ในโลกภารกิจ
ซูหว่านถูกคนปลุกอย่างแรงให้ได้สติ
“ซูหว่าน ส่งข้อสอบการบ้านได้แล้ว”
เสียงผู้หญิงที่ฟังดูอ่อนเยาว์แฝงด้วยความขี้ขลาดดังขึ้น
หืม
สติการรับรู้ของซูหว่านค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา การบ้าน…นี่มันอะไรกัน
เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นนวดขมับที่รู้สึกแย่ ตามการกระทำของเธอ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเธอก็ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นมา ซูหว่านถึงเพิ่งได้รับรู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องเรียนที่สะอาดและเป็นระเบียบ ที่นั่งให้ห้องเรียนนั้นมีเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่นั้นว่างเปล่า
“ซูหว่าน”
ยังคงเป็นผู้หญิงเมื่อสักครู่ รอบนี้นำเสียงของเธอยิ่งเพิ่มความระมัดระวังเข้าไปใหญ่ “เธอไม่สบายหรือเปล่า ต้องให้ฉันพาไปส่งห้องพยาบาลไหม ไม่งั้นฉันจะไปตามอาจารย์เวินมาให้”
“ไม่ ไม่ต้องหรอก”
ซูหว่านส่ายหน้า สายตาแอบตรวจสอบ จ้องมองไปยังคนที่สวมชุดนักเรียนสีฟ้าเบื้องหน้า ผู้หญิงที่ใส่แว่นหนาเตอะ
เธอน่าจะชื่อว่า…สวี่นั่ว เป็นหัวหน้าห้องของห้องนี้
สมองของเจ้าของเดิมเพราะเมื่อคืนเมาทำให้ตอนนี้ยังคงสับสนวุ่นวาย ดีที่ก่อนซูหว่านจะปฏิบัติภารกิจได้ศึกษาเรื่องราวในภารกิจในโลกนี้มาบ้าง เรื่องราวภารกิจในโลกนี้ง่ายมาก เรื่องเกิดที่โรงเรียนผู้ดีแห่งหนึ่ง (จริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับโรงเรียนเลย) เจ้าของของซูหว่านนั้นเป็นดาวที่รับรู้ทั่วไปของโรงเรียนนี้ (แน่นอน ดาวในโลกภารกิจ ล้วนแล้วแต่เอาไว้ใช้ร่วมสงคราม)
ในฐานะที่เป็นดาวของโรงเรียน แน่นอนว่ารอบข้างซูหว่านต้องมีผู้ปกป้องอยู่ไม่น้อย แฟนของเธอ ไม่สิ ตอนนี้บางทีอาจจะเรียกว่า “แฟนเก่า”
หลัวอวี่แฟนเก่าของซูหว่านหลัวอวี่เป็นพระเอกของโลกใบนี้ เขาเป็นนักเรียนหัวกระทิคนหนึ่ง เป็นนักเรียนหัวกระทิหัวดีที่ทั้งสูง ทั้งหล่อ ทั้งฐานะรวยทั้งและหล่อ เป็นนักเรียนหัวกระทิที่ ทั้งเท่และทั้งเต็มไปด้วยอำนาจคนหนึ่ง
เดิมที่ซูหว่านและหลัวอวี่ทั้งสองคนก็ถือว่าเหมาะสมทั้งหน้าตาและฐานะ เหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก แต่ว่าในเทอมทีที่แล้ว ภายในโรงเรียนทีที่ชื่อว่า “โรงเรียนเฟิงเหิงกุ้ยจู๋” พลันก็รับนักเรียกใหม่เป็นการพิเศษจากด้านนอกเข้ามา
นักเรียนพิเศษ เดิมทีก็จะคือ “ไอ้เหลือขอ” “เด็กเนิร์ด” และคำสรรพนามเรียกอื่นๆ พวกเขาที่ของพวกชนชั้นสูงอยู่ภายในโรงเรียนชนชั้นสูงนั้น ที่ไม่ถูกยอมรับในการมีตัวตนอยู่ของพวกเขา แต่ในครั้งนี้นักเรียนที่รับมาเป็นพิเศษนั้นไม่เหมือนกัน
เด็กผู้หญิงที่รับมาเป็นพิเศษชื่อเจี่ยงโยว ไม่เพียงแต่หน้าตาสวยเด่น ยิ่งแต่ยังมีวิชาศิลปะป้องกันตัวที่เก่งกาจ ตามที่ได้ยินมา เนื่องจากเธอเคยเป็นสตั๊นท์แมนให้กับดาราคนดัง ถึงได้ถูกดาราคนนั้น แนะนำมาให้เข้าโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งค่าเทอมค่าที่พักล้วนแต่ฟรี
การมาถึงของเจี่ยงโยว ทำให้บรรยากาศภายในของโรงเรียนนั้นเปลี่ยนไป
ขอแค่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งตีกัน ก็จะมีเจี่ยงโยวไปปรากฏตัวอยู่ด้วย
ขอแค่มีการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ที่นั่นก็จะมีเจี่ยงโยวคอยช่วยเหลือ!
ขอแค่มีหมาแมวจรจัดอะไรเทือกนั้น ก็จะมีรอยยิ้มอันดีงามของนางเอกอยู่ที่นั่นด้วย
สรุปว่า เธอเป็นแสงสว่าง เธอเป็นไฟฟ้า เธอเป็นตำนานของเฟิงเหิง
แค่เวลาเพียงเทอมเดียว เจี่ยงโยวก็สร้างชื่อเสียงขึ้นมาในโรงเรียนแห่งนี้ และถูกผู้ชายหลายคนที่โปรไฟล์ดียกย่องให้เป็นนางฟ้าคนใหม่
แน่นอน หลัวอวี่ในเวลานี้ก็ชื่นชมเจี่ยงโยวอยู่เป็นอันมาก ถึงขนาดหลังจากเลิกกับซูหว่าน แล้วหลัวอวี่ก็รีบเปิดตัวตามจีบเจี่ยงโยว
แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะความขัดแย้งกันของซูหว่านและเจี่ยงโยว
แท้จริงนั้น ภูมิหลังของโลกใบนี้ถึงแม้ว่าเรื่องจะเกิดในโรงเรียน แต่ทั้งหมดนี้เรื่องโดยหลักกลับเกิดที่บ้านตระกูลซู
ในเมือง D ตระกูลซูก็ถือเป็นตระกูลผู้รากมากดี พ่อของซูหว่านซูไห่เฉิง ประกอบกิจการภัตราคารภัตตาคารอาหารทะเล ในตอนนี้กิจการของตระกูลซูไม่เพียงแต่อยู่ในธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม แต่ยังแผ่ขยายไปถึงธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์ห้างสรรพสินค้า
และภรรยาของซูไห่เฉิงเหวินซูเป็นบุตรีของตระกูลมีชื่อเสียงในเมือง D ในตอนที่ทั้งคู่ยังวัยรุ่นล้วนแต่เป็นจิตอาสาที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม อีกทั้งเคยเป็นครูอาสาในพื้นที่ห่างไกล และทั้งสองคนก็รู้จักและพบรักกันในตอนนั้น
ในเวลาต่อมาทั้งสองคนก็แต่งงานกันที่นั่น แต่งงานได้ไม่นานก็มีซูหว่านออกมา เนื่องจากสุขภาพของเหวินซูไม่ค่อยดีมาตลอด เพื่ออนาคตของภรรยาและลูกสาว ซูไห่เฉิงตัดสินใจพาภรรยาและลูกสาวออกจากพื้นที่ห่างไกลกลับมายังเมือง D หางานทำ และหลายปีผ่านไปจากการที่ขยันขันแข็งไม่หยุดพัก ในที่สุดก็มีวันนี้ทั้งร่ำรวยและมีฐานะทางสังคม
เนื่องจากสามีภรรยาทั้งสองมีแค่ซูหว่านคนเดียว หลายสิบปีมานี้ ทั้งสองคนเอ็นดูลูกสาวคนนี้มากเป็นพิเศษ นี่ทำให้เจ้าของร่างนี้มีนิสัยเสียไม่น้อย หยิบหย่ง เอาแต่ใจ โรคคุณหนู
นิสัยเสียเหล่านี้จะว่าเป็นมากก็มาก เป็นน้อยก็น้อย แต่เนื่องจากตั้งแต่เล็กก็มีคนรอบข้างเอ็นดู เจ้าของร่างเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งวันหนึ่ง นางเอกตัวเด่นเจี่ยงโยวปรากฏตัวขึ้น ชีวิตของซูหว่านทั้งหมดก็ถูกรัศมีบดบังจนมิด
ที่แท้เจี่ยงโยวที่มาจากหมู่บ้านชนบทนั้นก็มาที่เมือง D เพื่อตามหาญาติ
เรื่องทั้งหมดนี้ก็ต้องเริ่มจากภูมิหลังของเจี่ยงโยว ตั้งแต่เด็กก็เกิดมาในครอบครัวที่มีแม่เลี้ยงเดี่ยว ถูกเลี้ยงดูมาโดยแม่ที่ขยันขันแข็ง ในปีนั้นที่เจี่ยงโยวอายุได้แปดขวบ เพื่อให้เธอได้เรียนหนังสือ แม่ของเจี่ยงโยว เจ้าเหมยก็พาเธอย้ายมายังตำบลเล็กๆ ในเมือง สองแม่ลูกเช่าอยู่บ้านหลังเล็กที่หลังคารั่วหลังหนึ่ง เจ้าเหมยต้องทำงานทั้งห้างานตั้งแต่เช้ายันเย็น จึงจะมีเงินมาใช้จ่ายค่าเล่าเรียนและค่าจิปาถะประจำวันของทั้งคู่
เป็นแบบนี้มานานหลายเดือนหลายปี สุขภาพร่างกายของเจ้าเหมยก็ทรุดลง
และในตอนนั้นเอง เจี่ยงโยวก็อายุได้สิบขวบแล้ว
ตามจริง ที่เจี่ยงโยวอาศัยอยู่ที่ตำบลในเมืองนี้เก้าปีมาแล้ว เธอมักจะแอบไปเก็บขยะขายแลกเงิน และก็ในตอนนั้นเจี่ยงโยวก็ได้รู้จักกับเซียวฉี่และเซียวอวิ๋นอวี้สองพี่น้อง พ่อของทั้งสองคนเดิมทีเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในท้องที่ แต่ในครั้งหนึ่งที่กำลังมีเรื่องกันถูกคู่แค้นฟันตาย นับแต่นั้นเป็นต้นมา เซียวฉี่และเซียวอวิ๋นอวี้ก็ถูกอุปการะเลี้ยงดูโดยครูศิลปะการต่อสู้ ตั้งแต่เด็กก็ใช้ศิลปะการต่อสู่ที่มีเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แน่นอนว่าเจี่ยงโยวเองก็ตามเซียวฉี่เรียนรูปรู้วิชามากมาย
จนกระทั่งเจ้าเหมยล้มป่วยลง โรงพยาบาลแจ้งว่าร่างกายของเจ้าเหมยในตอนนี้ถ้าอยากจะให้ดีขึ้นก็ต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนไต และการผ่าตัดนี้ไม่เพียงแต่ต้องหาไตที่เข้ากันได้ แต่ยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเป็นค่ายารักษาอีกด้วย เจี่ยงโยวอับจนหนทางไปหาพี่น้องเซียวให้ช่วยเหลือ เซียวฉี่ให้เจี่ยงโยวยืมเงินก้อนหนึ่ง และยังช่วยเธอหางานเป็นสตั๊นท์ต่อสู้แมนให้อีกด้วย
เจี่ยงโจวได้เงินมาก้อนหนึ่งอย่างลำบาก เพียงพอต่อการจ่ายเงินค่าโรงพยาบาลในงวดแรก ในตอนนี้เองที่โรงพยาบาลบอกว่ากรุ๊ปเลือดของเธอและเจ้าเหมยไม่ตรงกัน ดังนั้น เธอไม่สามารถเปลี่ยนไตของเธอกับเจ้าเหมยได้
ในตอนนี้เอง เจ้าเหมยที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายในที่สุดก็ร้องไห้เล่าเรื่องราวความจริงให้เจี่ยงโยวได้รับรู้ ที่แท้เจี่ยงโยวไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเอง
ในตอนนั้นที่สถานรักษาพยาบาลในชนบท เจ้าเหมยและเหวินซูคลอดลูกวันเดียวกัน ทั้งสองคนยังคลอดลูกสาวเหมือนกัน
ในตอนนั้นเนื่องจากเหวินซูร่างกายอ่อนแอ พอคลอดลูกเสร็จก็เป็นลมไป เจ้าเหมยอาศัยตอนที่คนทำคลอดไม่อยู่ ทำการสลับตัวเด็กหญิงทั้งสอง
ในตอนนั้นเธอเห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก สามีของเธอเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน เธอเกรงว่าตัวเองจะเลี้ยงลูกตัวเองไม่รอด ดังนั้นจึงได้บังเกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้น
จนกระทั่งสองเดือนผ่านไปเจ้าเหมยรู้สึกผิด ซูไห่เฉิงทั้งครอบครัวก็ย้ายไปแล้ว
เจ้าเหมยหลายสิบปีมานี้รู้สึกว่าเธอติดค้างเจี่ยงโยวมาโดยตลอด เธอพยายามทำทุกวิถีทางให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเจี่ยงโยว น่าเสียดายที่ท้ายที่สุด สุขภาพร่างกายของเธอก็ล้มป่วยลงไปก่อน…
เจ้าเหมยในท้ายที่สุดก็ไปถึงกระบวนการผ่าตัด แต่เธอก็ทิ้งเบาะแสบางอย่างและรูปภาพภาพหนึ่งเอาไว้ สั่งความให้เจี่ยงโยวไปที่เมือง D เพื่อหาพ่อแม่ที่แท้จริง ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยดูแลลูกสาวของเจ้าเหมยด้วย
เจี่ยงโยวก็เอาคำสั่งเสียของแม่ที่เลี้ยงดูและการตัดสินใจที่จะตามหาญาติมายังเมือง D และผ่านอุปสรรคมาหนหนึ่งในที่สุดเธอก็หาพ่อและแม่ที่แท้จริงจนเจอ
แต่เพียงแค่คืนเดียว เจี่ยงโยวก็เปลี่ยนจาก “สาวบ้านนอก” เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลซู และซูหว่านในคืนเดียวก็ตกจากสวรรค์ลงสู่นรก
ถึงแม้ว่าสองสามีภรรยาลึกๆ แล้วเกลียดและโทษเจ้าเหมย แต่เด็กนั้นไม่มีความผิด หลายปีมานี้พวกเขานั้นล้วนแล้วแต่ให้ความรักกับซูหว่านไปมาก ดังนั้นสุดท้ายแล้วสองสามีภรรยาก็ไม่ได้ให้ซูหว่านออกจากตระกูลซูไป แต่ให้ทั้งสองคนนับถือกันเหมือนพี่สาวน้องสาว
จากคุณหนูโดยกำเนิดเปลี่ยนเป็นคุณหนูกาฝาก ซูหว่านภายในใจนั้นตกต่ำลงเหลือคณา เธอที่จิตใจว้าวุ่นเริ่มดื่มสุรา เริ่มโดดเรียน เวลาเนิ่นนานไป ความรักระหว่างเธอและหลัวอวี่ก็ยิ่งจืดจางลง รอจนกระทั่งซูหว่านได้สติจะกลับไปคว้าคืนมา หลัวอวี่ก็ถูกเจี่ยงโยวที่เข้มแข็งถูกทำให้หวั่นไหวไปเสียแล้ว และก็เลิกกับซูหว่านโดยไม่ลังเล เริ่มเปลี่ยนไปตามจีบเจี่ยงโยว…
ตอนนี้เป็นวันที่ห้าของการที่ซูหว่านถูกหลัวอวี่ทิ้ง หลายวันมานี่เนื่องจากอกหัก เจ้าของร่างมักจะเมามายทุกคืน และเหล่าเพื่อนร่วมห้องล้วนรู้ถึงเรื่องทางบ้านของเธอ และยิ่งกว่านั้นรู้เรื่องที่เธอถูกหลัวอวี่ทิ้ง เห็นเธออารมณ์ไม่ดี ไม่มีใครกล้ามารบกวนเธอ ก็จะมีเพียงแต่หัวหน้าห้องสวี่นั่วที่ความรู้สึกช้าและไร้เดียงสาเท่านั้น ถึงกล้าให้ซูหว่านในตอนนี้ “ส่งการบ้าน” …