ส่วนเหยียนอวี่ชิงที่ไม่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก เพราะเก่งกาจในด้านการพูดการจา พูดจาหว่านล้อมคนเก่ง จึงถูกจัดให้เข้าไปอยู่ที่กองพระราชสำนักโดยตรง หลังจากนั้นก็ถูกจัดให้ไปรับใช้กุ้ยเหรินท่านหนึ่งที่เพิ่งเข้าวังมาใหม่
ชีวิตของทั้งสองคนพี่น้องก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากตรงนี้
เหยียนอวี่นั่วมีนิสัยอ่อนน้อมเชื่อฟัง ตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นคนที่อ่อนโยนซื่อสัตย์ชอบช่วยเหลือคนอื่น ในสำนักพระภูษาการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของนางกำนัลเก่าและใหม่นั้นค่อนข้างดุเดือด และเหยียนอวี่นั่วเนื่องจากเป็นคนขยันและเชื่อฟัง จึงเป็นที่รักของเลี่ยวซืออี๋ในสำนัก ซึ้งเรื่องนี้นำเรื่องยุ่งยากมาสู่ตัวเธอค่อนข้างมาก และเหยียนอวี่นั่วที่ต้องเผชิญกับปัญหาเยอะแยะมากมายนั้น ในตอนนี้ก็ได้รับความช่วยเหลือจากนางกำนัลอีกคนหนึ่ง นางกำนัลคนนี้ก็คือซูหว่านที่เข้าวังมาพร้อมกันกับเธอ
ซูหว่านเป็นคนในเมืองหลวง ที่บ้านเดิมเป็นตระกูลบัณฑิต แต่พอมาถึงรุ่นของท่านพ่อของเธอ เพราะว่าพ่อของซูหว่านนั้นติดการพนันทำให้ตระกูลตกอับ แถมยังเป็นหนี้ก้อนโตอีกต่างหาก เมื่อไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ ท่านพ่อของเธอจึงได้ขายเธอเข้ามาในวังหลวง
ซูหว่านและเหยียนอวี่นั่วต่างก็ถูกจัดให้มาอยู่ที่สำนักพระภูษาพร้อมกัน เริ่มแรกทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน แต่ว่าเนื่องจากซูหว่านทนดูคนอื่นๆ รังแกเหยียนอวี่นั่วไม่ไหว และเหยียนอวี่นั่วก็เป็นคนที่ใสซื่อจนยอมอดทนต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้น ซูหว่านจึงเริ่มเข้ามาช่วยเหลือเหยียนอวี่นั่ว เมื่อเหยียนอวี่นั่วถูกรังแกเธอก็จะช่วยเอาคืนคนพวกนั้นไปพร้อมกัน หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ค่อยๆ สนิทกันมากขึ้น กลายเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันมาก
หลังจากที่ซูหว่านสนทสนมกับเหยียนอวี่นั่ว ก็ได้เล่าเรื่องความในใจ รวมทั้งพื้นหลังของครอบครัวให้เยียนอวี่นั่วฟัง อันที่จริงแล้วก่อนที่ตระกูลซูจะตกอับ ท่านพ่อซูเคยหาคู่หมายให้กับซูหว่านมาก่อน หลังจากที่ตระกูลซูตกอับ เรื่องงานแต่งงานที่เคยตกลงกันไว้ก็ไม่เคยมีใครพูดถึงมันอีกเลย แต่ใครจะไปรู้ละว่า หลังจากที่ซูหว่านเข้าวังมาแล้ว กลับบังเอิญได้ไปพบกับคู่หมั้นคู่หมายของตัวเองเสิ่นเฉิงเป่ย
ในเมืองหลวง ตระกูลเสิ่นถือได้ว่าเป็นตระกูลดาวรุ่งดวงใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น เสิ่นเฉิงเป่ยอายุเพิ่งจะสิบหกปี เพิ่งจะย่างก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็ได้เป็นทหารหลวงแล้ว เป็นคนหนุ่มอนาคตไกล
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนเล่นที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่ในการบังเอิญเจอกันครั้งหนึ่ง ตอนที่เสิ่นเฉิงเป่ยทำการเดินตรวจตราอยู่ในวังหลวงอยู่นั้น บังเอิญได้ไปพบเข้ากับขบวนของคนจากสำนักพระภูษา ในกลุ่มคนเหล่านั้น เขาจำหยกแขวนประจำตัวของซูหว่านได้ ต่อมาจึงได้วานคนให้ส่งจดหมายไปให้กับซูหว่าน
ซูหว่านที่ได้รับจดหมายก็รู้สึกดีใจมากเป็นธรรมดา เธอก็ได้เขียนจดหมายตอบกลับไปให้กับเสิ่นเฉิงเป่ย แต่ว่าซูหว่านที่เพิ่งเข้าวังหลวงมาได้ไม่นาน กลับหาคนที่จะช่วยเธอส่งจดหมายให้กับเสิ่นเฉิงเป่ยไม่ได้ ในตอนนั้น เหยียนอวี่นั่วก็นึกถึงเหยียนอวี่ชิงขึ้นมา
เหยียนอวี่ชิงถูกส่งไปทำงานอยู่ที่ตำหนักของหลิวกุ้ยเหริน หลิวกุ้ยเหรินในตอนนี้กำลังได้รับความโปรดปราน และเหยียนอวี่ชิงที่เป็นคนที่รู้จักพูดรู้จักจา จึงได้รับความโปรดปรานจากหลิวกุ้ยเหรินไม่น้อยเลย ดั่งคำกล่าวที่ว่าคนเพียงหนึ่งคนบำเพ็ญเพียรจนได้เป็นเทพเซียน แม้แต่สุนัขหรือไก่ที่บ้านก็ได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกันด้วย ตอนนี้เป็นช่วงที่หลิวกุ้ยเหรินได้รับความโปรดปราน คนในตำหนักก็ได้เชิดหน้าชูตากันไปด้วย
เหยียนอวี่นั่วแนะนำซูหว่านให้เหยียนอวี่ชิงรู้จัก ทั้งสามคนก็ตกลงกราบไหว้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันในทันที ถ้านับตามอายุเหยียนอวี่นั่วเป็นพี่ใหญ่
เหยียนอวี่ชิงเป็นพี่รองและซูหว่านเป็นน้องเล็กคนที่สาม
ในการเป็นธูระให้กับน้องสามของตัวเอง เหยียนอวี่ชิงก็ตั้งใจทำให้เป็นธรรมดา จึงทำให้ซูหว่านได้เริ่มต้นใช้ชีวิตเขียนจดหมายรักส่งให้กับเสิ่นเฉิงเป่ย เดิมทั้งสองคนต่างก็ได้ตกลงกันไว้แล้ว รอซูหว่านมีกำหนดเข้าวังครบสามปี ก็จะถึงเวลาที่จะสามารถออกจากวังหลวงได้ เสิ่นเฉิงเป่ยก็จะจ้างคนให้จัดการทำเรื่องปล่อยเธอออกจากวังหลวง เพื่อแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง
แต่ว่าในช่วงปีที่สองที่ซูหว่านเข้าวังมา เหยียนอวี่ชิงก็ได้ถวายตัวให้กับฮ่องเต้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเหม่ยเหริน
เหยียนอวี่ชิงที่ยังไม่มีฐานอำนาจที่มั่นคงในวังหลวงแห่งนี้ ก็ต้องอยากที่จะรับคนที่ตัวเองไว้ใจได้มารับใช้อยู่ข้างกายของตน เดิมทีนางอยากให้เหยียนอวี่นั่วมาทำหน้าที่ตรงนี้ แต่ว่าเหยียนเป็นคนซื่อสัตย์เกินไป เหยียนอวี่ชิงที่ได้เรียนรู้เรื่องการดำรงชีวิตให้รอดในวังหลังอยู่ข้างกายจากหลิวกุ้ยเหรินมานาน สุดท้ายแล้วจึงตัดสินใจเรื่องซูหว่านมาแทน
หลังจากที่ซูหว่านมาอยู่ข้างกายเหยียนอวี่ชิง ก็มองเห็นเหยียนอวี่ชิงได้รับความโปรดปรานมากขึ้นเรื่อยๆ จากเหม่ยเหรินได้เลือนขึ้นไปเป็นปิงเฟย ในขณะที่นางได้รับความโปรดปรานก็ได้รับของพระราชทานที่มีค่าเยอะแยะมากมาย
พวกผ้าไหมซีฟองหิมะอันสูงส่ง โสมและเหล่าเครื่องประดับอัญมณีไข่มุก มีอย่างไหนบ้างที่ไม่ใช่ของมีค่าที่หายาก?
เวลาผ่านไปใจของซูหว่านก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอเคยเห็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันในตำหนักของเหยียนอวี่ชิง องค์ราชันที่ยังทรงพระเยาว์และมีรูปโฉมงดงาม ใครบ้างที่เห็นแล้วจะไม่หวั่นไหว?
เพราะซูหว่านเริ่มมีแผนการในใจ ซูหว่านจึงเริ่มถอยห่างออกมาจากเสิ่นเฉิงเป่ย จดหมายที่เสิ่นเฉิงเป่ยส่งมาให้เธอก็ไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย และไม่เคยเขียนตอบกลับไปด้วย แถมซูหว่านยังเขียนจดหมายเลิกลาด้วยตัวเองฝากให้เหยียนอวี่นั่วส่งให้กับเสิ่นเฉิงเป่ยอีกด้วย
ในตอนนี้ เหยียนอวี่นั่วมีจุดยืนที่มั่นคงในสำนักพระภูษาแล้ว เธอเองก็เคยเจอกับเสิ่นเฉิงเป่ยมาหลายครั้ง รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่รักเดียวใจเดียวและให้ความสำคัญกับคนรักมาก เนื่องจากกลัวว่าเสิ่นเฉิงเป่ยจะเสียใจ เหยียนอวี่นั่วจึงเก็บจดหมายของซูหว่านเอาไว้กับตัว เธอเริ่มฝึกเลียนแบบลายมือของซูหว่าน เพื่อเขียนจดหมายตอบโต้กับเสิ่นเฉิงเป่ยต่อ เป็นเวลาถึงหนึ่งปีกว่า
เมื่อถึงปีที่สามที่เข้าวังมา เสิ่นเฉิงเป่ยได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองทหารรักษาวังแล้ว ในที่สุด ในคืนหนึ่งที่เขากำลังทำการตรวจตราความเรียบร้อยภายในวังหลวงอยู่ เขาก็ได้มีโอกาสพบกับซูหว่านอีกครั้ง แต่กลับถูกซูหว่านปฏิเสธเขาต่อหน้า ในตอนนั้นเสิ่นเฉิงเป่ยถึงได้รู้ว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา คนที่เขียนจดหมายติดต่อกับเขามาตลอดคือเหยียนอวี่นั่ว
เสิ่นเฉิงเป่ยรู้สึกผิดหวังต่อความใจร้ายของซูหว่านเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ด้วยความเป็นคนจิตใจดีของเหยียนอวี่นั่ว ก็ทำให้ทั้งสองคนคบหาเป็นเพื่อนกันและทำให้เขาค่อยๆ มีใจให้กับเหยียนอวี่นั่วในเวลาต่อมา
ในตอนนั้น ซูหว่านกำลังพยายามทุกวิธีทางในการเข้าใกล้ฮ่องเต้ แต่ว่าเหยียนอวี่ชิงเป็นใครกัน? ในตอนที่เธอยังคงเป็นแค่นางกำลังใกล้ชิดรับใช้หลิวกุ้ยเหรินอยู่นั้น เธอก็เคยยืมไหล่ของนายตัวเองในการปีนขึ้นไปบนเตียงมังกรมาก่อน และเธอในตอนนี้ก็จะไม่มีทางให้เรื่องที่ตัวเองเคยกระทำกับหลิวกุ้ยเหรินเกิดขึ้นกับตัวเองเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้ ความฝันของซูหว่านอันสวยงามที่อยากจะเป็นหวงเฟยจึงต้องพังทลายลงไป และในขณะเดียวกัน เธอยังถูกนางกำนัลในตำหนักเดียวกันอีกคนวางแผนให้ร้ายอีก หลังจากที่ถูกลงโทษด้วยการโบยแล้วก็ถูกส่งไปทำงานที่ทั้งเหนื่อยทั้งสกปรกอยู่ที่หอแรงงาน
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ซูหว่านก็เริ่มรู้สึกเสียใจ เธอนึกว่าชีวิตที่เหลืออยู่นี้จะถูกกักขังอยู่ในหอแรงงานไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไปแล้ว แต่ในตอนนั้นเอง ใครจะไปรู้ละว่าเหยียนอวี่นั่วจะออกตัวเข้ามาช่วยเธอไว้ เหยียนอวี่นั่งใช้เงินเดือนทั้งหมดของตัวเอง และยังขอให้เสิ่นเฉิงเป่ยมาช่วยด้วยอีกแรง ทั้งสองคนใช้เงินที่รวมกันช่วยซูหว่านออกมาจากหอแรงงานและจัดแจงให้ไปทำงานอยู่ที่สำนักพระตำหนัก