ถึงเวลาทำงานแล้ว ที่ประตูของบริษัทเริ่มมีพนักงานเดินเข้าเดินออกเยอะขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ สุดท้ายซูรุ่ยจึงพาเธอไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้สตูดิโอเกมออนไลน์แห่งนี้จะยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ซูรุ่ยก็ได้ติดต่อกับกลุ่มบริษัทข้ามชาติไว้หลายบริษัทแล้ว ตอนนี้รอแค่ให้เกมผ่านการทดสอบ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงานการประชุมสุดยอดเกมออนไลน์ระหว่างประเทศในปีหน้าเท่านั้น
“นั่งสิ”
ซูรุ่ยเข้ามาในห้องทำงานของเขา และถอดเสื้อสูทพาดไว้บนเก้าอี้ เจ้าของบริษัทซึ่งเป็นเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างปกติวิสัย ขณะที่หันกลับมาเขาก็ค่อยๆ คลายเนกไทบนคอของตัวเองออก
เจี่ยงโยวที่จับจ้องพฤติกรรมของซูรุ่ยอยู่ตลอดเวลา จึงเหลือบไปเห็นรอยสีแดงเข้มที่ซ่อนอยู่ครึ่งหนึ่งของปกคอเสื้อเขา เจี่ยงโยวจึงรีบก้มหลบสายตาลงทันที แต่ในใจกลับเต้นแรงและก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ซูรุ่ยจูบกับซูหว่านตรงทางเดินชั้นสองในวันนั้น
ทันใดนั้น หัวใจของเจี่ยงโยวก็รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย
“คุณมีธุระอะไร? ”
เวลานี้ซูรุ่ยได้นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย เขาค่อยๆ เบิกตาขึ้นมาอย่างเฉยเมย และมองเจี่ยงโยวด้วยสายตาเย็นชา
“พี่ใหญ่เซียว ฉัน…”
เจี่ยงโยวสูดลมหายใจเขาลึกๆ เดิมทีต้องการอยากจะบอกเรื่องของตัวเองทั้งหมดกับเขา แต่เมื่อได้พูดกลับพูดเป็นอีกอย่าง “พี่ใหญ่เซียว พี่รู้เรื่องของซูหว่านกับหลัวอวี่ไหม”
“หืม? ”
ซูรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ประโยคนี้ทำไมมันรู้สึกคุ้นหูจัง
ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงในโลกภารกิจเคยพูดกับเขาแล้ว ซูรุ่ยขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็จำได้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งในโลกของเกมออนไลน์ เคยพูดคำพูดที่คล้ายกันนี้กับตัวเธอเอง
ของประเภทเดียวกันจะถูกแยกไว้ด้วยกัน คนเราก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าระหว่างผู้หญิงด้วยกันจะมีอะไรที่คล้ายๆ กันอยู่มาก
“เมื่อก่อนซูหว่านกับหลัวอวี่เป็นคู่รักกัน”
เจี่ยงโยวนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอ่ยพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ต่อมาหลัวอวี่กับซูหว่านก็เลิกกัน จากนั้นก็เริ่มตามจีบฉัน ซึ่งตอนนั้นฉันก็พยายามปฏิเสธเขามาตลอด แต่ซูหว่านก็เข้าใจผิดมาตลอด และคิดว่าฉันเป็นคนทำลายความรัก ดังนั้นเธอก็เลย…เธอก็เลย…”
“คุณหมายความว่าเขามาคบกับผมเพียงเพื่ออยากแก้แค้นงั้นเหรอ”
ซูรุ่ยหันข้างให้แล้วใช้มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดเสริมประโยคนั้นที่เจี่ยงโยวยังพูดไม่จบให้สมบูรณ์
“คุณรู้? ”
เมื่อเจี่ยงโยวได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาตกใจทันที
รู้กับผีอะไรล่ะ
“เจี่ยงโยว คุณยังไม่ตื่นใช่ไหม? ”
ซูรุ่ยชี้ไปที่ดวงตาของเธอ “คุณใช้ตาข้างไหนมองถึงได้คิดว่าซูหว่านคบกับผมเพื่อต้องการแก้แค้น? และถึงเขาจะต้องการแก้แค้นคุณจริงๆ เขาก็ควรจะพยายามทำทุกวิถีทางพื่อแย่งหลัวอวี่กลับคืนมาจากคุณถึงจะถูก เขาจะมาหาผมทำไม? คุณเองก็ไม่ได้ชอบผมสักหน่อย อืม หรือว่า…คุณชอบผม? ”
“ฉัน ฉันไม่ ฉันไม่ได้…”
เจี่ยงโยวพูดตะกุกตะกักจากนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันที เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้ถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเซียวฉี่ เจี่ยงโยวสามารถเผชิญหน้ากับประโยคนั้นได้อย่างสบาย แต่ตอนนี้…
ขณะที่เจี่ยงโยวกำลังอึ้งอยู่นั้น ซูรุ่ยก็ได้ลุกขึ้นมา แล้วค่อยๆ เดินไปอยู่ตรงหน้าเจี่ยงโยวที่นั่งอยู่บนโซฟา
“หรือว่า คุณชอบผมจริงๆ? ”
ซูรุ่ยก้มตัวลงและใช้มือทั้งสองข้างจับโซฟาด้านหลังพยุงตัวไว้ จนทั้งตัวเกือบจะแนบชิดกับร่างกายของเจี่ยงโยว
เจี่ยงโยวดึงสติกลับมาแล้วมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ใกล้มากคนนี้ รู้สึกว่ารอบๆ ตัวของเธอกลายเป็นลมหายใจของเขาหมดแล้ว ทันใดนั้นหัวใจของเจี่ยงโยวก็เต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอ แม้แต่คอของเธอก็แดงไปหมด
มองเห็นใบหน้าของซูรุ่ยที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เจี่ยงโยวถึงกับตัวสั่นและหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าๆ”
จู่ๆ เสียงหัวเราะเย็นชาก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเจี่ยงโยว
“คุณเลวขนาดนี้ เวินเหวินเฮ่ารู้ไหม? ”
ทันใดนั้นเจี่ยงโยวก็ลืมตาขึ้นมา สบตากับแววตาเย็นชาของซูรุ่ย
“คุณ…”
เจี่ยงโยวมองซูรุ่ยอย่างเหลือเชื่อ ทำไมเขาถึงรู้…
“เจี่ยงโยว ยิ่งผมมองคุณนานๆ ยิ่งรู้สึกขยะแขยง คุณรู้ไหม? ”
ซูรุ่ยส่ายหัวด้วยความรังเกียจ พร้อมกับดึงมือของตัวเองกลับมาแล้วเช็ดด้วยผ้าเช็ดมือ แย่จริงๆ เมื่อกี้เข้าไปใกล้เกินไป ตอนนี้เริ่มรู้ไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวแล้ว
ขณะที่ซูรุ่ยทำสีหน้ากังวล เจี่ยงโยวที่นั่งอยู่บนโซฟาก็หน้าถอดสีทันที
ขยะแขยง…
สุดท้ายน้ำตาของเจี่ยงโยวก็ไหลออกมา พี่ใหญ่เซียวของเธอบอกว่าเธอขยะแขยง
แต่เธอทำผิดอะไร?
ซูหว่านแย่งสถานะของเธอไป เธอเคยคิดเล็กคิดน้อยไหม? เธอยอมให้น้องสาวคนนั้นทุกอย่าง และแสดงสีหน้ายินดีในทุกๆ วัน แต่เธอคนนั้นกลับไม่ยอมปล่อยเธอสักที!
ตอนนี้แม้แต่พี่ใหญ่เซียวของเธอ ก็ถูกซูหว่านแย่งไปด้วย
“พี่ใหญ่เซียว ซูหว่านมีอะไรดี? เธอสามารถสนองความต้องการของคุณได้ ฉัน…ฉันก็ทำได้เหมือนกัน! ”
เจี่ยงโยวลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห และอยากจะเดินไปจับแขนเสื้อของซูรุ่ย แต่กลับถูกซูรุ่ยใช้แรงสะบัดหนี “ไสหัวไปซะ! ”
เขาสะบัดอย่างแรง ทำให้เจี่ยงโยวล้มลงไปกองกับพื้น หน้าผากของเธอไปกระแทกกับมุมของโซฟาพอดี จากนั้นเลือดก็ค่อยๆ ไหลหยดจากหน้าผากลงมา จนการมองเห็นของเธอเป็นสีแดง
เจ็บปวด
ร่างกายเจ็บ หัวใจก็เจ็บ
เธอไม่สามารถเอาพี่ใหญ่เซียวคนที่คอยดูแลปกป้องเธอในตอนนั้นกลับมาได้อีกแล้ว
สายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ มองเธอมันแต่ความเย็นชาและความเกลียดชัง
“เซียวฉี่ เซียวฉี่……”
เจี่ยงโยวเรียกชื่อของเขาอย่างเจ็บปวดใจ แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากลับมองไม่เห็นบาดแผล และรอยเลือดของเธอเลย
เขาเดินไปกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างเมินเฉย และกดเรียกสายภายในบริษัท “เรียก รปภ. ขึ้นมาสองคน! เดี๋ยวนี้ด่วน! ”
ถ้าต้องเห็นเจี่ยงโยวต่ออีกวินาทีเดียว ซูรุ่ยกลัวตัวเองจะอดไม่ได้ ที่จะสับเธอเป็นชิ้นๆ แล้วให้เป็นอาหารหมา
เมื่อ รปภ. ของบริษัทเข้ามาให้ห้องทำงาน ก็เห็นผู้หญิงนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น และมีเลือดอาบเต็มใบหน้า
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ลากผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไป และห้ามให้เธอเข้าใกล้บริษัทของเรา แม้แต่ก้าวเดียว!”
ได้ยินซูรุ่ยออกคำสั่งอย่างเย็นชา รปภ. ทั้งสองคนที่อยู่หน้าประตู ก็รีบเดินเข้ามาตามคำสั่งทันที จากนั้นประคองเจี่ยงโยวขึ้นมาจากพื้น เวลานี้เจี่ยงโยวราวกับร่างที่ไร้วิญญาณยังไงยังงั้น เธอยอมให้ รปภ. ทั้งสองคนประคองเธอออกไปจากห้องทำงานของซูรุ่ยแต่โดยดี เธอเอนตัวพิงมุมผนังอย่างหมดแรง และมองป้ายของบริษัทด้วยสายตาโมโห
ซูเฉิงหว่านเย่ว์
นี่เป็นชื่อสตูดิโอทำงานของซูรุ่ย
ซูเฉิงหว่านเย่ว์ ซูหว่าน
ซูหว่าน! ฮ่าฮ่า!
แววตาของเจี่ยงโยวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอและจิตใจดีเกินไป จึงทำให้ซูหว่านได้คืบจะเอาศอกแบบนี้!
เธอต้องโต้กลับ! เธอต้องการทำให้ทุกคนได้เห็นว่า ซูหว่านร้ายกาจขนาดไหน
สักวันหนึ่ง พี่ใหญ่เซียวจะเข้าใจ ว่าใครที่หวังดีกับเขาจากใจจริง