เมือง D นับว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง บ้านที่อยู่ในตัวเมืองมูลค่ารวมมากกว่าหนึ่งล้านทั้งนั้น และถ้าอยากจะเช่าคอนโดที่ดูดีแถวๆ เฟิงเหิงสักห้องหนึ่งล่ะก็ ค่าเช่าของแต่ละเดือนอย่างน้อยก็ต้องจ่ายสี่พันหยวน
หลังจากที่ซูหว่านเลิกเรียน เธอก็เดินจับมือซูรุ่ยแล้วเดินจากไปภายใต้สายตาที่แปลกประหลาดของเหล่าคนที่มาล้อมรอบพวกเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านรู้สึกว่ามือของซูรุ่ยใหญ่มาก โอเค ใครให้เจ้าของร่างเดิมในโลกนี้เป็นดาวโรงเรียนที่ตัวเล็กร่างบางล่ะ และดูเหมือนว่าเด็กอายุสิบเจ็ดจะยังโตไม่เต็มวัยสักเท่าไหร่นะ?
ตอนนี้ตัวซูหว่านยังพอสูงเท่าไหล่ของซูรุ่ย มองด้านส่วนสูงอะไรแบบนี้ก็เหมาะที่จะคบหาดูใจกันอยู่นะ
เจ้าของร่างเดิมค่อนข้างเคร่งเรื่องดอนโดระดับไฮเอนด์ที่อยู่แถวๆ เฟิงเหิง เพราะหลังจากที่เจี่ยงโยวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของตระกูลซูแล้ว ซูหว่านก็วางแผนมาตลอดว่าจะย้ายออกมาอยู่ข้างนอก แต่เธอแค่ยังไม่ได้ลงมือทำก็เท่านั้นเอง
ตอนนี้ซูรุ่ยมาแล้ว ซูหว่านเองก็ไม่จำเป็นต้องลังเลอะไรอีกต่อไป เธอพาซูรุ่ยและเซียวหยุนอี้ไปที่คอนโดสองห้องนอนที่เธอเคยดูไว้แล้ว จากนั้นเธอก็จ่ายค่าเช่าไปครึ่งปี
เฟอร์นิเจอร์ในห้องครบถ้วนมาก เป็นประเภทที่ลากกระเป๋ามาก็สามารถเข้าพักได้เลย โดยปกติแล้วซูหว่านไม่ค่อยเรื่องมากกับเรื่องที่อยู่อาศัย และซูรุ่ยก็เคยอยู่ดอนโดเป็นเพื่อนซูหว่านมาตั้งหลายครั้ง คอนโดที่มาดูในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีก้างขวางคอมาด้วย แต่ก็เป็นรอบที่ประทับใจที่สุดของซูรุ่ยแล้ว
เมื่อก่อนคอนโดสองห้องนอน เขาทั้งสองแยกกันนอนตลอด แล้วตอนนี้ล่ะ? แน่นอนว่าเซียวหยุนอี้ นอนหนึ่งห้อง ส่วนตัวเองกับซูหว่านก็นอนห้องเดียวกัน
เพราะว่าต้องกินเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของซูรุ่ย พวกเขาทั้งสามคนจึงไปกินข้าวมื้อใหญ่ที่อี้เจียงหนาน หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยพวกเขาถึงกลับไปที่ดอนโด ตอนที่ซูรุ่ยมา เขาเอามาแค่กระเป๋าเล็กๆ แต่ยังดีที่เขาใช้เวลาตอนเย็นซื้อเสื้อไปสองสามชุด และชุดนอนใหม่ๆ อีกสองชุดให้กับตัวเองและเซียวหยุนอี้
แต่กลับเป็นซูหว่านที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย เธอวางแผนไว้ว่าตอนเย็นเธอจะกลับไปเก็บของก่อน แล้วค่อยย้ายเข้ามาอย่างเป็นทางการในวันถัดไป
แต่ว่าแม่ทัพซูจะยอมให้ภรรยาตัวเองไปได้ยังไง?
“เสี่ยวหว่าน ผมคิดถึงคุณแล้ว”
เมื่อกลับไปถึงห้องนอน ซูรุ่ยก็กอดซูหว่านจากด้านหลังไว้ แขนทั้งสองข้างที่เรียวยาวและมีพลังกอดเธอไว้ในอ้อมกอด
“คืนนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนผมได้ไหม? ”
“อือ”
ซูหว่านพิงลงไปในอ้อมกอดของซูรุ่ยอย่างสบายตัว “ฉันอยู่ต่อกับคุณอีกสักพักดีกว่า ที่นี่ไม่มีชุดนอนเลย ถ้าคืนนี้ฉันพักที่นี่คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่? ”
“คุณใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ผมเพิ่งซื้อมาได้นะ”
ขณะที่พูด ซูรุ่ยที่เอียงหน้าเข้าหาเธออย่างชำนาญ ริมฝีปากที่ร้อนรุ่มก็ประกบเข้าที่ปลายหูของซูหว่าน เขาไม่ยอมรับหรอกว่าเขาตั้งใจซื้อเสื้อเชิ้ตชายไซต์เล็กมาหนึ่งตัว
“ค่ะ”
ความรู้สึกที่ราวกับไฟฟ้าสถิตนั้นทำให้ซูหว่านอดที่จะตอบตกลงไม่ได้ ซูรุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ถือโอกาสนี้ยกมือดึงเสื้อนักเรียนของเธอออกมา มือขวาของเขาค่อยๆ เคลื่อนขึ้นด้านบน แล้ววางบนไหล่ของซูหว่าน
“คุณภรรยา”
เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่หลงใหลในเธอ วินาทีต่อมาดวงตาของซูรุ่ยก็เย็นชาขึ้นมาทันที ดวงตาที่เย็นชามองไปที่ไหล่ของซูหว่าน
บนไหล่ของเธอที่ขาวอิ่มนั้นมีรอยนิ้วมือแดงๆ ปรากฏอยู่ แม้ว่ามันเกือบจะจางหายไปแล้ว แต่ซูรุ่ยแค่มองก็รู้ว่านี่เป็นแผลใหม่ที่ได้มาวันนี้ และคนที่ลงมือต้องเป็นคนที่เก่งด้านศิลปะการต่อสู้โบราณอย่างแน่นอน!
“ใครทำ?”
บรรยากาศในห้องเย็นลงราวกับโดนไอเย็นแช่แข็งไว้ นิ้วมือของซูรุ่ยค่อยๆ แตะไปที่รอยตรงไหล่ของซูหว่านด้วยความอ่อนโยนและความเป็นห่วง
ขณะนี้ความโกรธที่อยู่ในดวงตาของเขาไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ไม่เจ็บแล้ว”
ซูหว่านรู้สึกได้ถึงพลังอาฆาตที่ปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของซูรุ่ย เธอจึงรีบยกแขนขึ้นแล้วหันไปกอดซูรุ่ยไว้อย่างอ่อนโยน
“แผลแค่นี้ไม่เป็นอะไร ฉันไม่ใช่เครื่องเคลือบที่แค่แตะก็แตกสักหน่อย”
“ซูอวี้ใช่ไหม? ”
ซูรุ่ยก็รีบคิดภาพเรื่องราวภารกิจขึ้นในใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าของร่างเดิมซูหว่านเป็นเพียงแค่ทหารปลายแถวของเจี่ยงโยว เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลรอบๆ ตัวซูหว่านจึงค่อนข้างธรรมดา และคนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอนั้นมีคนเดียวที่มีความสามารถนี้ นั่นก็คือซูอวี้!
เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูรุ่ยถาม ซูหว่านก็ทำได้แค่พยักหน้า “เขาเป็นคนทำ เขาเป็นคนที่ระแวงมาก เขาสงสัยในตัวฉันนิดหน่อย แต่ว่ามันไม่เป็นปัญหาสักเท่าไหร่”
ซูรุ่ยหรี่ตาลง มีพลังอาฆาตวิ่งผ่านแววตาของเขา คนตายทุกคนล้วนไม่เป็นปัญหาทั้งนั้นแหละ
“คุณภรรยาครับ คุณไปอาบน้ำก่อน”
เขามีแผนในใจแล้ว ซูรุ่ยเอามือทั้งสองข้างของซูหว่านออกจากเอวของตัวเอง แล้วหันไปหยิบเสื้อเชิ้ตไซต์เล็กตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมายื่นให้ซูหว่าน “ผมขอเก็บของก่อนนะ คุณอาบเสร็จแล้วผมค่อยไปอาบ”
ซูหว่านมองไปที่เสื้อเชิ้ตที่ซูรุ่ยยื่นให้ตัวเองที่เห็นได้ชัดว่ามันเล็กกว่าหนึ่งไซต์ เวลาแบบนี้เธอเองก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องแค่นี้ “ซูรุ่ย คุณจะทำอะไร? ”
เธอไม่ใช่เด็ก ที่จะโดนเขาหลอกง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง
“เชื่อฟังผมนะครับ”
ซูรุ่ยใช้มือข้างเดียวควงซูหว่านไว้ แล้วกดหน้าเธอมาที่หน้าอกของตัวเอง “ผมจะทำอะไรล่ะ? ผมแค่…..เก็บของจริงๆ ”
หรือเก็บของที่ว่านั่นจะหมายถึงซูอวี้กันล่ะ
ซูหว่านเก็บแววตาสงสัยนั้นกลับมา “โอเค คุณ….เร็วหน่อยนะ”
ตอนแรกเธอจะบอกเขาว่าให้ระวังหน่อย แต่พอจะพูดออกไปกลับกลายเป็น “เร็วหน่อย”
ในเมื่อเขาไม่อยากให้เธอเป็นห่วง บางทีเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างออกมาให้กระจ่าง
ซูรุ่ย คุณต้องระวังหน่อยนะ
ซูอวี้ไม่ธรรมดา……
แม้ว่าเธอจะมั่นใจกับฝีมือของซูรุ่ย แต่ถึงยังไงซูอวี้ก็เป็นถึงนักโทษประกาศจับระดับ S เขาไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้โบราณ อีกทั้งยังชำนาญอาวุธปืน และยากับแก๊สพิษต่างๆ อีกด้วย
เหตุผลที่ซูหว่านไม่อยากให้ซูรุ่ยและซูอวี้มีเรื่องกัน ก็เพียงเพราะเธอไม่อยากเห็นซูรุ่ยเป็นอะไรไปแค่นั้นเอง ก็เหมือนที่ซูรุ่ยรู้สึกเจ็บใจเมื่อเห็นเธอมีบาดแผล เธอเองก็ไม่อยากให้ซูรุ่ยได้รับอันตรายแม้แต่น้อยเหมือนกัน
แต่ว่า ในขณะเดียวกันซูหว่านก็รู้ว่าถ้าซูรุ่ยตัดสินใจเรื่องอะไรไปแล้ว เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด
สิ่งที่เธอทำได้ก็มีแค่ทำให้เขาสบายใจ
ถ้าไม่สามารถช่วยเขาได้ ก็จงจำไว้ว่าอย่าไปเป็นภาระของเขา
“ฉันไปอาบน้ำแล้วนะ”
ซูหว่านจัดเสื้อนักเรียนของตัวเองแล้วกอดเสื้อที่ถือไว้อย่างแน่น ก่อนที่จะออกจากห้องนอนไป ทันใดนั้นเธอก็หันกลับมาแล้วเดินไปตรงหน้าซูรุ่ย แล้วเขย่งเท้าขึ้นเอามือจับหน้าเขาไว้ แล้วจุ๊บลงไปอย่างแรง “คุณเป็นคนของฉัน ทุกอย่างของคุณเป็นของฉัน ถ้าไม่มีการอนุญาตของฉัน คุณห้ามเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายผม”
ซูรุ่ยที่โดนซูหว่านโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันยืนอึ้งอยู่กับที่ จนซูหว่านออกจากห้องไป เขาจึงอมยิ้มขึ้นมาแล้วเอามือนวดๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง เจ้าหนูนี่ดุเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อกี้นี้แทนที่จะเรียกว่าจูบ เรียกว่ากัดจะดีกว่า
เขาวางมือลงเบาๆ ความอ่อนโยนในแววตาของซูรุ่ยค่อยๆ หายไป เขาหันไปที่ข้างเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ที่ซูหว่านทิ้งไว้ตรงหัวเตียงขึ้นมา แล้วหาเบอร์โทรศัพท์ของซูอวี้จนเจอแล้วส่งข้อความไปหาเขา
คุณอยู่ไหน? ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ
หลังจากที่ส่งข้อความไป ไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา ข้อความนั้นธรรมดามาก เป็นโลเคชั่นของสถานที่ที่หนึ่ง
คนเจ้าเล่ห์มักมีหลายถิ่นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ ซูอวี้มีที่อยู่หลายที่ในเมือง D แต่เนื่องจากวันนี้ตอนกลางวันเขาได้เข้าทำการผ่าตัดใหญ่มา หลังจากที่เลิกงานเขาก็กลับไปที่ดอนโดระดับไฮเอนด์ที่เขาเช่าไว้ชั่วคราวแถวๆ โรงพยาบาล
หลังจากที่ได้รับข้อความจาก “ซูหว่าน” ซูอวี้เองก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วออกจากห้องอาบน้ำมา เขาส่งโลเคชั่นของตัวเองไป ซูอวี้ก็นั่งตรงโซฟาแล้วเทไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
เขาไม่รู้ว่าซูหว่านจะคุยอะไรกับตน และเขาไม่จำเป็นต้องไปคาดเดาอะไร
เพราะในความคิดเขาเจ้าหนูนั่นเป็นแค่ตั๊กแตนที่กระโดดไปทั่ว แต่สามารถโดนเขาฆ่าได้ง่ายๆ อยู่ตลอดเวลา
ขณะนั้นซูอวี้ยังไม่รู้ว่า คนที่เขาต้องเจอในคืนนี้ไม่ใช่พวกกระจอกที่เขาคิดไว้ แต่เป็นมัจจุราชที่กระหายเลือดมาก