วังหลัง เรือนเหวินหวา เรือนแห่งนี้เป็นที่อยู่ของหลิวกุ้ยเหรินผู้เคยเป็นที่รักของฝ่าบาท
ทำไมถึงพูดว่าเคยเป็นน่ะหรือ
เพราะหลังจากอวี้กุ้ยเหรินผู้นั้นชำนาญร้องเล่นเต้นระบำเก่งได้เข้ามาในวัง ฝ่าบาทก็เรียกให้หลิวกุ้ยเหรินเข้าเฝ้าเพื่อเสพสุขน้อยลง หลายวันมานี้บรรยากาศภายในเรือนเหวินหวาแห่งนี้ล้วนโศกเศร้าและวันนี้ยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม
อวี่ชิง เจ้าสอบถามอย่างกระจ่างแล้วหรือ
ในเวลานี้หลิวกุ้ยเหรินปล่อยนางกำนัลที่อยู่ข้างกายแต่งตัวงดงามให้ ใบหน้าอันขาวกระจ่างใสของนางขณะสวมชุดกงจวงเชิ่น ที่สดใสมองดูแล้วเป็นสตรีที่ช่างงดงามยิ่ง
ในเวลานี้ได้ยินคำพูดของหลิวกุ้ยเหริน เหยียนอวี่ชิงที่ยืนข้างกายด้วยความเคารพก็รีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เมื่อต้องตอบคำถามของนายหญิงสิ่งนี้ ข้าน้อยได้ยินมาอย่างชัดเจนว่า อวี้กุ้ยเหรินทำผิดต่อหน้าพระพักตร์ได้โดนทำโทษแล้ว และวันนี้เพราะจิตใจของฝ่าบาทยังไม่ดีนัก ภายในวังหลังได้สั่งประหารครั้งใหญ่ ตำหนักจิ้งอวิ๋นและสำนักพระภูษาต่างล้วนโดนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
เมื่อพูดสิ่งนี้แล้ว น้ำเสียงของเหยียนอวี่ชิงก็สั่นเครือเล็กน้อย
หลิวกุ้ยเหรินคนงามมองดูสักพัก ค่อย ๆ หันไปมองดูใบหน้าดวงน้อยของเหยียนอวี่ชิง อวี่ชิง ข้าจำได้ว่าพี่สาวของเจ้าก็อยู่เป็นข้ารับใช้ในสำนักพระภูษาใช่ไหม นางไม่เป็นอะไรใช่ไหม
ขอบคุณพระสนมที่ทรงเป็นห่วง ข้าน้อย…เมื่อข้าน้อยออกไปถามนั้น คนของฝ่าบาทยังรับใช้ในสำนักพระภูษาอยู่ ส่วนข้างในเป็นเช่นไรนั้นไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ
พูดถึงเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเหยียนอวี่ชิงก็ไม่อาจทนแสดงสีหน้ากังวลใจออกมาได้ นางกับเหยียนอวี่นั่วเดิมทีไม่ใช่พี่น้องกันแต่เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมานางได้ดูแลเหยียนอวี่ชิงในทุกเรื่อง เหยียนอวี่ชิงก็แสดงออกถึงความรู้สึกซาบซึ้งที่มีต่อนาง
แน่นอน ตัวตนของเหยียนอวี่ชิงเป็นลูกสาวของภรรยารองตระกูลเหยียน ตั้งแต่เล็กได้รับสายตาเยือกเย็นของคนอื่น ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานแล้วจนสามารถมองออก ท่านอย่ามองเพียงว่าอายุของนางน้อยกว่าเหยียนอวี่นั่วเพียงหนึ่งเดือน ทว่าในจิตใจนั้นลึกซึ้งมากกว่านั้น
หากวันนี้นางอยู่ด้านหน้าหลิวกุ้ยเหรินและมีสีหน้าเช่นนี้ ใจหนึ่งก็คิดอยากให้หลิวกุ้ยเหรินได้มองเห็นความรู้สึกของตนที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับความรู้สึกที่มีต่อกัน อีกใจกลับคิดอยากแย่งชิงโอกาสที่ได้รับอนุญาตให้ได้ไปที่สำนักพระภูษา เผื่อจะโชคดีได้บังเอิญพบกับฝ่าบาทที่นั่นอีกไหมนะ
สำหรับความคิดของเหยียนอวี่ชิง ในเวลานี้หลิวกุ้ยเหรินไม่รู้เรื่องอะไร เธอโดนใบหน้าอันอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาของเหยียนอวี่ชิงผู้นี้หลอกเข้าให้จริง ๆ หากรู้ว่าอวี้กุ้ยเหรินตายแล้ว หลิวกุ้ยเหรินจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ แต่ทว่า….
ฝ่าบาทในวันนี้แปลกไปนัก!
ในความทรงจำของหลิวกุ้ยเหริน การกระทำของฝ่าบาทจะทำเงียบ ๆ ตลอด และนิสัยก็ไม่ใช่คนเผด็จการเช่นนี้เลย เช่นนั้นแล้วอวี้กุ้ยเหรินทำผิดเรื่องใดจึงทำให้ฝ่าบาทกริ้วได้เช่นนี้
ตำหนักจิ้งอวิ๋นเป็นตำหนักบรรทมของพระสนมซูเฟย นางได้รับแต่งตั้งเป็นฮวงเฟยแล้ว สถานะโดยธรรมชาติแล้วไม่สามารถดูถูกได้ วันนี้ฝ่าบาททำตำหนักจิ้งอวิ๋นนองเลือดแล้ว เช่นนั้น จะมีผลกระทบอะไรอีกนะ
จำเป็นต้องพูดว่า ผู้หญิงในวังหลังจำต้องจัดการด้วยเหตุและผล มิเช่นนั้น ตนเองจะตายอย่างไรก็ล้วนไม่ทราบได้
หลิวกุ้ยเหรินคิดในใจเพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างอวี้กุ้ยเหรินกับซูเฟยทั้งวันก็ไม่อาจหาได้ ในเวลานี้ ขันทีคนหนึ่งรีบเข้ามาในห้อง เข้ามานั่งข้างหูกระซิบคำไม่กี่คำกับหลิวกุ้ยเหริน
หลิวกุ้ยเหรินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าสบตาเหยียนอวี่ชิง อวี่ชิง พี่สาวของเจ้ามาหาเจ้า เจ้าไปดูนางเถิดว่ามีเรื่องอันใด
เหยียนอวี่นั่วมาแล้วหรือ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวกุ้ยเหริน เหยียนอวี่ชิงรีบขอออกไป หลังจากนั้นก็รีบออกไปจากห้องบรรทม
ข้างนอกเรือนเหวินหวา ใบหน้าของเหยียนอวี่นั่วเต็มไปด้วยความกังวลเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
ท่านพี่!
เหยียนอวี่ชิงได้เห็นสีหน้าของเหยียนอวี่นั่วชั่วครู่ เธอคุ้นเคยกับสีหน้าเช่นนี้ของเหยียนอวี่นั่ว ดูแล้วสำนักพระภูษามีเรื่องเกิดขึ้นแน่
อวี่ชิง!
เมื่อได้เห็นใบหน้าของเหยียนอวี่ชิง เหยียนอวี่นั่วก็รีบกุมมือของน้องสาว พูดด้วยความกังวลใจ อวี่ชิง เจ้าต้องช่วยเสียวหว่านนะ ช่วยนางด้วยนะ!
ซูหว่านเกิดเรื่องแล้ว หรือว่าจะเป็น……
สีหน้าของเหยียนอวี่ชิงได้ปรากฏขึ้นและตีมือของเหยียนอวี่นั่ว ท่านพี่ ท่านพูดช้าหน่อย ในสำนักพระภูษาเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่รึไม่
ระหว่างที่เหยียนอวี่นั่วและเหยียนอวี่ชิงกำลังคุยหาวิธีการเพื่อลดโทษของซูหว่านอยู่นั้น ซูหว่านที่ตามหลังของวังอี้ก็มาถึงที่หอแรงงานแล้ว ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ข้างในสุดของเขตพระราชวังเป็นมุมส่วนตัวที่แสนเงียบเหงา และยังเป็นสถานที่ที่สกปรกมากที่สุดของเขตพระราชวัง
ผู้ดูแลของหอแรงงาน หมัวหมัวได้เห็นหัวหน้าขันทีวังอี้นำตัวคนเข้ามาด้วยตนเอง นางก็รีบย่ำเท้าก้าวออกมาจากประตู มาอยู่ด้านหน้าของวังอี้ หัวหน้าขันทีวัง เหตุใดถึงได้มาที่นี่ด้วยตนเองหรือ
ไป๋หมัวหมัว วันที่แสนเหน็ดเหนื่อยนี้คงต้องลำบากท่านอีกแล้วล่ะ
เมื่อได้เห็นหน้าตาที่ยิ้มแย้มของไป๋หมัวหมัวส่งยิ้มให้ตน วังอี้จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยน
นี่คือ……
ไป๋หมัวหมัวมีแววตาปิติยินดี เข้ามาใกล้ชิดวังอี้แล้วคิดใคร่ครวญ ยกมือนำพันธบัตรใบหนึ่งใส่มือของวังอี้ คงต้องให้ขันทีวังช่วยชี้แนะ
(การอาศัยของคนในวังหลัง ตามหลักการข้อที่หนึ่ง คือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดและเวลาใด จำต้องมีถุงเงิน พันธบัตรและของล้ำค่าที่พกพาได้สะดวก ติดตัวอยู่เสมอ สิ่งของเหล่านี้เรียกได้ว่าไม่ว่าเวลาใดก็สามารถใช้ได้ และบางครั้งยังสามารถช่วยชีวิตของคนหนึ่งได้)
อ้าย ไป๋หมัวหมัวสุภาพเกินไปแล้ว
วังอี้ปัดพันธบัตรที่ทำให้คนกลัวจนสั่นเทาออกไปแล้วหันตัวมามองดูซูหว่านด้วยสีหน้าเคารพนับถือ แม่นางซู นี่คือไป๋หมัวหมัว ผู้ดูแลของหอแรงงาน
สวัสดีท่านไป๋หมัวหมัว!
ซูหว่านก้มหัวเล็กน้อยให้ไป๋หมัวหมัว ไป๋หมัวหมัวแม้ว่าอยู่ในหอแรงงานมานานหลายปี ไม่มีสิ่งใดที่ปรับปรุงเลย แต่ทว่าสายตาของนางโหดเหี้ยมอย่างมาก เมื่อได้เห็นวังอี้ดูสุภาพต่อหน้าแม่นางซูผู้นี้ ไป๋หมัวหมัวจึงไม่กล้าแสดงความเย่อหยิ่งออกมา พอได้ยินคำทักทายของซูหว่าน นางรีบพยักหน้าและยิ้มอย่างไม่หยุด สวัสดีแม่นางซู สวัสดีแม่นางซู หัวหน้าขันทีวัง แม่นางซูผู้นี้คือ…
ไป๋หมัวหมัวและซูหว่านได้ทักทายกันแล้วมองดูวังอี้ที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยสีหน้าฉงนสงสัย วังอี้ค่อย ๆ เข้ามาข้างกายไป๋หมัวหมัวแล้วกระซิบข้างหูของนาง ไป๋หมัวหมัวมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป สุดท้ายชักสีหน้าแสดงความตื่นอกตื่นใจ หัวหน้าขันทีวังท่านวางใจได้ ยกแม่นางซูให้ข้าน้อย ข้าน้อยจะไม่ทำให้ผมของแม่นางร่วงออกไปสักเส้นเดียว
เมื่อได้คำตอบของไป๋หมัวหมัว วังอี้ก็หยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ดีล่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าต้องกลับไปรายงานให้ฝ่าบาท เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว วังอี้อดไม่ได้ที่จะมองดูซูหว่านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ แม่นางซู มีอะไรที่ท่านต้องการให้ข้านำเรื่องไปบอกกับฝ่าบาทไหม
ได้ยินคำถามของวังอี้ ซูหว่านค่อย ๆ ยิ้ม เข้ามาใกล้วังอี้แล้วกระซิบข้างหู เมื่อวังอี้ได้ยินคำพูดของซูหว่านแล้ว ก็ประหลาดใจแต่กลับพยักหน้าอีกครั้ง แม่นางซูโปรดวางใจ ข้าน้อยกลับไปถึงจะบอกคำพูดของท่านให้ฝ่าบาทได้ทรงรับทราบ ข้าน้อยขอลาก่อน
เมื่อพูดอยู่นั้น วังอี้ก็หันตัวก้าวเท้าออกไป เมื่อเห็นว่าวังอี้เดินออกไปไกลแล้ว ไป๋หมัวหมัวผู้มีใบหน้าที่แสนอบอุ่นส่งยิ้มและมองซูหว่าน แม่นางซู ในหอแรงงานแห่งนี้เรียบง่ายอย่างมาก หากว่าท่านไม่ชอบก็ไปอาศัยห้องนอนของบ่าวชั่วคราวก่อนเถิด ท่านวางใจได้ บ่าวเก็บกวาดห้องนอนเรียบร้อยอย่างสะอาดสะอ้าน ของทุกอย่างที่ใช้ล้วนเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งสิ้น
ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก
ซูหว่านก็ยิ้มให้ไป๋หมัวหมัว ท่านให้ห้องที่เรียบง่ายและแย่ที่สุดให้ข้าก็พอแล้ว จำไว้ ยิ่งแย่ยิ่งดี
ไป๋หมัวหมัว ‘…………..’
แม่นางซูท่านจะทำโทษตนเองหรือ
แม้ว่าภายใต้จิตใจไม่พึงพอเพียงใด แต่เมื่อได้คิดถึงสิ่งที่ขันทีวังได้ตอบกลับกับตนเองแล้วนั้น เพียงบริการเจ้านายผู้นี้ให้ดีก็สามารถหลุดจากหอแรงงานได้ โอกาสที่ดีเช่นนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว นางจะล้มเลิกได้เช่นไรกันเล่า
ไป๋หมัวหมัวตบมือหนึ่งครั้ง แม่นางซูเจ้าจงวางใจ ในหอแรงงานแห่งนี้ไม่มีอะไร สถานที่ที่สกปรก นั่นคือพบได้ทั่วไป ท่านวางใจเถิด!
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋หมัวหมัว ซูหว่านก้มหัวแล้วยิ้ม สิ่งที่ท่านหมัวหมัวทำนั้นข้าเองก็วางใจ ต่อไปซูหว่านอยู่ที่นี่คงต้องขอให้ท่านหมัวหมัวดูแล! อีกทั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ข้าอยู่ที่นี่ ขอโปรดให้ท่านหมัวหมัวไม่บอกกล่าวกับคนอื่น
คำพูดต้องไม่ไปถึงหูของบุคคลที่สาม คือกฎข้อที่สองของคนในวังหลังที่ต้องทำตาม
บ่าวเข้าใจแล้ว แม่นางซูวางใจเถอะเพียงแค่นี้
พูดเช่นนี้แล้ว ไป๋หมัวหมัวก็รีบขึ้นเสียงทันที สาวน้อย ข้าบอกอะไรให้เจ้าฟังนะ เมื่อได้เข้ามาที่หอแรงงานของข้าก็ต้องฟังข้า ไป๋หมัวหมัว เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นสำนักพระภูษาของเจ้างั้นหรือ สายตาช่างไม่มีแววเสียจริง คาดว่าทั้งชีวิตนี้ก็คงได้แค่รออยู่ในนี้ รีบตามข้ามาเร็ว เร็วเข้า!
ระหว่างที่หมัวหมัวกำลังพูดก็ได้เชิดหน้าพาซูหว่านเข้าไปในประตูหลักของหอแรงงาน หากพูดถึงภายในวังหลังแห่งนี้ เต็มไปด้วยผู้ชายมากมาย โดยเฉพาะนักแสดงที่มากความสามารถ ข้าหลวงที่ได้เข้ามาแล้วประเมินได้ว่าเป็นนักแสดงที่จะต้องได้รับรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมเป็นแน่
ข้าหลวงกลุ่มหนึ่งที่คิดจะออกจากประตูเมื่อเห็นเงาของไป๋หมัวหมัวก็ต่างล้วนทำท่าแสดงความเคารพ พอได้เห็นร่างของซูหว่านซึ่งอายุยังน้อย ๆ อยู่ข้างหลัง สีหน้าทุกคนต่างแสดงออกมาอย่างน่าเวทนา
หอแรงงานที่นี่คือที่ไหนกัน
ทั้งพระราชวังจนถึงพระราชวังนอกเมืองหลวง ภายในสุสานหลวง เรื่องที่แสนเหน็ดเหนื่อยสาหัสที่สุด ดังเช่น การกวาดห้อง ทำความสะอาดโถส้วม งานที่สกปรกและเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดล้วนเป็นหน้าที่หลักของคนงานในหอแรงงาน พวกเขาทำสิ่งที่ลำบากและเหน็ดเหนื่อยมากที่สุด รายได้ก็ต่ำที่สุด อีกทั้งเป็นกลุ่มคนที่มีสถานะต่ำที่สุด
มีข้าหลวงส่วนมากเมื่อแรกเริ่มโดนทำโทษให้เข้ามาอยู่หอแรงงาน และยังคิดว่าเมื่อตนเองพ้นโทษแล้วสามารถออกไปได้ แต่ทว่าหลังจากเข้ามาที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน สถานะก็เปลี่ยนไป เหล่าเจ้านายก็ไม่เคยขาดคนที่อยู่รอบข้างกายเอาไว้ใช้เรียกอยู่แล้ว พอนาน ๆ ไปก็ทำให้ท่านลืมอย่างสนิท ฉะนั้นท่านได้เข้ามาแล้วนั้นก็ไม่สามารถออกไปได้แล้ว
ภายในสายตาที่ทุกคนต่างแสดงความเห็นอกเห็นใจ ซูหว่านก็ตามหมัวหมัวเข้าไปในห้องก่อน นี่คือคนมาใหม่ทุกคนล้วนจำต้องผ่านกฎระเบียบ พูดให้ชัดเจนคือต้องโดนหมัวหมัวสั่งสอนหนึ่งชุด ในความเป็นจริงก็คือจำต้องเคารพนับถือไป๋หมัวหมัว
หากเงินท่านมากพอ เช่นนั้นท่านก็จะทำงานที่ไม่เหนื่อยยากมากนัก หากท่านไม่มีเงินสักแดงเดียว ไม่เพียงที่ท่านจะได้รับงานที่ยากเย็นแสนสาหัสมากที่สุดแล้ว แต่ท่านจะโดนหมัวหมัวทำร้ายชุดใหญ่
อ้า!
ท่านหมัวหมัว ไว้ชีวิตข้าด้วย!
ไม่ทันไร ภายในห้องก็ฉับพลันได้ยินเสียงอัน เจ็บปวด ของซูหว่านดังออกมา คนในลานต่างแอบมองดู ทุกคนไม่มีใครพูดถึงยิ่งไปกว่านั้นสายตาของคนเหล่านั้นนำพารอยยิ้มที่ขาดความปรารถนาดี….
เพียงคิดว่ามีคนใหม่มาแล้ว งานกวาดในห้องน้ำ ข้าไม่ต้องได้ทำต่อไปแล้วใช่ไหมเล่า
สุดท้าย เวลาที่ยังไม่มาถึง คนทั้งหมดในหอแรงงานล้วนรู้ว่านางข้าหลวงที่ได้รับโทษได้มาแล้ว ไป๋หมัวหมัวเป็นคนไม่เคารพผู้ไม่มีเงิน หลังจากวันนั้น…สรุปอย่างง่าย ๆ คือไม่กล้าที่จะคิดแทนนางแล้วล่ะ