ซูเสี่ยวหว่าน ช่วยด้วย!
ซูหว่านเพิ่งออกมาจากยานหมายเลขสอง กำลังเตรียมที่จะตรวจเช็คตารางสำหรับภารกิจในครั้งต่อไป ประตูของห้องปฏิบัติการหมายเลขสองก็ถูกคนผลักเข้ามาจากภายนอกอย่างกระทันหัน ติงเจียเจียวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วดั่งพายุ วิ่งตรงเข้าไปหมายจะสวมกอดซูหว่านอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น โชคดีที่ซูหว่านหลบทัน จึงทำให้ติงเจียเจียกอดได้แค่อากาศเท่านั้น
ซูเสี่ยวหว่าน หว่านหว่าน
ติงเจียเจียมองหน้าซูหว่านด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังจากที่ได้รู้ว่าซูหว่านก็ยิ้มเป็นเหมือนกัน ติงเจียเจียก็รู้สึกว่าตัวเองควรที่จะพูดคุยกับซูเสี่ยวหว่านดีดี เพื่อกระชับมิตรระหว่างเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้น
เธอมีเรื่องอะไร?
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับความสนิทสนมอย่างกระทันหันของติงเจียเจีย ต้องขออภัยให้ซูหว่านด้วยที่ตั้งรับไม่ทัน
หว่านหว่าน
ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของติงเจียเจียกำลังทำหน้าตาน่าสงสารจ้องมองไปที่ใบหน้าของซูหว่าน เธอต้องช่วยฉันนะ มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถช่วยฉันได้
ว่าแล้วเชียว ว่าต้องมาทำดีหวังผล
เรื่องอะไร?
ถึงแม้ว่าซูหว่านจะไม่ค่อยสนิทกับคนในแผนกเท่าไร แต่ว่านิสัยจริงๆ ของเธอก็ไม่ใช่คนเย็นชาอะไร
ช่วยผ่านภารกิจหนึ่งให้ฉันหน่อยสิ
ติงเจียเจียเปิดภารกิจของตัวเองในเครื่องรับสัญญาณออกมาทันที ภารกิจนี้ฉันทำมาสามรอบ! สามรอบเลยนะ! ซูเสี่ยวหว่านเธอรู้ไหม นี่เป็นนางเอกที่ฉันจัดการได้ยากมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ! ขอร้องละ ช่วยฉันจัดการหน่อยสิ ไม่ เธอช่วยฉันละลายพฤติกรรมยัยนี่หน่อยเถอะ ฉันใช้วิธีการทุกอย่างที่ฉันมีไปหมดแล้ว ทั้งแย่งผู้ชายของเธอ ทำให้เพื่อนสนิทของเธอตาย ให้ตายเหอะ สุดท้ายเธอยังยอมมารับมีดแทนฉันอีก ฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ ฉันกลัวว่าถ้าฉันยังทำภารกิจนี้ต่อไปอีกละก็ ไม่วันใดวันหนึ่ง ฉันจะต้องถูกเธอคนนี้ละลายพฤติกรรมฉันไปด้วยแน่เลย
เอ่อ
ได้ยินคำพูดของติงเจียเจีย บนใบหน้าของซูหว่านก็มีประกายความสนุกปรากฏขึ้นมา
คนที่สามารถทำให้ติงเจียเจียกลายเป็นแบบนี้ไปได้จะต้องเป็นนางเอกที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ? ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นคนที่มีประกายความเป็นแม่พระเต็มเหนี่ยวอย่างแน่นอน
ซูหสี่ยวหว่าน หว่านหว่าน เธอตกลงรับปากเถอะนะ!
ติงเจียเจียเห็นว่าซูหว่านเริ่มคล้อยตามแล้ว ก็รีบใช้ดวงตากลมโตของเธอกระพริบตาปริ่มๆ จ้องมองซูหว่านอย่างคนน่าสงสารทันที
ก็ได้ ส่งภารกิจมาให้ฉันเลย ฉันขอดูก่อน ถ้าหากว่ามีบทบาทที่เหมาะสมกับฉัน ฉันก็จะรับมาทำให้
มีมีมี จะต้องมีบทบาทที่เหมาะสมกับเธออย่างแน่นอน
เมื่อซูหว่านยอมตกลงแล้ว ติงเจียเจียก็รีบส่งข้อมูลของภารกิจนี้เข้าไปในเครื่องมือสื่อสารของซูหว่านอย่างตื่นเต้นดีใจโดยทันที
เงื่อนไขในการทำภารกิจของซูหว่านติงเจียเจียเองก็รู้ดีอยู่แล้ว ข้อที่หนึ่ง ฐานะของตัวละครจะต้องเป็นแฟนเก่าของพระเอก ข้อสอง ก่อนที่จะเข้าสู่ภารกิจนั้นๆ บุคคลผู้นี้จะต้องไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ่งกับใครมาก่อน เงื่อนไขแบบนี้ในสายตาของติงเจียเจียดูออกจะพิลึกคนไปหน่อย แต่บังเอิญว่าในโลกแห่งภารกิจนี้มีตัวละครสำคัญในเนื้อเรื่องที่ตรงตามเงื่อนไขสองข้อนี้อยู่ซะด้วยสิ
เมื่อลองอ่านเนื้อเรื่องดูคร่าวๆ แล้ว ซูหว่านก็พยักหน้าขึ้นลง โอเค ฉันรับภารกิจนี้
ขอบคุณมากนะ จุ๊บจุ๊บ
ติงเจียเจียก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเขย่งปลายเท้าขึ้นหวังจะจุ๊บไปที่แก้มของซูหว่าน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ซูหว่านหลบได้ทัน
ติงเจียเจีย ฮือๆ ๆ รู้สึกเหมือนว่าถูกซูเสี่ยวหว่านรังเกลียดเลย ช่วยมาปลอบใจฉันที…
เมื่อเห็นว่าซูหว่านรับภารกิจและเดินเข้าไปที่ห้องเชื่อมต่อแล้ว ติงเจียเจียยังคงยืนไว้อยู่ที่ห้องรับรองหมายเลขสองอย่างคนที่ยังตัดใจไม่ได้ เฮ้อ เมื่อไรตัวเองจะได้มาทำภารกิจที่ห้องนี้บ้างนะ ได้ยินมาว่าห้องโดยสารของยานหมายเลขสองนั่งสบายกว่ายานหมายเลขสามเยอะเลย
ในตอนที่ติงเจียเจียยังคงยืนมองยานเชื่อมต่อด้วยสายตาอิจฉาอยู่นั้น เครื่องแสดงพิกัดในเครื่องสื่อสารของเธอก็มีแสงไฟสว่างวาบขึ้นมาทันที
ให้ตายเหอะ ในที่สุดพ่อเทพบุตรก็มาทำภารกิจแล้ว
ติงเจียเจียรีบเปิดดูโปรแกรมแสดงตำแหน่งของห้วงมิติอย่างตื่นเต้นดีใจ หลังจากนั้น ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว
หันมามองดูห้องเชื่อมต่อของซูหว่าน สีหน้าของติงเจียเจียก็เป็นประกายมองดูเครื่องแสดงตำแหน่งที่กำลังแสดงตำแหน่งสัญญาณของห้วงมิติ
โลกภารกิจที่พ่อเทพบุตรเข้าไปทำภารกิจ โลกใบนั้นเดิมเป็นภารกิจของตัวเอง แต่ว่าเมื่อกี้นี้ ตัวเองกลับโอนภารกิจนี้ไปให้ซูหว่านทำต่อแล้ว
ติงเจียเจีย ใครก็ไม่ต้องมาห้ามฉันเลย ขอให้ฉันได้ร้องไห้อย่างเงียบๆ สักพัก
โลกภารกิจ…
สติสัมปชัญญะของซูหว่านเชื่องโยงเข้ากับร่างกายของเป้าหมาย ในตอนนั้น สติที่พร่ามัวของเธอทำให้รู้สึกว่าทั้งร่ายกายในตอนนั้นรู้สึกหนาวมาก
หนาวจังเลย
เธอรำพึงออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนั้นเองข้างกายของเธอก็มีร่างกายที่อบอุ่นกอดกระชับร่างของเธอเอาไว้แน่นๆ เสี่ยวหว่าน เธออดทนอีกนิดนะ ผ่านคืนนี้ไปก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
เสียงนั้นเป็นเสียงที่อ่อนโยนของผู้หญิง เสียงเบาหวิว ฟังแล้วรู้สึกดีเป็นอย่างมาก
ซูหว่านค่อยๆ ลืมตาขึ้น ตรงหน้ามีแต่ความดำมืด ภายใต้ความสลัวนั้นทำให้มองเห็นเพียงเงารางๆ ของคนข้างกาย
นี่คือ…
พี่อวี่นั่ว?
ซูหว่านเรียกด้วยเสียงอันเบาออกไป ได้ยินเสียงเรียกของซูหว่าน เหยียนอวี่นั่วอดไม่ได้ที่จะหลุบสายตาลงมามองดูคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง ฉันอยู่นี่ไง เสี่ยวหว่านเธอเป็นอะไรไป?
ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่ายังหนาวอยู่
ซูหว่านตอบเสียงเบาออกไป เธอแค่อยากจะยืนยันว่าคนที่กอดตัวเองไว้ในคืนที่หนาวเหน็บนี้ ใช้คุณนางเอกหรือเปล่า
ยังหนาวอยู่อีกเหรอ?
เหยียนอวี่นั่วได้ยินคำพูดของซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยมือของตัวเอง แล้วถอดเสื้อนางในที่ตัวเองสวมอยู่ออกมา อ๊ะ ให้
เธอใช้เสื้อของตัวเองมาห่อร่างของซูหว่านไว้ทั้งตัว หลังจากนั้นก็กางแขนตัวเองออกมาโอบกอดซูหว่านไว้ในอ้อมแขนของตัวเองอีกครั้ง
ในคืนที่หนาวเหน็บ บนทางเดินของตำหนักที่ห่างไกลอันเงียบสงบ สาวน้อยนางในอายุน้อยสองคนก็คุกเข่าอยู่อย่างนี้บนทางเดิน โอบกอดกันไว้อย่างสงบ
เอาละ เอาละ แบบนี้ก็ไม่หนาวแล้ว
เหยียนอวี่นั่วพูดอยู่คนเดียวด้วยเสียงอันเบาหวิว แต่น้ำเสียงยังคงความอ่อนโยนดังเดิม
รู้สึกอุ่นขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว ซูหว่านค่อยๆ หลับตาลงเพื่อจัดการเรียบเนื้อเรื่องของโลกใบนี้
นางเอกของโลกนี้ก็คือเหยียนอวี่นั่วที่อยู่ข้างๆ เธอในตอนนี้ เหยียนอวี่นั่วเดิมไม่ได้ชื่อเหยียนอวี่นั่ว เดิมเธอเป็นแค่สาวใช้ในบ้านตระกูลเหยียนของจินโจว พอดีกับในวังหลวงได้จัดการคัดเลือกนางในเข้าวังที่จัดขึ้นในทุกๆ สามปี บ้านตระกูลเหยียนเดิมมีสิทธ์ได้รับการคัดเลือกสองคน แต่ว่าคุณหนูเอกไม่อยากเข้าวัง หลังจากนั้นผู้เฒ่าเหยียนจึงได้จ่ายเงินให้กับขุนนางที่ทำการตรวจคัดนางใน ส่งลูกอนุในจวนที่ไม่ได้รับความโปรดปรานอย่างเหยียนอวี่ชิงและนางเอกที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเหยียนอวี่นั่วเข้าไปในวังหลวง
นางในที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าวังใหม่ต่างมีอายุเพียงแค่สิบสามปีเท่านั้น เป็นช่วงวัยที่ยังไม่รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากนัก ทุกคนต่างก็ถูกจัดให้ไปพักอยู่ด้วยกันที่ฝ่ายกรมวัง มีหัวหน้าหมัวหมัวเป็นผู้ค่อยดูแลและสั่งสอนในสิ่งต่าง ๆ
เมื่อมาถึงสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เหยียนอวี่ชิงและเหยียนอวี่นั่ว ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แต่ทั้งสองคนต่างก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนสนิทกันซะยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ กันซะอีก
หลังจากนั้นหนึ่งปี เหยียนอวี่ชิงและเหยียนอวี่นั่วถูกฝ่ายกรมวังจัดให้ไปอยู่ในสถานที่ต่างกัน เนื่องจากเหยียนอวี่นั่วเป็นสาวใช้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นฝีมือด้านงานปักเย็บจึงค่อนข้างที่จะโดดเด่น ดังนั้นเธอจึงถูกส่งไปประจำอยู่ที่สำนักพระภูษา รับผิดชอบงานเย็บปักและเลือกลายปักลงบนผ้า เปลี่ยนชุดของฝ่ายในในวังหลวงวนไปให้ครบทั้งสี่ฤดู