดของตัวเอง ไม่มีใครดูถูกเธอ และเธอยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข
ในขณะเดียวกัน เจี่ยงโยวกลับค่อยๆ สูญเสียคนที่รักเธอ และคนที่เธอรักไปทีละคนๆ
เธอในตอนนี้ไม่สามารถยิ้มให้ซูหว่านอย่างมีความสุขได้อีกแล้ว
เธออิจฉาสิ่งที่ซูหว่านมีทุกอย่าง
ซึ่งทั้งหมดนั้นเธอคิดว่ามันควรจะเป็นของเธอ
ในใจของทุกคนต่างก็มีด้านมืดของตัวเอง และปีศาจที่ซ่อนอยู่ตัวนั้น ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
สุดท้ายเจี่ยงโยวก็เก็บข้าวของของตัวเองในกระเป๋าเดินทาง และออกจากบ้านตระกูลซูไป
ในยามค่ำคืนของเมือง D ที่เหน็บหนาว หิมะค่อยๆ ตกลงมาจากฟากฟ้า เจี่ยงโยวยืนมองแสงไฟที่สว่างไสวในบ้านตระกูลซู เธอหยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมา สุดท้ายเธอกลับกัดฟันโทรออกหาเบอร์โทรศัพท์นั้น
“อาจารย์เวิน ฉันเจี่ยงโยวนะคะ”
……
เรื่องที่เจี่ยงโยวออกจากบ้าน ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านตระกูลซูอยู่พักหนึ่ง เมื่อก่อนซูหว่านก็เคยหนีออกจากบ้านไป แต่เธอด้วยนิสัยของเธอซูไห่เฉิงมองออกอยู่แล้ว เขารู้ดีว่าคุณหนูอย่างเธอทนความลำบากไม่ได้แน่นอน หลังจากพักอยู่ข้างนอกได้ไม่กี่วัน เธอก็กลับมา แต่สำหรับเจี่ยงโยวไม่เหมือนกัน เธอมีความอดทนค่อนข้างสูง ตอนที่เธอกำลังจะออกไปจากบ้านเหวินซูก็คิดจะรั้งเธอไว้ แต่เสียดายที่ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไป และซูไห่เฉิงก็รู้เรื่องของเหวินซูแล้ว และลึกๆ ในใจยังคงโกรธลูกสาว ที่เห็นภรรยาถูกลูกสาวทำให้โมโหจนแทบจะเป็นลม ซูไห่เฉิงจึงห้ามเหวินซูไว้ไม่ให้ตามเธอไป
เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ เจี่ยงโยวก็ควรจะโตได้แล้ว
คนเราจะต้องเจอบทพิสูจน์มากมายตลอดชีวิต ซูไห่เฉิงเองก็ผ่านประสบการณ์มามากมาย และเขาก็เห็นประสบการณ์ที่เข้ามาทดสอบซูหว่านกับตาตัวเองหลายต่อหลายครั้ง จากคุณหนูนิสัยเสีย จนตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายไปแล้ว
บางทีการที่เจี่ยงโยว ออกไปเผชิญโลกภายนอก อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับเธอก็ได้
หิมะโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง
ซูหว่านยืนอยู่ที่หน้าต่าง โดยมีซูรุ่ยโอบกอดอยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนยืนอยู่ที่หน้าต่างโปร่งใส มองดูเวินเหวินเฮ่าขับรถยนต์สีดำมารับเจี่ยงโยวออกไป
“สำหรับผู้ชายแล้ว อะไรที่ได้มาง่ายๆ มักจะไม่ค่อยเห็นคุณค่า”
ซูหว่านพึมพำ ความจริงแล้วฐานะของเวินเหวินเฮ่าก็ไม่ได้ด้อยเลย แถมยังเป็นคนเจ้าชู้อีก ในโลกเดิมเขาหลงรักเจี่ยงโยวอย่างหัวปักหัวปำ อันดับแรกเพราะนางเอกเก่งมาก และอีกเหตุผลคือเพราะเจี่ยงโยวเป็นผู้หญิงของหลัวอวี่
การได้ครอบครองผู้หญิงที่เป็นของผู้ชายที่แข็งแกร่ง เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับเวินเหวินเฮ่า
เพราะคุณเป็นผู้หญิงของ XX ดังนั้นฉันต้องเอาคุณมาครอบครองให้ได้
และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกแล้ว
และในฐานะของผู้ชาย หลัวอวี่มักจะดึงดูดความเกลียดชังได้อย่างน่าอึดอัดใจจริงๆ
เพียงแต่ตอนนี้หลัวอวี่กับเจี่ยงโยวเลิกกันแล้ว ซูหว่านคิดว่าเวินเหวินเฮ่าอาจจะไม่ได้หลงใหลเจี่ยงโยวเหมือนในพล็อตเรื่องเดิมนั้นแล้ว
“รูปลักษณ์สักวันก็ต้องแก่ ร่างกายก็ค่อยๆ สลายไป คนสองคนที่รักกันจากใจจริง ความจริงแล้วความรักที่แท้จริง คือจิตวิญญาณของกันและกันตลอดไป”
โอกาสยากที่จะมีอารมณ์ศิลปิน แม่ทัพซูมองที่รักของเขาด้วยสายตาอ่อนโยนและอบอุ่น กำลังเตรียมจะขอคำชม ก็เห็นซูหว่านบู้บี้ปากและตอบกลับด้วยความจริงจัง “คุณพูดได้ดีมาก ต่อไปคุณก็รักแต่จิตวิญญาณของฉันก็พอแล้ว”
ซูรุ่ย…
ที่รัก สคริปต์นี้ไม่ถูกแล้ว!
นักเขียนสามารถลบบทนั้นออกแล้วเขียนใหม่ได้ไหม? ฮ่าฮ่า ความจริงแล้ววิญญาณกับเลือดเนื้อหลอมรวมกัน ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก…