ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 5 ตำนานแม่พระแห่งวังหลัง

ตอนที่ 5 ตำนานแม่พระแห่งวังหลัง

ประตูสำนักพระภูษาปิดตายมาโดยตลอด เกิดเรื่องใด ๆ ภายในสำนักนั้นไม่มีใครรู้ได้เลย ตั้งแต่เหยียนอวี่นั่วโดนซูรุ่ยใช้กำลังภายในกวาดออกไปจากท้องพระโรง เธออยู่ในสภาพสับสนวุ่นวาย ในเวลานี้ ภายในจิตใจของหล่อนเต็มไปด้วยความคิดเรื่องความปลอดภัยของซูหว่าน

ตั้งแต่เข้าวังมาหนึ่งปีกว่า จริง ๆ แล้วเหยียนอวี่นั่วก็เริ่มคุ้นชินไม่ว่าการโดนแกล้งและพบเจอเรื่องใดก็พร้อมปกป้องเหยียนอวี่ชิงในทุกเมื่อ ในจิตใจของเหยียนอวี่นั่วนั้น ตอนนี้เหยียนอวี่ชิงไม่ใช่เป็นแค่นายหญิง แต่ทว่ารู้สึกเป็นเหมือนน้องสาวของนาง นางจะปกป้องหล่อน แม้กระทั่งออกตัวรับหน้าแทนก็ล้วนเป็นเรื่องที่ฟ้าได้ลิขิตไว้

หลังจากที่เหยียนอวี่นั่วได้แยกกับเหยียนอวี่ชิง เมื่อได้เข้าไปสำนักพระภูษาแล้ว เธอก็ได้พบกับซูหว่าน ซึ่งตั้งแต่รู้จักกันครั้งแรกซูหว่านก็คอยช่วยเธอมาโดยตลอด ทั้งสองต่างช่วยเหลือและปกป้องซึ่งกันและกัน

เหยียนอวี่นั่วโตกว่าซูหว่านเพียงไม่กี่เดือน นางคิดว่าตัวเองควรปกป้องซูหว่าน เหมือนที่ดูแลเหยียนอวี่ชิง ต้องปกป้องหล่อนทุกอย่าง แต่ทว่าวันนี้…..

 อวี่นั่ว 

เหลียวซืออี๋ สวมชุดผ้าฝ้ายจีนโบราณและมายืนอยู่ด้านหลังของเหยียนอวี่นั่วเวลาใดก็ไม่รู้ เมื่อมองเห็นสีหน้าความกังวลของนาง เหลียวซืออี๋อดไม่ได้ที่จะตบบ่า

 อวี่นั่ว อย่ากังวลใจไปเลย ซูหว่านจะต้องไม่เป็นอะไร 

สายตาของเหลียวซืออี๋ที่กำลังปลอบอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะมองดูประตูวังซึ่งปิดตายอยู่ นางจำได้อย่างชัดเจน ฝ่าบาทเข้าไปในสำนักพระภูษาอยู่สักครู่ ไม่ได้เอ่ยปากออกสักคำก็ฆ่าคนได้หลายชีวิต และตอนนี้ภายในวังกลับไม่มีเสียงใด ๆ ฝ่าบาทเองก็ไม่เรียกคนเข้าไปด้านใน จึงพูดได้ว่า อย่างน้อยซูหว่าน…น่าจะยังมีชีวิตอยู่

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ หลังจากคนอื่น ๆ ในสำนักพระภูษาต่างวุ่นวายที่จะออกไป เหยียนอวี่นั่วยังคงรออยู่ด้านในอุทยานหลวง ร้อนรนใจดั่งไฟเพลิง ในเวลานี้ ที่ท้องพระโรงก็มีเสียงผู้ชายทุ้มต่ำและเยือกเย็นดังออกมา  วังอี้!  

วังอี้ที่ตั้งใจคุ้มกันหน้าประตูของท้องพระโรงได้ยินคำสั่งเรียกหาของพระองค์ก็รีบผลักประตูท้องพระโรงเข้าไปข้างใน และเงาของวังอี้เองก็หายไป เหยียนอวี่นั่วมองดูประตูท้องพระโรงที่พึ่งปิดตายใหม่อีกครั้งภายในจิตใจยิ่งกังวลใจหนักขึ้น

 ฝ่าบาท 

ในเวลานี้วังอี้ก็รีบก้าวเดินไปส่วนกลางของท้องพระโรงขนาดใหญ่ โค้งตัวรอรับคำสั่งของเจ้านาย

 วังอี้ นางกำนัลซูหว่านได้ทำผิดกฎในวัง นับแต่วันนี้เป็นต้นไปปล่อยนางอยู่ในหอแรงงานทำงาน 1 เดือน เรื่องนี้เจ้ารีบไปจัดการซะ 

วังอี้ที่กำลังก้มหน้าเมื่อได้ยินคำสั่งของซูรุ่ย เขาก็รีบพงกหัวน้อมรับ ใช้สายตาตั้งมั่นมองหาเงาของนางกำนัลคนนั้นในรอบกายของตนที่กำลังเสาะหา อืม ไม่อยู่?

วังอี้สับสนอยู่ชั่วขณะ เขาจำได้ว่าตอนที่ตนเองออกไปหน้าประตูนางกำนัลที่ชื่อว่าซูหว่าน ก็คุกเข่าอยู่ที่ตำแหน่งนั้น นางหายไปได้อย่างไร

 หัวหน้าขันทีวัง ท่านกำลังหาข้าน้อยอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ 

น้ำเสียงอันแจ่มชัดทันใดก็ดังขึ้นไม่ไกลจากเบื้องหน้าของวังอี้ เขาเงยหัวอย่างรับรู้สักครู่ ทันใดนั้นนางก็รีบหยุดอยู่ที่เดิม คลี่ยิ้มเล็กน้อย

ฮ่องเต้สวมผ้าฝ้ายนั่งเอนกายอยู่บนตั่ง ณ เบื้องหน้าของวังอี้ ด้วยใบหน้าพึงพอใจและใบหน้านางข้าหลวงที่ดูแสนไร้เดียงสาเหมือนแมวภายใต้อ้อมกอดของฝ่าบาทอันแสนสบาย ในเวลานี้นางกำลังเงยหน้าอย่างขี้เกียจด้วยสายตาอันเย็นชามองแล้วยิ้มตาหยีให้วังอี้ที่อยู่ด้านหน้า

หัวหน้าขันทีวัง ‘ข้าเงยหน้าขึ้นผิดท่าจริง ๆ ! อืม’

วังอี้กำลังตกใจอยู่รีบก้มหัวต่ำลงทันที เมื่อได้เห็นวังอี้รีบก้มหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ซูรุ่ยก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ  วังอี้ ข้าไว้ใจเจ้า เรื่องนี้เจ้ารีบไปจัดการซะ 

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะก้มมองดูซูหว่านในอ้อมกอด ใบหน้าที่ดูฝืน ๆ มองดูว่าซูรุ่ยกำลังพูดอะไร ซูหว่านเงยหน้ายกนิ้วมือแตะปากของเขาอย่างเบา ๆ ต่อมาเธอก็นั่งข้างกายซูรุ่ยแล้วกระซิบความลับข้างหูของเขา

 ฝ่าบาท คืนนี้หม่อมฉันอยู่หอแรงงานรอท่านนะเพคะ 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของฮ่องเต้มีความสุขเล็กน้อย หรือว่าที่รักของข้ารู้ความตั้งใจของข้าแล้ว (แม่ทัพซู ท่านแน่ใจหรือ)

ซูหว่าน ‘หึหึ’

 หัวหน้าขันทีวัง พวกเราไปกันเถอะ 

เวลานี้ซูหว่านลงมาจากตั่งแล้วเดินยืนด้านหน้าวังอี้

นี่…

 แม่นางซูเชิญ 

วังอี้กดเสียงต่ำลง พูดกับซูหว่านด้วยน้ำเสียงเคารพนับถืออย่างเป็นพิเศษ

ในเวลานี้เขาไม่เข้าใจว่าฝ่าบาทรีบมาสำนักพระภูษาเพื่อทำอะไรกันแน่ สามสิบกว่าปีนี้เขาใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัขรับใช้ที่คอยติดตามตัวพระองค์จริง ๆ

 ขันทีวังช่างมีมารยาทเหลือเกิน ตอนนี้ข้าน้อยเองนั้นเป็นนักโทษ จะกล้าเดินนำท่านได้อย่างไร 

ซูหว่านได้ยินคำพูดของวังอี้ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกมือทำท่าผลักวังอี้  หัวหน้าขันทีวัง ท่านไปก่อน!  

 โอ ออ ๆ  

วังอี้ได้ยินคำพูดของซูหว่าน หันไปมองแล้วรีบหันตัวเดินไปข้างหน้าโดยซูหว่านก็ก้มหัวอยู่ด้านหลังเขา ในตอนที่ออกจากประตู รู้สึกได้ว่าข้างหลังนั้นมีสายตาอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยกำลังจ้องมองตนอยู่โดยตลอด ซูหว่านอดไม่ได้ที่หันหน้าไปยิ้มให้ซูรุ่ย

ประตูท้องพระโรงก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง ได้เห็นเงาของวังอี้และซูหว่าน เหยียนอวี่นั่วที่รอคอยอย่างกังวลใจโดยตลอดก็รีบกระโจนเข้าไปหา  เสียวหว่าน เจ้า…ไม่เป็นอะไรใช่ไหม 

 ทำอะไรตามอำเภอใจนัก!  

เมื่อได้เห็นเหยียนอวี่นั่วกำลังเข้าไปเพื่อจับมือซูหว่าน วังอี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาแล้วปัดเหยียนอวี่นั่ว ทำให้นางกระเด็นออกไป

มือของแม่นางซู เจ้าจะมีสิทธิ์จับได้หรือ? ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่กับฝ่าบาทต่างหากล่ะ

 หัวหน้าขันทีวัง!  

เฉินจี๋ที่รออยู่ในลานมาโดนตลอด ในเวลานี้ก็รีบวิ่งเข้ามาใกล้ ก่อนที่มองบนอย่างเหยียด ๆ ใส่เหยียนอวี่นั่ว จากนั้นร่างเตี้ย ๆของเฉินจี๋ก็ยิ้มตาหยีให้วังอี้  หัวหน้าขันทีวัง เด็กรับใช้คนนี้ตกใจไร้สติมากเสียแล้ว ท่านอย่าไปรู้จักกับนางเลย ซูหว่านคนนี้…ฝ่าบาทหมายถึง คือ… 

 เนรเทศไปอยู่หอแรงงาน หนึ่งเดือน 

ได้ยินคำพูดของเฉินจี๋ คำพูดของวังอี้ก็เยือกเย็นลง

หอแรงงาน!

สีหน้าของเฉินจี๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หน้าของเหยียนอวี่นั่วที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูซีดเผือดไปแล้ว หอแรงงานคือสถานที่ใดกัน นั่นคือสถานที่ในวังหลังที่ยังต่ำกว่าวังเย็นอีก ที่แห่งนั้นเดิมทีไม่ใช่สถานที่ที่คนอยู่!

 หัวหน้าขันทีวัง!  

เหยียนอวี่นั่วรีบคุกเข่าต่อหน้าของเขา สองมือคว้าจับรองเท้าของวังอี้  หัวหน้าขันทีวัง ข้าน้อยอยากพบฝ่าบาท ข้าน้อยเต็มใจที่จะรับโทษแทนซูหว่าน หนึ่งเดือน ไม่สิ สองเดือนก็ได้! ขอร้องหัวหน้าขันทีวังให้ข้าได้พบเถิด!  

ขันทีวัง ‘…………’

เจ้าคิดว่าแม่นางซูไปที่นั่นเพื่อรับโทษงั้นรึ ไม่ดีหรอกหรือที่นางจะไปที่นั่นเพื่อไปเป็นคุณนาย?

 หัวหน้าขันทีวัง 

เฉินจี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ในเวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้ากังวลออกมาเช่นกัน  ซูหว่านผู้นี้ ในทุกวันที่สำนักพระภูษาถือว่าตั้งใจทำงาน หัวหน้าขันทีวัง ท่านสามารถขอร้องฝ่าบาทให้…. 

 เจ้าไม่จำเป็นต้องขอร้องให้นางหรอก มิเช่นนั้นระวังหัวจะหลุดออกจากบ่าเอา!  

วังอี้ไม่ยั่วโมโหอีกแล้ว รีบมองด้วยสีหน้าอย่างอำมหิต  เรียกคนมาลากตัวนางข้าหลวงคนนี้ออกไปจากข้าที!  

ระหว่างพูดนั้นก็มีขันทีสองคนรีบก้าวเท้าเข้ามานำตัวเหยียนอวี่นั่วที่กำลังดึงรั้งรองเท้าของวังอี้อยู่และลากตัวนางไปยังบริเวณด้านข้าง

 ไปซะ!  

วังอี้ยืดตัวตรงแล้วก้าวเท้าออกไป ซูหว่านที่อยู่ด้านหลังของเขาเห็นเหยียนอวี่นั่วโดนคนลากออกไปด้านข้าง ใบหน้าซีดเผือดของนางอดไม่ได้ที่จะยิ้มปลอบประโลมให้เหยียนอวี่นั่ว  พี่อวี่นั่ว พี่อย่างกังวลไปเลย ข้าทนไหว 

กำลังพูดอยู่ นางก็หันตัวรีบบินตามหลังของวังอี้

รอให้คนไม่กี่คนได้เดินห่างออกไปไกล เหยียนอวี่นั่วถูกปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ

 เสียวหว่าน เสียวหว่าน!  

ใบหน้าของเหยียนอวี่นั่วเต็มไปด้วยน้ำตา มองเห็นเฉินจี๋ซึ่งยังหยุดอยู่ในลาน เหยียนอวี่นั่วรีบคว้าแขนเสื้อของเฉินจี๋ซึ่งดูเหมือนเหมือนพบยุ้งข้าวที่ช่วยชีวิตแล้วกำอย่างแน่น  เฉินกงกงช่วยด้วย! ช่วยด้วย!  

พบอวี่นั่วที่กำลังร้องไห้อย่างน่าเวทนา ตาหงส์ของเฉินจี๋ก็กรอกไปมา  ก็ได้ก็ได้ เจ้าทำเสื้อผ้าของข้าสกปรกหมดแล้ว 

เฉินเสี่ยวจี๋ผู้รักสวยรักงามที่น่าสงสารในตอนเช้าก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสียแล้ว

 ข้าสามารถไปหอแรงงานได้ยามหนึ่ง ยามสอง อืม เงินนี่ เจ้าต้องออกเองนะ!  

เมื่อได้พูดถึงเรื่องนี้เฉินจี๋อดไม่ได้ที่จะโอบกอดถุงเงินใบน้อยของตนอย่างแน่น เขาผู้นี้เป็นคนจิตใจอ่อนโยน ทนไม่ได้ที่จะมองเด็กรับใช้เหล่านี้ที่ร้องไห้ปาดน้ำตาอยู่ข้างหน้า เพียงแต่ว่าคนเราจะต้องมีกฎเกณฑ์ ดังเช่นว่ากฎของเฉินเสี่ยวจี๋ก็คือ….

เจ้าอาจทำทรงผมของข้ายุ่งเหยิงได้ ข้าทนได้ แต่เจ้ามิอาจย้ายกระเป๋าเงินของข้าได้ ข้าจะสู้สุดกำลังชีวิตกับเจ้า

ความขี้เหนียวที่ขึ้นชื่อของเฉินกงกงโด่งดังในสำนักพระภูษาเช่นกัน ความจริงแล้วโดยตำแหน่งของเขา เงินเดือนทุกเดือนนั้นสูงมากอีกทั้งยังมีขันทีและข้าหลวงที่เคารพอยู่เสมอ พูดด้วยหลักเหตุผลเขาก็คือเศรษฐีบ้านนอกตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่ว่าเขากลับเป็นคนตระหนี่มากที่สุดในสำนักพระภูษา ไม่ว่าพบเจอเรื่องอะไรก็ตาม ต่อให้ตายก็จะไม่จ่ายอย่างเด็ดขาด

เมื่อได้ยินว่าเฉินจี๋เต็มใจไปหอแรงงานเพื่อจัดการให้ เหยียนอวี่นั่วรีบเช็ดน้ำตานำถุงเงินของตนส่งให้ถึงมือของเฉินจี๋

แม้ว่าเขาจะขี้เหนียวก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้โลภมาก ดังนั้นเหยียนอวี่นั่วไม่กลัวเฉินจี๋หลอกตน

เหยียนอวี่นั่วส่งถุงเงินของตนเองให้อย่างมีความสุข คิ้วของเฉินจี๋เกิดรอยย่นขึ้น  เจ้ามีเงินเพียงเท่านี้หรือ 

 ไม่พอหรือ 

สีหน้าของเหยียนอวี่นั่วได้เปลี่ยนไป จากนั้นก็คิดอะไรบางอย่าง  เฉินกงกง ฉันสามารถหาเงินเพิ่มได้แล้ว 

ในช่วงเวลานี้ เหยียนอวี่นั่วคิดถึงเหยียนอวี่ชิงที่ซึ่งเป็นข้ารับใช้อยู่ภายในวังของหลิวกุ้ยเหริน

 เฉินกงกงต้องรอฉันนะ ฉันแค่ไปหาเงินเพิ่มเท่านั้น 

ขณะที่พูดคุยอยู่นั้น เหยียนอวี่นั่วก็ยกกระโปรงขึ้นแล้วเหาะออกไป

 

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

Status: Ongoing

ซูหว่าน คือเจ้าหน้าที่ทำลายเขตแดนประจำองค์กรแห่งหนึ่งในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ ในโลกที่ผู้คนทะลุมิติข้ามภพกันไม่เว้นวัน จิตล่องลอยไปเกิดใหม่ในร่างอื่นอยู่ทุกค่ำคืน ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยสะสางดูแลความวุ่นวายและจัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาใหญ่เข้าจนได้ เมื่อองค์กรพบว่านางรองที่เกิดใหม่ดันไปสอยพระเอกกับนางเอกของภพนั้นร่วงจนทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป หัวหน้าแผนกทำลายเขตแดนจึงได้มอบภารกิจให้ซูหว่านไปเก็บกวาดสถานการณ์นี้ให้เรียบร้อย โดยตัวเธอต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกแห่งนั้น

กระนั้นหลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจของเธอกลับยังไม่จบสิ้น ซูหว่านยังคงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกอื่นอีกหลายโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมออนไลน์ โลกซอมบี้ หรือโลกเวทมนตร์ แต่ทุกครั้งที่เธอย้ายไปโลกใหม่ บทบาทที่เธอได้รับกลับหยุดอยู่แค่ ‘แฟนเก่า’ ของตัวเอกในเรื่อง

และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือทุกโลกที่เธอเดินทางไปนั้น เธอต้องได้พบเจอกับ ‘เขา’ อยู่ร่ำไป แม้ยุคสมัยและสภาพแวดล้อมของโลกจะเปลี่ยนแปลง แต่รูปร่างหน้าตาของเขาคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจพิสดารนี้เหมือนเธอกันนะ!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท