บทที่ 33 Hummer แสดงแสนยานุภาพ
“ถงถง อย่าไป!”
ชายขี้เหร่พูดพลางพยายามคว้ามือของโจวซีถง แต่กลับถูกแขนที่แข็งแกร่งของอีกคนปัดออก
“เฮ้ เธอบอกให้คุณออกไป ทำไมยังมาวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น?”
ปรากฏว่าเป็นเฉินห้าวที่ออกโรงเอง เขามองออกว่าชายขี้เหร่กำลังตามตื๊อโจวซีถง ไม่จำเป็นต้องให้โจวซีถงแสดงท่าทีก็รู้ว่าชายขี้เหร่คนนี้รักเธอข้างเดียว ตราบใดที่ตาไม่บอดก็ไม่มีทางเลือกเขาแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นในแง่อุปนิสัยหรือรูปลักษณ์ ชายขี้เหร่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
“คุณเป็นใครถึงกล้าพูดกับผมแบบนี้? แถมยังใกล้ชิดกับถงถงอีก พวกคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกัน?” ชายขี้เหร่โกรธและเริ่มตั้งคำถามกับเฉินห้าว
“คุณอย่าไปสนใจเลย เขาคือเจิ้งตง”
โจวซีถงชี้ให้เห็นตัวตนของชายขี้เหร่คนนี้ เจิ้งตงเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่มีความสัมพันธ์ที่กว้างขวางในเมืองนี้ พ่อของเขาเคยมั่วสุมอยู่ในแก๊งอันธพาล ต่อมาก็วางมือและก่อตั้งธุรกิจของครอบครัว แต่ก็ติดนิสัยจากแก๊งอันธพาลมาไม่น้อย รอบตัวเจิ้งตงมีลูกกระจ๊อกกลุ่มหนึ่ง โจวซีถงไม่กลัว แต่เธอกังวลว่าเฉินห้าวจะถูกตอบโต้
“จะเจิ้งตงเจิ้งซีอะไรก็มาก่อกวนคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้?” เฉินห้าวไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เขาจะกลัวชายขี้เหร่เสเพลคนนี้ไม่ได้
“แม่งเอ๊ย มาพูดกับพี่ตงแบบนี้ อยากตายหรือไง!”
ชายวัยรุ่นหัวทองด้านหลังเจิ้งตงเข้ามาด่าพร้อมจะลงมือ ยังมีพวกอันธพาลสักแขนสามสี่คนรายล้อมเข้ามาจะทำร้ายเฉินห้าว
เฉินห้าวคว้าขวดเหล้าขึ้นมาถือไว้ในมือ ก็แค่การทะเลาะวิวาทไม่ใช่เหรอ? เขายอมถูกล้ม แต่จะขี้ขลาดไม่ได้ เมื่อเห็นโจวซีถงที่เขาชื่นชมถูกก่อกวน หากเขาเฉยเมยก็ไม่สมควรได้ชื่อว่าผู้ชาย
พวกอันธพาลคว้าเก้าอี้ใกล้ๆ ขึ้นมาเช่นกัน พร้อมจะปะทะทุกเมื่อ
“พวกคุณจะทำอะไร? เจิ้งตง อย่ามาก่อเรื่องในร้านของฉัน!”
ในเวลานี้พี่เจินก็ออกมาพูดคุย ถึงเมื่อครู่เธอจะอ่อนโยนยิ้มแย้ม แต่พอเวลาเด็ดขาดขึ้นมาก็ดุร้ายทีเดียว
“แกคอยดูฉันให้ดี เรื่องนี้ไม่จบแน่!”
เจิ้งตงชี้ไปที่เฉินห้าวข่มขู่เขา แต่เห็นได้ชัดว่าเขากลัวพี่เจิน ไม่กล้าลงมือในบาร์ พวกอันธพาลออกไปด้วยสายตาดุร้าย คงจะไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ
“ประธานเฉิน คุณต้องระวังตัวด้วย ฉันรับประกันความปลอดภัยของคุณได้แค่ในบาร์เท่านั้น” พี่เจินพูดอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไร ผมไม่กลัวพวกเขาหรอก” เฉินห้าวเป็นคนซื่อตรงไม่กลัวคำติฉินใดๆ ดังที่มีคำกล่าวไว้ว่า คนพาลกลัวความมุทะลุ คุณต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเขา พวกอันธพาลเหล่านี้ถึงจะกลัวคุณ
“หมดสนุกเลย!”
อารมณ์สนุกสนานในการดื่มของโจวซีถงถูกขัดจังหวะ เธอพูดกับเฉินห้าว “คุณพาฉันกลับบ้านเถอะค่ะ”
“ไม่มีปัญหา”
เฉินห้าวพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากบาร์ก่อน
เจิ้งตงและลูกกระจ๊อกของเขารออยู่ข้างนอกตามคาด พอเห็นเขากับโจวซีถงออกมาก็ตามไปอย่างมุ่งร้าย ถึงอย่างไรฐานะของโจวซีถงก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของที่นี่ เป็นทายาทของบริษัทโจวซื่อ ลูกสาวคนเดียวของโจวหมิงฟาเจ้าพ่อในแวดวงธุรกิจในประเทศ ดังนั้นเจิ้งตงจึงไม่กล้าทำอะไรวู่วาม พวกเขาจึงไม่กล้าลงมือจนกระทั่งเฉินห้าวขึ้นรถ
การที่โจวซีถงให้เฉินห้าวไปส่งที่บ้านก็เพื่อเป็นการปกป้องเขา เพราะเมื่อเธออยู่ในรถ เจิ้งตงจะไม่กล้าบุ่มบ่าม
ขณะที่เฉินห้าวกำลังขับรถก็พบว่ามีรถหลายคันข้างหลังขับตามเขามาตลอด เขาไม่คาดคิดว่าเจิ้งตงจะเกาะหนึบเป็นกอเอี้ยะแบบนี้
รถ Hummer ของเฉินห้าวมาพร้อมกับสาวสวยโจว เขาไม่อยากจะไปเปิดประสบการณ์กับอันธพาลเหล่านั้น จึงขับรถพาโจวซีถงตรงกลับไปที่บ้านพักของเธอ
รถจอดลง หลังลงจากรถโจวซีถงก็พูดกับเขาว่า “ขอบคุณที่มาส่งฉันนะคะ แต่วันนี้แม่ฉันพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ฉันไม่เชิญคุณเข้าไปแล้วกัน เดี๋ยวคุณรอสักพักค่อยไป เจิ้งตงอาจจะยังอยู่ข้างนอก”
“ผมไม่เป็นอะไร คุณรีบพักผ่อนเถอะ ฝากความห่วงใยถึงคุณป้าด้วย” เฉินห้าวยิ้มเล็กน้อยพลางบอกลาโจวซีถง
เขาทอดตามองโจวซีถงเข้าไปในบ้านพัก ยิ้มมุมปากเพราะสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของโจวซีถงที่มีต่อเขา ตนเองได้ฝากความประทับใจเอาไว้กับสาวสวยแล้ว
ตอนที่เขาเลี้ยวรถขับออกจากเขตบ้านพัก สีหน้าของเขาก็ขรึมลง เมื่อครู่มีโจวซีถงอยู่ เขาไม่สะดวกที่จะทำอะไร ตอนนี้โจวซีถงลงจากรถไปแล้ว เขาต้องการสอนบทเรียนเจ้าลูกเศรษฐีคนนั้นสักหน่อย
เฉินห้าวขับ Hummer ของเขาออกจากบ้านพัก รถสามคันที่จอดอยู่บนถนนรอบๆ สตาร์ทรถทันทีแล้วตามเขาไป
หนึ่งในนั้นมี Benz S400 สีดำซึ่งเป็นรถของเจิ้งตง ตามมาด้วยรถ Passat และรถ Mazda ต่างทยอยเร่งเครื่องขึ้นเพื่อโอบล้อมรถของเฉินห้าว
บนถนนนอกเขตบ้านพักมีรถวิ่งอยู่น้อยมาก ภายใต้ไฟถนนยามค่ำคืน รถสี่คันเริ่มเปิดฉากไล่ล่า
เฉินห้าวยิ้มเยาะ ถ้าเขาไม่แสดงแสนยานุภาพบ้างคงคิดว่าเขาอ่อนแอจริงๆ เขามองจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีกล้องวงจรปิดบนถนนเส้นนี้ จึงเจตนาชะลอความเร็วเร็ว ปล่อยให้อีกฝ่ายตามทัน
รถ Mazda เร่งความเร็วขึ้นมาทางด้านซ้ายของเฉินห้าว หลังจากแซงหน้ารถของเฉินห้าวได้แล้ว ก็หักขวาอย่างกะทันหันเพื่อพยายามหยุดรถ Hummer ของเฉินห้าว
ทว่าเขาไม่ได้สนใจต้นทุนและคุณภาพของรถทั้งสองคันเลย รถ Mazda มูลค่าสองแสนกว่า ในขณะที่ของเฉินห้าวเป็น Military Hummer มูลค่าสี่ล้านกว่า เมื่อหักราคาสินค้ามียี่ห้อซึ่งมากเกินความจำเป็นออก เงินส่วนเกินนั้นจะต้องอยู่ในวัสดุแน่นอน
โดยปกติแล้ว Military Hummer จะไม่เปิดขายให้กับสาธารณชน มันมีไว้สำหรับใช้ในกองทัพ รถคันนี้มีกระจกกันกระสุนและติดเกราะป้องกันเหตุจลาจล ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของปืนไรเฟิลและระเบิดมือได้ นับประสาอะไรกับรถบ้านๆ ที่ห่อหุ้มด้วยแผ่นเหล็ก เมื่อตัวถังรถ Mazda เหวี่ยงเข้ามา เฉินห้าวก็เหยียบคันเร่งอย่างฉับพลัน กันชนกระแทกเข้ากับตัวถังรถ Mazda อย่างจัง
‘โครม’ รถ Mazda ถูกชนจนหมุนคว้างแล้วพุ่งเข้าไปในแถบกั้นข้างทาง ด้านข้างของรถยุบเข้าไป บนพื้นเต็มไปด้วยเศษกระจกกระจัดกระจาย ถุงลมนิรภัยในตัวรถระเบิดออก คาดว่าคนที่อยู่ในรถก็วิงเวียนเช่นกัน ส่วนรถของเฉินห้าวเพียงแค่สว่างวาบเท่านั้น ไม่เป็นอะไรเลย
Military Hummer องอาจห้าวหาญมากจริงๆ