วันที่ 2 ตอนที่ซูหว่านลืมตาขึ้นมาเธอก็พบว่าตนเองได้กลับมาอยู่ในห้องเล็กๆ ของหอแรงงานแล้ว บนร่างกายเธอถูกห่อด้วยผ้าห่มกํามะหยี่หนาอุ่น
แม่นางซู คุณตื่นรึยัง?
เสียงของไป๋หมัวหมัวดังขึ้นจากนอกห้องพอดี เพราะห้องของซูหว่านอยู่ด้านในสุดของหอแรงงาน ตําแหน่งที่ตั้งก็ห่างไกล ไป๋หมัวหมัวเองก็เลยไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นตนเองมาที่นี่
หมัวหมัวเชิญเข้ามาเลยค่ะ
ซูหว่านพับผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้ววางไว้ใต้ผ้าห่มผ้าหยาบผืนหนา จากนั้นจึงเริ่มสวมใส่เสื้อผ้าอย่างช้า ๆ เสื้อผ้าที่บ่าวของหอแรงงานสวมใส่นั้นเป็นเสื้อผ้าชั้นต่ำที่สุด ใส่บนตัวแล้วผ้าแทงผิวมาก ยังดีที่ไป๋หมัวหมัวได้ทําบางอย่างกับเสื้อผ้าไว้แล้ว ถึงแม้เสื้อผ้าของซูหว่านดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนกับของคนอื่น แต่ภายในเสื้อผ้านั้นกลับมีผ้าซาตินนุ่มๆ เย็บไว้ เรื่องปิดหูปิดตาแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาในวัง จึงไม่จําเป็นต้องใช้เวลามากเป็นพิเศษในการทำ
ซูหว่านยังไม่ทันได้สวมใส่ชุดนางในด้านนอก ไป๋หมัวหมัวก็ถือเครื่องใช้ในการล้างน้ำแปรงฟันเข้ามาแล้ว แม่นางซูอรุณสวัสดิ์ค่ะ เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่?
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับซูหว่าน ไป๋หมัวหมัววางฟอร์มต่ำลงมาก
ขอบพระทัยที่หมัวหมัวที่นึกถึงนะคะ ข้านอนหลับสบายมาก
ซูหว่านตอบกลับด้วยเสียงเบา แต่สายตาของไป๋หมัวหมัวกวาดมองบนเตียงของซูหว่าน เห็นมุมของผ้าห่มนวมที่โผล่อยู่ใต้ผ้าห่ม แววตาของเธอก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ยิ่งทำให้รู้สึกสนิทสนมมากขึ้น แม่นาง หอแรงงานชำรุดมากไปหน่อย ให้บ่าวรับใช้ล้างหน้าให้ท่านเถอะ!
ก็ดี
เมื่อเห็นว่าไป๋หมัวหมัวมีความจริงใจเช่นนี้ ซูหว่านจึงพยักหน้า
ในวังหลัง หากมีคนประจบคุณ แสดงว่าคุณนั้นใช้ชีวิตในนี้ได้ดี มีค่าแก่การใช้งาน เวลาแบบนี้เมื่อเจอคนอื่น ๆ ทำดีกับคุณ คุณต้องไม่ปฏิเสธ เพราะไม่ว่าคุณจะปฏิเสธคนอื่น ๆ ไปด้วยเหตุผลใด ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นการ ดูถูกเขา นี้เป็นข้อห้ามใหญ่สําหรับคนในพระราชวังหลัง ไม่มีใครรู้ว่าใครจะล้มลงในวินาทีต่อมา และไม่มีใครรู้ว่าใครจะบินไปได้ไกลในวินาทีต่อไปเมื่อเราอยู่ในวังหลัง เราทําได้เพียงหาเพื่อนเท่านั้นห้ามมีศัตรูเด็ดขาด
ความจริงแล้วซูหว่านก็เคยทําภารกิจมากมายในวังหลวง เธอเข้าใจกฎการเป็นอยู่ในวังหลังเป็นอย่างดี เธอเองก็รู้ว่าที่ไป๋หมัวหมัวปฏิบัติดีต่อเธอเช่นนี้ ย่อมเป็นคําสั่งของวังอี้ หากตนเองไม่ให้โอกาสนี้กับเธอ เกรงว่าเธอคงจะรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ตลอดกระมัง
ภายใต้การปรนนิบัติของไป๋หมัวหมัว ซูหว่านล้างหน้าล้างตาอย่างเรียบง่าย
หลังจากทําเสร็จ ไป๋หมัวหมัวก็เก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย แล้วมองไปที่ซูหว่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกครั้ง แม่นางซู อาหารมื้อเช้าอยากกินอะไรคะ? บ่าวมีห้องครัวเล็ก ๆ อยู่ ถ้าหากท่านไม่รังเกียจ บ่าวจะลงมือทําให้ท่านด้วยตนเอง
เรื่องกินข้าไม่จู้จี้จุกจิกมาก หมัวหมัว ถ้าวันนี้มีคนมาถามไถ่เรื่องเกี่ยวกับข้า เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรพูดเช่นไร?
ซูหว่านนั่งอยู่บนเตียงไม้ เงยหน้ามองไปที่ไป๋หมัวหมัว เธอมองจนไป๋หมัวหมัวรู้สึกขนลุก คุณว่าสาวน้อยนางนี้หน้าสดใส แต่ทําไมสายตาที่มองคนถึงได้น่าขนลุกเช่นนี้?
บ่าวรู้ว่าควรพูดเช่นไร แม่นางวางใจได้เลย! ไป๋หมัวหมัวตบที่หน้าอกตัวเองแล้วรับปากกับซูหว่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
อืม ถ้าอย่างนั้นก็ดี แล้วก็…
ซูหว่านหรี่ตาลงแล้วพูดเสียงเบาอีกครั้งว่า ถ้ามีคนมาอ้อนวอนเพื่อข้า ถ้าไม่มีเงินจํานวนนี้ อย่าตกลงกับเขา!
เห็นซูหว่านโบกมือตัวเองขึ้นมา ไป๋หมัวหมัวก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง ห้า ห้าร้อยตําลึง?
หลายปีที่เธอทำงานที่หอแรงงาน เธอไม่เคยเก็บเงินมากขนาดนี้ในครั้งเดียวมาก่อน!
เงิน 500 ตำลึงเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากสําหรับนางกำนัลธรรมดา แต่ซูหว่านรู้ดีว่า เงินเดือนของเหยียนอวี่นั่วนั้นส่งเงินนี้กลับไปยังบ้านเกิดของเธอเพื่อให้ครอบครัวของเธอหมดแล้ว
ครอบครัวของเธอมีลูกเยอะ พวกเขาใช้ชีวิตยากลําบาก ไม่เช่นนั้นตอนนั้นคงไม่ขายเธอไปเป็นสาวใช้ในจวนเหยียนหรอก
สำหรับเหยียนอวี่นั่วแล้ว เงินห้าร้อยตำลึงเป็นจำวนวเงินมหาศาลอย่างแน่นอน และเพื่อช่วยซูหว่าน แม่พระเหยียนจำเป็นต้องเอาเงินก้อนนี้ออกมา
ดังนั้นตอนนี้เกิดคําถามขึ้นแล้ว เธอต้องทําอย่างไรจึงจะยืมเงินห้าร้อยตำลึงมาได้?
แม่พระเหยียนสู้ ๆ ฉันเอาใจช่วยนะ
อย่างที่ซูหว่านคาดไว้ ยังไม่ทันได้ผ่านช่วงเช้าไป เฉินจี๋ก็เดินมาที่หอแรงงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นี่เฉินกงกงมิใช่หรือ? ลมอะไรพัดท่านมาถึงที่นี่คะ?
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นผู้ดูแลเหมือนกัน แต่สำหนักพระภูษาเป็นหนึ่งในหกสํานักยี่สิบสี่กอง เป็นฝ่ายอํานาจจริง เมื่อเทียบกับหอแรงงานที่คนนับหมื่นรังเกียจแล้ว ฝ่ายหนึ่งคงเป็นสวรรค์และอีกฝ่ายหนึ่งอยู่บนพื้นดินอย่างแน่นอน
ดังนั้น เมื่อไป๋หมัวหมัวเห็นเฉินจี๋ก็รีบยิ้มและเดินเข้าไปต้อนรับทันที
ไป๋หมัวหมัว ข้าจะมาส่งของฝากพิเศษจากบ้านเกิดให้เจ้าไงล่ะ
เฉินจี๋เหลือบตามอง ก็ดูมีเอกลักษณ์มาก ไป๋หมัวหมัวที่อยู่ข้าง ๆ มองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของเฉินจี๋ สีหน้าดูแปลก ๆ
จะว่าไปเฉินกงกงนี้ก็แปลกเหมือนกัน เขาก็เป็นผู้ชายแต่งหน้าหญิงตั้งแต่เด็ก ว่ากันว่าตอนเด็ก ๆ ที่บ้านติดหนี้คนอื่นเป็นจำนวนมาก และเจ้าหนี้ยังชอบเขา จะจับกลับไปเป็นภรรยา!
ต่อมารู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย คนนั้นก็ยังไม่ตายใจ กลับยืนยันว่าจะพาเขากลับบ้านไปเป็นบ่าวชายให้ได้ ตอนนั้นเฉินจี๋อายุยังน้อยแต่กลับมีความคิดที่ถูกต้อง ในคืนเข้าเรือนหอเขาก็ทําร้ายคนนั้นจนบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็รีบวิ่งออกมาเพียงลำพังอย่างเร่งรีบ และได้ทันเวลาตอนที่วังหลวงเลือกบ่าวรับใช้ภายใน ด้วยความที่กลัวว่าคนนั้นจะจับตัวเขาเข้าไปในห้องขัง เฉินจี๋จึงสมัคเข้าวังไปเป็นบ่าวรับใช้ภายใน
ตอนที่เขาเพิ่งเข้าวังมา เฉินจี๋ก็ถูกรังแกอยู่บ่อย ๆ เพราะหน้าตาเขาขาวผ่อง แต่ทว่าเขากลับไม่พูดอะไรเลยสักคํา มักจะโดนแทงข้างหลังอยู่เสมอ พอโดนหักหลังบ่อย ๆ เขาก็เข้าตาหัวหน้าขันทีวัง จากนั้นก็เลื่อนตําแหน่งไปเรื่อย ๆ จนได้เป็นผู้ดูแลของสำหนักพระภูษา
ประวัติส่วนตัวเช่นนี้ ทำให้แค่มองดูได้เท่านั้น ไม่สามารถทําซ้ำได้
ไป๋หมัวหมัว ดูนี่สิ ปีนี้พุทราเฮอเถียนหวานมากเลยนะ
เฉินจี๋ไม่ได้สนใจสีหน้าแปลก ๆ ของไป๋หมัวหมัว เขายัดพุทราตะกร้าหนึ่งใส่มือเธอ ไป๋หมัวหมัวยิ้ม ๆ แล้วยกมือขึ้นหยิบกระเป๋าเงินที่ไม่สะดุดตาในตะกร้านั้นขึ้นมาชั่งดูความหนักเบา สีหน้าของเธอรู้สึกลําบากใจเล็กน้อย เฮ้อ เฉินกงกงคะ ข้าแก่แล้ว ฟันไม่ค่อยดีนัก ช่วงนี้ของแห้ง ของแข็ง ของหวานกินไม่ได้แล้ว ขอบคุณความเมตตาของเจ้านะคะ ของสิ่งนี้ เจ้าเอากลับไปเถอะ!
หืม?
เมื่อได้ยินคําพูดของไป๋หมัวหมัว สีหน้าของเฉินจี๋ก็ตะลึงค้าง เขายังไม่ทันได้พูดว่าตนจะขอให้นางจัดการเรื่องอะไร นางก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด นี่หมายความว่าอย่างไร?
ไป๋หมัวหมัว นี่เจ้ากำลังไม่ไว้หน้าข้านะ!
เมื่อพูดเช่นนี้ สีหน้าของเฉินจี๋ก็ค่อยๆ เย็นเยือกลง
เฮ้อ เฉินกงกงไม่ต้องรีบร้อน เรามาคุยกันต่อเถอะ
ไป๋หมัวหมัวดึงเฉินจี๋ไปที่มุมนอกประตูอย่างระมัดระวัง ครั้งนี้เจ้าน่าจะมาเพื่อเจ้าซูหว่านใช่ไหม?
ใช่แล้ว เฉินจี๋พยักหน้า อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไป๋หมัวหมัวแวบหนึ่ง หรือว่ายังมีคนอื่นที่มาอีก?
นี่… เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก นางเป็นคนที่หัวหน้าขันทีวังพามาด้วยตัวเอง หัวหน้าขันทีวังกําชับอย่างดีว่าให้สั่งสอนนางให้ดี ข้าไม่กล้าตัดสินใจโดยไม่ได้รับอนุญาตจริงๆ! นอกเสียจากว่า…
เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋หมัวหมัวมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่
เหลือบมองเห็นรอยยิ้มของเธอ เฉินจี๋เข้าใจในทันที เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมกับข้าหรอก พูดเลขมา!
ช่วยคนอื่นทํางาน เฉินจี๋ไม่เสียดายเงินเลย ตอนนี้เขาทําสีหน้าไม่แยแสออกมา
นี่มัน หึหึ
ไป๋หมัวหมัวแค่ยิ้ม แล้วยกมือขึ้นพัดตรงหน้าตัวเอง
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ เฉินจี๋ก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเสียงต่ำว่า ไป๋หมัวหมัว นี่เจ้ากําลังจะกินชิ้นใหญ่นะเนี่ย เจ้าไม่กลัวว่าจะตึงหนังท้องเกินไปหรือ?
เหอะเหอะ
ไป๋หมัวหมัวเพียงแค่ยิ้มอย่างสดใส เจ้าคิดว่านางเต็มใจหรือ? นี่ก็เป็นคําสั่งของคุณนายไงล่ะ?
เมื่อเห็นว่าไป๋หมัวหมัวแค่ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เฉินจีก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง เลขนี้เลยหรือ น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ?
สลึงหนึ่งก็ขาดไม่ได้
สีหน้าของไป๋หมัวหมัวก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน ครั้งนี้เสี่ยงมากนะ ต่อให้ได้เงินพวกนี้มา บ่าวก็ทําได้เพียงพยายามเท่านั้นเอง!
เมื่อเห็นว่าไป๋หมัวหมัวพูดด้วยความจริงใจ เฉิงจี๋จึงได้แต่พยักหน้า เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะกลับไปศึกษาดูแล้วกัน
พูดไปเขาก็กำตะกร้าในมือไว้แน่น เฉินจี๋เดินจากไปอีกครั้งพร้อมก้าวเดินอย่างว่องไว
ไป๋หมัวหมัวที่มองดูแผ่นหลังของเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เจ้าคนขี้เหนียวคนนี้ ไหน ๆ พุทราก็เอามาแล้ว เหลือไว้ให้นางไว้สักสองอันไม่ได้หรือ?