หลังออกจากคลับซืออวี่ เจี่ยงโยวก็แทบจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟพุ่งกลับตระกูลซู เพื่อไปคิดบัญชีกับซูหว่าน แต่คนรับใช้ตระกูลซูกลับบอกเธอว่าซูหว่านบินไปต่างประเทศตั้งแต่เช้าแล้ว
ในที่สุดเจี่ยงโยวก็รู้แล้วว่าตัวเองหลงกลแผนของซูหว่านมาตั้งแต่ต้น จึงลงไปนั่งกับพื้นอย่างตื่นตระหนก…
เธอรู้สึกว่าตัวเองจบสิ้นแล้ว ชั่วชีวิตนี้ได้จบสิ้นลงแล้ว
เรื่องของเธอกับเวินเหวินเฮ่าถูกคนเห็นไปมากขนาดนั้น ในคราวเดียวกัน ยังถูกโอวหยางลั่วเตือนและข่มขู่อีก เธอรู้ว่าตัวเองอยู่เฟิงเหิงต่อไปไม่ได้แล้ว มากไปกว่านั้นเธอยังกลายเป็นตัวตลกไปทั่วเมือง D อีกด้วย
วันต่อมา คลิปวีดีโอของเจี่ยงโยวกับเวินเหวินเฮ่าก็เริ่มถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้างตลอดทั้งเมือง D โดยเฉพาะซูไห่เฉิง ก็ได้รับเป็นตัวสำเนาหนึ่งชุด สำหรับเรื่องเสื่อมเสียต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีงามทำนองนี้ ในฐานะผู้เป็นพ่อก็ให้รู้สึกอับอายขายหน้า ในขณะเดียวกันก็ย่อมเจ็บปวดใจไปด้วยเป็นธรรมดา
เมื่อซูหว่านที่ไปต่างประเทศเป็นเพื่อนซูรุ่ยกลับมาอย่างผู้มีชัย เรื่องของเจี่ยงโยวและเวินเหวินเฮ่าก็ยังแพร่กระจายทั่วแวดวงชั้นสูงของเมือง D อยู่…
คุณหนูตัวจริงแล้วเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าชอบทำเรื่องที่ไม่กล้าเปิดเผยต่อหน้าผู้คนหรอกหรือ?
ที่เรียกกันว่าคำพูดคนนั้นน่ากลัว สำหรับเจี่ยงโยวที่แต่เดิมมาจากหมู่บ้านในชนบท สิ่งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นถึง “ท่าทีของคนชั้นสูง” ที่เขาว่ากันด้วยตัวเอง
ในยามที่พวกเธอประจบประแจงคุณ คุณก็จะเหมือนนั่งอยู่บนยอดเมฆ แต่ยามที่พวกเธอเหยียบย่ำคุณ คุณก็จะจมลึกลงไปในกองโคลน ไม่อาจที่จะแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย
ในเวลานี้เจี่ยงโยวถึงเข้าใจความหมายแฝงของคำว่า “บ้าน” คำนี้ เมื่อมีคุณพ่อคุณแม่ที่เปรียบดั่งพระมัญชุศรีโพธิสัตว์คอยปกป้องทั้งกลางวันและกลางคืน อารมณ์ของเจี่ยงโยวจึงค่อยๆ สงบลงในที่สุด
แต่เมื่อซูหว่านและซูรุ่ยกลับประเทศมา ก็กลายเป็นชนวนระเบิดแห่งความบ้าคลั่งให้เจี่ยงโยว…
“ซูหว่าน เป็นเธอ! เป็นฝีมือของเธอ! ทำไมเธอจะต้องให้ร้ายฉันถึงขนาดนี้ เธอทำไมถึงอำมหิตได้ถึงขนาดนี้!”
เมื่อผ่านไปหลายวัน สีหน้าของเจี่ยงโยวดูจะเหม่อลอย และเ**่ยวแห้งไปถนัดตา แต่ในยามที่ได้เห็นซูหว่านเข้าประตูมานั้น สายตาของเจี่ยงโยวก็เปล่งแสงแห่งความเยือกเย็นออกมาทันที จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปหาซูหว่าน ยกมือคิดจะตบหน้าซูหว่าน
ภายในห้องโถงใหญ่ไม่มีใครห้ามเจี่ยงโยวได้ทัน แต่คนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังซูหว่านกลับไวกว่าเจี่ยงโยว
“เพียะ! ”
เสียงตบหน้าเจี่ยงโยวดังกังวานไปทั่ว เธอยืนตัวแข็งทื่อ มองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างมึนงง
“ซู……”
“เจี่ยงโยว เป็นเธอที่หาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น”
ซูรุ่ยพูดขัดจังหวะเจี่ยงโยว เดิมเขาและซูหว่านไม่มีความคิดที่จะเผยแพร่ออกไปเลยจริงๆ แต่เจี่ยงโยวเอาแต่สะกดรอยตามซูหว่านไม่เลิก ยิ่งไปกว่านั้นยังติดเครื่องดักฟังไว้ในมือถือของเธออีก นี่เท่ากับแตะโดนฟางเส้นสุดท้ายของซูหว่านแล้ว
ดั่งที่เขาเรียกกันว่าหาเหาใส่หัว เจี่ยงโยวอยู่ดีๆ ไม่ชอบ ดันพาตัวเองไปหาความตายเสียเอง
“เจี่ยงโยว อย่าโยนเรื่องไปใส่คนอื่นสิ”
ซูหว่านเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วมองดวงตาทั้งสองของเจี่ยงโยว ที่บ่งบอกความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ยังดื้อรั้นอยู่ “เป็นฉันบอกให้พี่ขึ้นเตียงกับเวินเหวินเฮ่าหรือคะ เป็นฉันบีบบังคับให้พี่กิ๊กกับโอวหยางลั่วหรือเปล่า หรือฉันไปบังคับขู่เข็ญให้พี่สะกดรอยตามฉันกับหลัวอวี่? ในเมื่อพี่ชอบแอบส่องเรื่องส่วนตัวของคนอื่นขนาดนี้ ครั้งนี้ฉันก็เลยทำให้พี่สนุกให้พอ ให้คนทั้งเมืองได้เห็น ว่าพี่สวยจับใจผู้คนมากขนาดไหน มีความต้องการที่ไม่เคยพอ! พี่ก็ไม่ต้องขอบใจฉันหรอกนะคะ ใครใช้ให้พี่เป็นพี่สาวที่แสนดีของฉันกันล่ะ พี่ดูแลฉันมานานขนาดนี้ ครั้งนี้ฉันก็ขอมอบตอบแทนให้พี่ในฐานะน้องสาวก็แล้วกันค่ะ! ”
“ซูหว่าน เธอ! ”
เจี่ยงโยวถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของซูหว่าน จึงคิดจะลงมืออีกครั้ง แต่หางตาชำเลืองไปเจอเข้ากับสายตาที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งของซูรุ่ยเข้า เจี่ยงโยวจึงชะลอการเคลื่อนไหวลงอีกครั้ง “พี่ใหญ่เซียว เขาทำแบบนี้ พี่ยังทำเป็นมองไม่เห็นอีกเหรอคะ ถึงฉัน……ฉันจะสะกดรอยตามเขา แต่ฉันก็ไม่ได้อำมหิตถึงขนาดเอา……คลิปวิดีโอลับของคนอื่นไปเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนอย่างเขานี่คะ”
“เหอะ”
พอได้ยินเจี่ยงโยวที่ถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังเข้าใจว่าตัวเองไม่ผิด ทั้งหมดทั้งปวงเป็นความผิดของซูหว่านอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม่ทัพซูก็ได้แต่ เหอะๆ ออกมาเท่านั้น
“ฉันเคยได้ยินคำพูดโบราณอยู่ประโยคหนึ่งประมาณว่า ปล่อยให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ชาวบ้านจุดตะเกียง เจี่ยงโยว ในเมื่อเธอสะกดรอยตามเพื่อแอบส่องซูหว่านได้ แล้วทำไมซูหว่านจะโต้กลับไม่ได้ล่ะ อีกอย่าง ถ้าหากตัวเธอเองไม่ได้ทำ เขาจะปรักปรำเธอสำเร็จหรือ ถ้าหากเธอยินยอมเธอก็สามารถปล่อยคลิปวิดีโอได้นะ อ้อ จริงสิ! เกือบลืมไป ภรรยาบ้านฉันไม่นอนกับชายอื่นง่ายๆ เหมือนใครบางคนเสียหน่อย ถ้าเธออยากได้คลิปวิดีโออันนี้ ก็ต้องรอให้พวกเราแต่งงานกัน แล้วไปปลุกห้องเจ้าสาวแทน ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ให้โอกาสนี้กับเธอแน่”
พูดจบ ซูรุ่ยก็เอามือผลักเจี่ยงโยวไปข้างๆ อย่างรำคาญ จากนั้นก็หันไปมองซูหว่านด้วยแววตาที่อ่อนโยน “ที่รัก อย่าไปสนใจเขาเลยนะ สมองเขาป่วย เธอนั่งเครื่องบินมานานขนาดนี้คงจะเหนื่อยแย่แล้วสินะ? เดี๋ยวฉันไปเตรียมน้ำอาบให้เธอ แล้วพวกเรามาอาบน้ำกันดีกว่า! ”
ในแววตาที่อยากจะกินคนอยู่แล้วของเจี่ยงโยว แม่ทัพซูยังคงใบหน้าอ่อนโยนจับจูงภรรยาของตัวเอง ขึ้นชั้นบนไปอย่างเอาอกเอาใจเหมือนเดิม……
พอเห็นแผ่นหลังของคนทั้งสองที่เดินห่างออกไปแล้ว เจี่ยงโยวก็ขบฟันอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าสวยๆ ก็บิดเบี้ยวตามไปโดยปริยาย
“เสี่ยวโยว น้องของเธอก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้ แต่เธอก็……เฮ้อ! เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในบ้าน พ่อและแม่ของลูกก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกัน”
ซูไห่เฉิงที่เงียบมาตลอด ทนไม่ได้ที่จะเห็นบ้านที่กำลังดีๆ อยู่ก็ต้องมากระจัดกระจายกันไปแบบนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบใจเบาๆ ออกมาสองสามคำ
แต่พอได้ยินคำพูดของพ่อ เจี่ยงโยวก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจเท่านั้น…
ตระกูลซูเหรอ?
ตอนที่ซูหว่านยังไม่กลับมา เธอยังรู้สึกว่าพ่อแม่ของตัวเอง เป็นดั่งที่หลบภัยให้กับตัวเอง แต่ตอนนี้ซูหว่านกลับมาแล้ว ตัวการสำคัญที่ให้ร้ายเธอได้มาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ซูไห่เฉิงและภรรยากลับไม่แยแสในการกระทำผิดของซูหว่านเลย……
พ่อแม่แบบนี้ช่างทำให้รู้สึกผิดหวังเสียจริง
“หนูเหนื่อยแล้ว หนูขอตัวขึ้นไปชั้นบนก่อนนะคะ”
เจี่ยงโยวคลายกำปั้นของตัวเองออก แล้วหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบนอย่างช้าๆ หลังจากกลับเข้าห้องของตัวเองแล้ว แววตาของเจี่ยงโยวก็ฉายแววความบ้าคลั่งออกมา เธอหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรของเวินเหวินเฮ่าอย่างรวดเร็ว
“มีเรื่องอะไรหรือครับ? ”
ตั้งแต่ที่เรื่องนั้นถูกเผยแพร่ออกไป ชีวิตความเป็นอยู่ของเวินเหวินเฮ่าในเฟิงเหิงก็ไม่ได้ดีไปสักเท่าไหร่ ใครให้เฟิงเหิงเป็นอาณาเขตของตระกูลโอวหยางกันล่ะ?
แม้ตระกูลเวินจะเป็นตระกูลใหญ่ และมีธุรกิจใหญ่โตเช่นเดียวกัน แต่ตระกูลเวินไม่ใช่ตระกูลท้องถิ่น เปรียบดั่งน้ำไกล ย่อมไม่อาจดับกระหายได้ทันกาล ยังดีที่เวินเหวินเฮ่าเป็นคนที่รู้จักคบค้าสมาคมกับผู้อื่นเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เขาไม่ได้ติดต่อเจี่ยงโยว แล้วยังไปเยี่ยมเยือนคุณปู่ของโอวหยางลั่วด้วยตนเอง เดิมทีทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ขัดแย้งในด้านผลประโยชน์อะไร ก็แค่เรื่องเล็กๆ อย่าง “ความรักฉันท์ชู้สาว” เท่านั้น ก็ต้องทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็ให้แล้วๆ กันไปเป็นธรรมดา
วันนี้จู่ๆ ได้รับโทรศัพท์จากเจี่ยงโยว น้ำเสียงของเวินเหวินเฮ่าจึงดูเย็นชาเป็นอย่างมาก
หลายปีมานี้เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แม้เจี่ยงโยวจะเป็นหนึ่งในคนที่หน้าตาดี งานดีคนหนึ่ง ร่างกายอันนุ่มนิ่มและยืดหยุ่น นั่นก็ทำให้เขาหลงใหลเป็นพิเศษจริงๆ แต่ตอนนี้เธอได้ล่วงเกินตระกูลโอวหยางและตระกูลหลัวซึ่งเป็นสองตระกูลท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงเวินเหวินเฮ่ายังมีไอคิวอยู่บ้างสักหน่อย เขาก็ควรจะขีดเส้นแบ่งเขตกับเจี่ยงโยวเอาไว้ให้เด็ดขาด
จากที่คุยกันในโทรศัพท์ เจี่ยงโยวสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเวินเหวินเฮ่าเช่นกัน แต่เธอไม่สนใจ ตัวเธอก็ไม่ได้ชอบอะไรเวินเหวินเฮ่าจริงๆ สักหน่อย
“ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากขอให้คุณช่วยน่ะค่ะ”
“ผมเกรงว่าจะช่วยอะไรคุณไม่ได้ครับ”
เวินเหวินเฮ่ากล่าวปฏิเสธอย่างเด็ดขาดมาก อีกทั้งเขายังไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าเจี่ยงโยวจะให้เขาช่วยเธอทำอะไร?
“คุณคิดว่าหุ่นของซูหว่านเป็นอย่างไรล่ะคะ”
จู่ๆ เจี่ยงโยวก็พูดล่อลวงเบาๆ ออกมาทางโทรศัพท์ “น้องสาวฉันคนนี้มีแต่คนชอบทั้งนั้นเลยนะคะ”
ซูหว่านเหรอ?
เวินเหวินเฮ่าไม่ได้วางโทรศัพท์ในทันที ในสมองของเขาเริ่มปรากฏใบหน้าที่ทั้งสวยทั้งเย็นชาอย่างเกินเลยของซูหว่านออกมา
ถึงขนาดได้รับฉายาดาวโรงเรียน เป็นธรรมดาที่จะต้องมีรูปโฉมงดงาม และท่าทีที่เย็นชาเป็นของคู่กัน
กับเรื่องรูปโฉมจับใจคนเช่นนี้ เวินเหวินเฮ่าย่อมไร้ภูมิต้านทานเป็นธรรมดา
“ถ้าคุณชอบ ฉันช่วยจัดการให้คุณได้ค่ะ”
น้ำเสียงของเจี่ยงโยวต่ำมากๆ และยังเต็มไปด้วยความแน่วแน่อีกด้วย
“ทำไมล่ะ”
เวินเหวินเฮ่าที่มีอาการกระวนกระวายใจขึ้นมาบ้าง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เธอต้องการจะแก้เผ็ดเขาเพราะเรื่องคลิปวิดีโอใช่ไหม”
“ฉันกับเธอแค่ตาต่อตา ฟันต่อฟันก็เท่านั้น เธอคิดจะทำให้ฉันต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ฉันก็จะทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของเธอต้องป่นปี้เช่นกัน! ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเ**้ยมโหดในน้ำเสียงของเจี่ยงโยว เวินเหวินเฮ่าก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
พิษจากเหล็กในของตัวต่อยังพอว่า แต่พิษที่ร้ายสุดคือจิตใจของผู้หญิง เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ในโลกนี้ สิ่งมีชีวิตประเภทที่ไม่ควรไปทำให้โมโหที่สุดก็คือผู้หญิงนี่ล่ะ
แต่ว่ามีสาวงามมาอยู่ตรงหน้า มีโอกาสที่จะได้จูบความหอมหวานของดาวโรงเรียนสักครั้งมาตั้งอยู่ตรงหน้า เวินเหวินเฮ่าจะปล่อยให้พลาดไปได้อย่างไร?
“เอาละ ในฐานะที่คุณกับผมมีความสัมพันธ์อันดีร่วมกัน ความแค้นในครั้งนี้ผมจะช่วยคุณเอง”
เมื่อได้ยินถึง “ความมีคุณธรรมและเข้มงวด” ในคำพูดของเวินเหวินเฮ่า เจี่ยงโยวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา เขาและซูหว่านต่างก็เป็นของเลวๆ ประเภทเดียวกันเท่านั้น……