แต่เดิมเทศกาลตรุษจีนเป็นวันแห่งความสุขสันต์ ที่ครอบครัวต้องอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาของ แต่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในครอบครัวซู ถึงแม้จะถึงเทศกาลตรุษจีนแล้วก็ตาม แต่ในบ้านก็ไม่มีบรรยากาศแห่งความสุขสันต์เลย
จนกระทั่งในเวลาเที่ยงคืนของปีใหม่ ที่เสียงนาฬิกาดังขึ้น เจี่ยงโยวที่เก็บตัวอยู่ในห้องมาโดยตลอดจู่ๆ ก็ร้องไห้แล้วสารภาพกับเหวินซู และน้ำตาไหลพราก บอกว่าเธอต้องการปล่อยวางอดีต และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็หวังว่าจะสามารถละทิ้งความปรปักษ์ก่อนหน้านี้กับน้องสาว และเป็นพี่น้องที่รักกัน
ถ้าเป็นเจี่ยงโยวในอดีต ซูหว่านก็คงเชื่อในสิ่งที่เธอพูดว่าจะมีความจริงใจอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นตอนนี้นะเหรอ เหอะๆ ผีเท่านั้นแหละที่เชื่อว่าเธอต้องการให้อภัยและเคลียร์กับตัวเอง!
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากการแสดงที่หนักหน่วงของนายท่านหญิงแล้ว ดวงตาก็ดูเหมือนจะบวมจากการร้องไห้ ซูหว่านก็ได้แต่ทำแสร้งว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นความเจตนาร้ายของเธอเลย ~
หลังเทศกาลตรุษจีน โรงเรียนกำลังจะเปิดเทอมแล้ว ซูหว่านไม่มีอะไรต้องเตรียมอยู่แล้ว และเนื่องจาก “หลิงเสิน” กำลังเตรียมตัวสำหรับการเข้าสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบ การใช้ชีวิตของซูรุ่ยจึงรวดเร็วขึ้นมาก เพราะเขามักทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ จะได้เห็นตัวของซูรุ่ยน้อยครั้งมากในบ้านของตระกูลซู
มาถึงเทศกาลโคมไฟอย่างรวดเร็ว เป็นครั้งแรกที่เจี่ยงโยวชวนซูหว่านออกไปข้างนอกหลังปีใหม่ “เสี่ยวหว่าน คืนนี้ ‘ฮ่องเต้ยังวุ่นวาย’ จะออกฉายรอบปฐมทัศน์ตอนสี่ทุ่มตรง พี่ใหญ่เซียวไม่อยู่ เราไปดูรอบปฐมทัศน์ด้วยกันเถอะ”
‘ฮ่องเต้ยังวุ่นวาย’ เป็นภาพยนตร์ที่เซียวหยุนอี้เข้าร่วมการแสดงด้วย ดังเช่นชะตากรรม บางสิ่งบางอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่บางอย่างก็ดูเหมือนจะถูกลิขิตไว้แล้ว
ไม่มีการห้ามหรือตักเตือนจากซูรุ่ย สุดท้ายแล้วเซียวหยุนอี้ก็ได้เข้าร่วมการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ และเป็นบทเดิมที่ซูหว่านรู้อยู่แล้ว เขารับบทเป็นพระเอกคนที่สาม องค์ชายคนที่หก
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ จริงๆ แล้วซูหว่านก็สนใจมาก เห็นเจี่ยงโยวตั้งหน้าตั้งตาจ้องมองตัวเอง ซูหว่านอดใจไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างลึกซึ้ง “ได้ วันนี้ฉันก็กะว่าจะไปให้กำลังใจหยุนอี้เหมือนกัน”
เห็นซูหว่านตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนั้น แววตาแห่งความสุขลอยผ่านใต้ตาของเจี่ยงโยวอย่างรวดเร็ว “ได้เลย งั้นเราตกลงตามนี้นะ”
หลังจากที่ออกจากห้องของซูหว่าน เจี่ยงโยวขยับมุมปากขึ้นอย่างได้ใจ และส่งข้อความหาเวินเหวินเฮ่าอีกรอบ“สี่ทุ่มคืนนี้ รอข่าวจากฉันได้เลย”
หกโมงยามเย็น เมื่อทานข้าวเสร็จ เจี่ยงโยวแต่งตัวอย่างคึกคัก แล้วนั่งเหม่อลอยจ้องนาฬิกาแขวนที่อยู่บนผนัง กะจิตกะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในใจคิดว่าจะทำให้ซูหว่านสูญเสียทั้งฐานะ และชื่อเสียงเกียรติภูมิเร็วๆ นี้แล้ว เจี่ยงโยวรู้สึกว่าเซลล์ทั่วร่างกายมันกำลังเดือดเลย ยิ่งเวลาแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเวลามันชั่งผ่านไปช้าเหลือเกิน
“ติ๊ก ติ๊ก”
ทันใดนั้นก็มีข้อความหนึ่งเด้งมาที่หน้าจอโทรศัพท์ของเจี่ยงโยว ตอนแรกเจี่ยงโยวก็แค่มองผ่านๆ ในวันเทศกาลแบบนี้ ปกติแล้วก็จะเป็นข้อความอวยพร หรือข้อความโปรโมทจากร้านค้า แต่เมื่อเจี่ยงโยวเห็นชื่อของเวินเหวินเฮ่าบนนั้น เธอหยุดนิ่งไปสักพัก ร้อนตัวขึ้นมาทันที และฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่สังเกต รีบเดินไปที่ห้องน้ำชั้นหนึ่ง
ข้อความของเวินเหวินเฮ่าสั้นมาก เขาบอกว่าตัวเองมีเรื่องรีบร้อนที่ต้องคุยกับเจี่ยงโยวก่อน แล้วยังส่งโลเคชั่นมาด้วย เจี่ยงโยวรู้ว่านั้นคือวิลล่าส่วนตัวของเวินเหวินเฮ่า เมื่อก่อนเธอเคยไปมาแล้วสองครั้ง
เห็นว่าแผนแก้แค้นของตัวเองใกล้ความจริงขึ้นทุกทีแล้ว เวลานี้แบบนี้ หรือว่าเวินเหวินเฮ่าจะเปลี่ยนใจกะทันหัน? หรือว่าเขาคิดว่าอยากได้ “ผลประโยชน์” บางอย่างจากตัวเองก่อน?
แววตาของเจี่ยงโยวกะพริบไปมา เธอรู้ว่าวิลล่าของเวินเหวินเฮ่าความจริงแล้วไม่ได้ไกลจากบ้านซูสักเท่าไหร่ ถ้าตัวเองไปตอนนี้ละก็ น่าจะกลับมาทันก่อนสามทุ่ม แต่ถ้าเวินเหวินเฮ่ามีแผนไม่ดีอะไรละก็…
เจี่ยงโยวกำหมัด เธอไม่ได้เป็นคนเดิมเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป จะไม่โดนใครรังแกอีกต่อไปแล้ว
เห็นเจี่ยงโยวออกไปอย่างรีบร้อน ซูหว่านก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอก็ยังคงนั่งดูทีวีและส่งข้อความหาซูรุ่ยไปด้วยความเบื่อหน่าย
แม่ทัพซู “ผู้หญิงบ้าออกมาหรือยัง? ”
ซูหว่าน “อืม คุณทำอะไรลงไปกันแน่นะ? ”
แม่ทัพซู “ความลับ~”
ซูหว่าน “คืนนี้ไปดูหนังด้วยกันไหม?”
แม่ทัพซู “หยุนอี้ให้ตั๋วแขกรับเชิญพิเศษกับฉัน สี่ทุ่มฉันไปรอคุณนะ”
ซูหว่าน “ได้เลย”
พอจบการสนทนากับซูรุ่ย ซูหว่านก็คิดได้ว่าตั๋วสองใบที่เจี่ยงโยวให้กับตัวเองในตอนเช้า เธออดใจไม่ไหวและส่งข้อความไปหาหลัวอวี่ “ฮ่องเต้ยังวุ่นวาย” จะดูไหม? คืนนี้สี่ทุ่มที่โรงหนังชั้นห้าของเมืองใหม่ ในมือของพี่ซินเดอร์เรลล่ามีตั๋วนะ~
หลังจากที่ส่งข้อความไป ซูหว่านก็ได้โทร.ไปหาสวี่นั่วอีกหนึ่งสาย สามทุ่มสี่สิบนัดเจอกันที่หน้าโรงหนัง
พอทำทั้งหมดนี้เสร็จ ซูหว่านก็ได้บิดขี้เกียจอย่างสบายใจ
ความเป็นจริงแล้ว เรื่องพรหมลิขิตระหว่างมนุษย์มันแปลกประหลาดมากจริงๆ
ก็เหมือนที่สวี่นั่วแอบชอบหลัวอวี่แบบเงียบๆ มาโดยตลอด
แต่หลัวอวี่กลับไม่เคยลืม และคิดถึงพี่ซินเดอร์เรลล่าในงานเต้นรำนั้นตลอด
สิ่งที่พวกเขารักกันอยู่ คือกันและกันจริงหรือ?
การแอบชอบก็เหมือนโลกแห่งความฝันที่ไม่อาจตื่นขึ้นมาได้ คุณจะยอมจมปักอยู่ในนั้นโดยไม่รู้วันรู้คืน แต่ถ้าหากมีอยู่วันหนึ่ง ฝันนี้โดนใครสักคนมาบังคับให้มันจบลง เมื่อคุณออกจากโลกแห่งความฝันแล้วกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เมื่อคุณได้สัมผัสกับคนที่คุณแอบชอบมานานแบบจริงจัง ถ้าคุณเดินเข้าหาเขา เข้าใจเขา เขาจะยังคงเป็นคนนั้นคนที่อยู่ในฝันคุณตั้งแต่แรกหรือไม่?
สิ่งที่จะทำให้คุณตกหลุมรักใครสักคนตั้งแต่แรกเจอ มักเป็นเรื่องของหน้าตา
แต่สิ่งที่ทำให้คุณคิดถึงและลืมไม่ลง ก็เป็นเรื่องของความรู้สึก ณ เวลานั้นเท่านั้นเอง
ซูหว่านไม่ได้มีใจที่จะทำให้เขาลงเอยกัน เธอแค่สามารถทำให้สวี่นั่วและหลัวอวี่ไม่พลาดจากกันและกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ว่าเขาสองคนเหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกันหรือไม่ นั้นเป็นเรื่องความรู้สึกของทั้งสอง และเป็นชีวิตของพวกเขาเอง
ปกติซูหว่านไม่เคยสนใจเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาก็แค่ตอบแทนบุญคุณ ที่ติดไว้กับสวี่นั่วและหลัวอวี่เท่านั้นเอง……
ในขณะที่ซูหว่านทำทุกอย่างเรียบร้อย เจี่ยงโยวที่ออกไปอย่างรีบร้อน ก็ได้นั่งรถมาถึงหน้าบ้านของเวินเหวินเฮ่า มองไปที่ห้องรับแขกของวิลล่าที่มีดวงไฟงดงาม เจี่ยงโยวหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เดินไปกดกริ่งที่หน้าประตู
ในวิลล่าไม่มีใครตอบรับ เจี่ยงโยวรอไปสักครู่ อดใจไม่ไหวเลยโทร.ไปที่เบอร์ของเวินเหวินเฮ่า แต่ผลลัพธ์คือโทรศัพท์เขาก็ไม่มีใครรับสาย
นี่……
เจี่ยงโยวใช้แรงตีประตูใหญ่ของวิลลาด้วยความลังเล แต่ในเวลานี้ผลที่ได้คือ ประตูใหญ่ของวิลล่ากลับเปิดออกมาจากแรงตีของเธอ
ประตูไม่ได้ล็อกเหรอ?
สถานการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ ถ้าเป็นคนปกติแล้วคงจะลังเลว่าจะแจ้งความหรืออาจจะกลับตัวแล้วจากไปเลย?
เจี่ยงโยวของเราเป็นถึงนางเอก จะกลับตัวแล้วจากไปได้อย่างไร?
กฎข้อแรงของนางเอก “มีความลำบากต้องสู้ ไม่มีความลำบาก ต้องสร้างความลำบากและต้องสู้อย่างแน่วแน่”
เจี่ยงโยวลังเลไปหนึ่งวินาที แล้วก็เดินก้าวใหญ่เขาไปในวิลล่า ในวิลล่าเปิดไฟไว้ แต่ในห้องรับแขกกลับว่างเปล่า
มีกลิ่นคาวเลือดเบาๆ ลอยมาจากชั้นสองของวิลล่าเรื่อยๆ สีหน้าของเจี่ยงโยวเริ่มเปลี่ยนไป เธอเร่งฝีเท้าแล้วเดินขึ้นไปบนตึก
กลิ่นคาวเลือดลอยมาจากห้องสักห้องของชั้นสอง เจี่ยงโยวจำได้ว่าห้องห้องนั้นเป็นห้องนอนของเวินเหวินเฮ่า
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา?
ในความใจร้อนของเจี่ยงโยวเธอรีบใช้แรงเปิดประตูห้องออกมา เดินบุกเข้าไปโดยไม่ได้ระมัดระวังอะไรเลย ในขณะที่เขาบุกเข้าไป ทันใดนั้นมีคนใช้มือปิดปากและจมูกของเธอจากด้านหลัง มากับกลิ่นแปลกๆ เจี่ยงโยวรู้สึกว่าตรงหน้าเบลอไปหมด และก่อนที่จะหมดสติ เธอดิ้นรนและเห็นหน้าที่บิดเบี้ยวจนไม่เป็นรูปเป็นร่างของเวินเหวินเฮ่าที่อยู่ข้างหลังของตัวเอง
สี่ทุ่มคืนนี้ ‘ฮ่องเต้ยังวุ่นวาย’ ออกฉายตรงเวลา โรงหนังมืดมนไปหมด และนั่งเต็มไปด้วยคนที่มาดูรอบปฐมทัศน์
ซูหว่านและซูรุ่ยนั่งกันอย่างสบายที่ห้องรับแขกพิเศษ ดูกันอย่างตั้งใจตลอดทั้งเรื่อง เป็นหนังที่ทำให้เซียวหยุนอี้มีชื่อเสียงขึ้นมา เมื่อหนังจบ ตอนที่เดินออกมาจากโรงฉายหนัง ซูหว่านสังเกตเห็นว่ามีผู้ชมกลุ่มผู้หญิงที่ร้องไห้ตาแดงกันเยอะมาก
“อ่า นั่นมันหลัวอวี่ไม่ใช่หรือ”
ตอนที่ซูรุ่ยเดินออกมา เขามองแค่แวบเดียวก็เจอคนที่ตัวเองคุ้นเคยในกลุ่มคนนั้น “คนที่อยู่ด้วยกันกับเขา……คือสวี่นั่วใช่ไหม”
สำหรับสวี่นั่วแล้ว ซูรุ่ยไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านี้ ซูหว่านเคยเล่าเรื่องของสวี่นั่วและหลัวอวี่ให้เขาฟัง เพราะฉะนั้นซูรุ่ยเลยรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างๆ หลัวอวี่ต้องเป็นสวี่นั่วแน่นอน
ณ ตอนนี้สวี่นั่วก็เหมือนจะซาบซึ้งในฉากการแสดงของหนังอยู่ กำลังถอดแว่นและหมุนตัวไปข้างๆ เช็ดน้ำตาอยู่
“อืม ฉันนัดพวกเขามาเอง ไม่เปลืองตั๋วหนังสองใบที่เจี่ยงโยวให้จะดีกว่าน่ะ”
เมื่อได้ยินคำถามของซูรุ่ย ซูหว่านเลยเล่าเรื่องที่ตัวเองนัดทั้งสองคนมาดูหนังออกมาตรงๆ เลย
เธอเชื่อว่าถ้าหากหลัวอวี่คิดถึง และลืมพี่ซินเดอร์เรลล่าไม่ลงจริงๆ เขาก็ต้องเจอร่างที่คุ้นเคยคนนั้นในกลุ่มคนพวกนี้
เมื่อได้ยินประโยคที่ซูหว่านพูด ซูรุ่ยหัวเราะและกอดที่ไหล่ของเขา “ภรรยาของฉันกลายเป็นแม่สื่อตั้งแต่เมื่อไหรเนี่ย”
ซูเสี่ยวหว่าน คุณลืมแล้วหรือว่าคุณเป็นถือผู้ทำลายล้างคนหนึ่ง มีภารกิจที่ทำลายคู่CPนะ
ชำเลืองเห็นแววตาที่ท้าทายของซูรุ่ย แต่ซูหว่านกลับมองไปที่สวี่นั่วและหลัวอวี่ในกลุ่มคนด้วยความไมตรี “สำหรับบางคน ก็เหมาะกับการเก็บไว้ในใจลึกๆ สำหรับบางคน ก็แค่เหมาะกับการคิดถึงและลืมไม่ลง บางครั้งคนที่ดูแล้วเหมาะสมกันทุกด้าน ก็มั่นใจไม่ได้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย จริงๆ แล้ว ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะไปด้วยกันได้”
ในโลกใบนี้มีผู้คนอยู่น้อยมากที่ทั้งชีวิตนี้ จะตกหลุมรักคนแค่คนเดียวเท่านั้น
ตอนที่อยากจะรัก ก็จงอย่าลังเลและใช้แรงใจทั้งหมดไปรัก ถึงแม้ตอนท้ายจะไม่เหมาะสมกัน ถึงแม้ต้องจากกัน อย่างน้อยคุณก็เคยได้รักแบบไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
ซูหว่านเคยรัก เคยเกลียด และเคยสิ้นหวัง เคยสับสน แต่โชคดี ที่เขาได้เจอกับซูรุ่ย
ถ้าคุณได้พบเจอกับคนแบบนี้ ถ้าหากยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้สักที ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องพลาดจากกัน
หากกล้าที่จะมุ่งหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่แน่ คุณก็อาจจะสามารถมีแม่ทัพซูของตัวเองไว้ครอบครอง