บทที่ 42 มีแค้นต้องชำระแค้น มีความขัดแย้งต้องชำระความขัดแย้ง
“ลุยลุยลุย อย่าไปกลัว มันแค่ตัวคนเดียว พวกเราตีมันคนละไม้ให้มันกลายเป็นเนื้อบดไปเลย” ฝั่งเจิ้งตงโจมตีอย่างผิดหวัง เขาให้กำลังใจกับลูกน้องเขาลูกน้อง พวกเขาได้รวบรวมพละกำลังพลขึ้นมาอีกชุดเพื่อโจมตี โดยล้อมรอบรถไว้
ส่วนเฉินห้าวถือว่าเป็นตัวสำคัญในหมู่โจร ยิงนัดหนึ่งแล้วเปลี่ยนไปอีกทิศทางหนึ่ง แล้วก็กระโดดไปบนรถอีกคัน ทำให้การล้อมรอบของนักเลงมีช่องว่าง จากนั้นได้ตกหล่นไปสองคน แล้วเล่นด้วยวิธีการเดิม ไม่กี่วิหลังจากนั้น มีนักเลงอีกสองคนได้สลบไป
เซี่ยจิ้งผู้ที่ถ่ายเหตุการณ์จริงอยู่นั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก คราวที่แล้วที่ได้เห็นฉากเหตุการณ์แบบนี้อยู่ในหนังการต่อสู้ของเจิ้นจื่อตัน และเฉินห้าวก็ไม่ได้มีท่าต่อสู้ที่มีสีสัน ความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแค่ใช้ไม้ไม่ก็หมัดเดียวจนศัตรูสลบ ทุกครั้งที่ออกมือสามารถต่อยนักเลงล้มสองคน ในสายตาเซี่ยจิ้งนั้น เขาก็เป็นระดับเดียวกับฮีโร่เลย
“โอ้แม่เจ้า เฉินห้าวหล่อมาก ทำไมหัวใจฉันถึงได้เต้นเร็วขนาดนี้?”ภายในใจของเซี่ยจิ้งรู้สึกกระสับกระส่าย
การต่อสู้อย่างดุเดือดฝั่งนี้ของเฉินห้าวที่ผ่านมาไม่กี่นาที ได้ล้มพวกนักเลงลูกน้องไปหมด สุดท้ายเหลือเพียงแค่เจิ้งตงคนเดียว ที่ตกใจจนถอยออกห่าง ใช่เลย จากเริ่มแรกที่ร้องโห่อย่างบ้า พอถึงตอนนี้กลับตัวสั่นถอยกลับ เจิ้งตงถูกเฉินห้าวคนที่ถูกเทพต่อสู้เข้าร่างจนความกล้าหายหมด เขาเองก็รู้สักทีว่า ตัวเองได้ไปแตะโดนไม้แข็งซะละ
“พี่ชาย เรามีอะไรคุยกันดีดีได้ไหม เรื่องวันนี้ช่างมัน จะได้ไหม?”เจิ้งตงพูดอย่างติดอ่าง
“ช่างมัน?ช่างมันอย่างงั้นเหรอ อย่างนั้นมันจะไม่ดูถูกแกที่พาคนมาเยอะขนาดนี้ไหม?”เฉินห้าวได้ทิ้งท่อนไม้ที่แตกจนเปลี่ยนรูปทรงทิ้งไป จะจัดการกับพวกคนรวยอย่างเจิ้งตง ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธเลย
“เฉินห้าว ต่อยมัน ต่อยให้หนักๆไปเลย!”
เซี่ยจิ้งเชียร์อยู่ฝั่งนั้น เรื่องที่เจิ้งตงได้ดูถูกเธอนั้น เธอจำใส่ใจไว้แล้ว ผู้หญิงล้วนเป็นคนใจแคบ ไม่ลืมความแค้นง่ายๆหรอก
จู่ๆเจิ้งตงก็โหดขึ้นมา ได้หยิบท่อเหล็กมาแล้วลอบทำร้ายเฉินห้าว
เฉินห้าวได้หลบไปข้างๆ ท่อเหล็กของเขาได้ไปทุบโดนรถฟอร์ดที่จอดอยู่หัวมุมจนเกิดเป็นหลุมใหญ่
“แกทำร้ายข้าวของของผู้อื่น นี่เป็นสิ่งไม่ดีเลยนะ!”
เฉินห้าวได้กระโดดเท้าขึ้นมาพร้อมกัน ถีบเจิ้งตงจนล้มไป ท่อเหล็กที่อยู่ในมือก็ได้ลอยออกจากมือไป
เจิ้งตงยังจะลุกขึ้นมาอีก เฉินห้าวเดินเข้าไปบิดแขนของเขา ควบคุมให้อยู่บนพื้น
เฉินห้าวได้โปกมือให้เซี่ยจิ้ง ได้ส่งสัญญาณว่ามีแค้นต้องชำระแค้น มีความขัดแย้งต้องชำระความขัดแย้งแล้ว
“ให้นายเป็นนักเลง!”
เซี่ยจิ้งเป็นคนที่มีบุญคุณก็ตอบแทนมีความแค้นก็ชำระ ได้วิ่งมาใช้ส้นสูงนั้นเหยียบไปที่เป้ากางเกงเขา เหยียบจนเจิ้งตงได้เหลือบตาขาวมอง
ในใจเฉินห้าวดูจนตะลึง ข้างใต้มีความรู้สึกเย็นๆ คิดในใจว่าสาวน้อยเซี่ยจิ้งนี้ใช่ว่าจะไปหยอกกันง่ายๆ ลงมือได้โหดมาก
“ตอนนี้จะทำยังไงดี?หรือจะให้เขา……”เซี่ยจิ้งได้เก็บเท้า ได้ทำท่าทางปัดคอขึ้น
เฉินห้าวไม่มีคำจะพูด เซี่ยจิ้งนี้ดูหนังเยอะไปเปล่า ฆ่าคนตายอย่างกับเล่นๆ
ทันใดนั้นเจิ้งตงได้ตกใจจนฉี่ราดกางเกง กลิ่นตุๆลอยมาอย่างช้าๆ รีบขอร้องไว้ชีวิต:“พี่ชาย พี่สาวท่านนี้ ทุกอย่างเป็นการเข้าใจผิด เข้าใจผิด พวกเรามีอะไรลองคุยกันดีดี นายจะให้ชดใช้ยังไง ฉันยอมทุกอย่าง!”
เฉินห้าวยังอยากจะจัดการกับเจิ้งตงนี้อีกหน่อย แต่ว่ากลิ่นเขาตอนนี้เหม็นมาก ก็เลยถีบไปที่ก้นของเขาหนึ่งที ด่าว่า:“รีบไสหัวไปซะเกือบล้มตายเพราะกลิ่นแกเลย!”
เจิ้งตงก็เลยรีบคลานไสหัววิ่งไปแล้ว ส่วนลูกน้องพวกนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่ยังดึงสติกลับมา ก็วิ่งตามเขาไปอย่างเซไปมา เฉินห้าวตะโกนมาคำนึงว่า:“เฮ้ พาลูกน้องของแกพวกนี้ไปโรงบาลด้วยล่ะ!”
หารู้ไม่ เจิ้งตงยิ่งวิ่งเร็วเข้าไปใหญ่
ช่วยไอ้นักเลงที่ยังมึนๆอยู่โทรตาม120 เฉินห้าวและเซี่ยจิ้งก็ได้ขึ้นรถHummerไป
ดวงตาคู่ดีของเซี่ยจิ้ง หลังจากที่ขึ้นรถนั้นก็ได้สังเกตการณ์เฉินห้าว ทำให้เฉินห้าวทำตัวไม่ถูก ถามเธอว่า:“เธอมองอะไรอยู่?”
“ฉันกำลังดูดารากังฟูอยู่ นายต่อสู้เก่งขนาดนี้ แถมยังหล่อด้วย น่าจะไปถ่ายหนังนะ ”เซี่ยจิ้งได้กล่าวอย่างมีความหวัง
“ยังไม่มีการตัดสินใจตกลงอะไรในตอนนี้หรอก ”เฉินห้าวกล่าว
“งั้นถ้านายตกลงตอนไหนต้องบอกฉันนะ ฉันจะไปเป็นหัวหน้าแฟนคลับของนาย!”
ดูเหมือนว่าเซี่ยจิ้งได้กลายเป็นแฟนเกิร์ลของเฉินห้าวไปแล้ว ไม่ได้ปิดบางความชื่นชมของตัวเองที่มีต่อเฉินห้าวเลย
เฉินห้าวหัวเราะแล้ว ถามเธอว่า:“เธอจะไปกินมื้อเย็นที่ไหน?”
“ไปร้านเห่าไจ้หลายละกัน กับข้าวที่โน่นอร่อยดี ข้าวมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ”เซี่ยจิ้งได้กล่าวอย่างมีความสุข
“ได้ งั้นฉันก็เคารพการตัดสินเธอละกัน ”เฉินห้าวกล่าวไปและได้ขับรถไปยังที่ร้านอาหาร
“ว้าว รถHummerคือดีอ่ะ พื้นที่กว้างขวางมาก มีความนิ่งมาก ”เซี่ยจิ้งได้ตะโกนเล็กน้อยบนรถ จู่ๆเฉินห้าวก็รู้สึกว่าน้องสาวคนนี้จะมีความตื่นเต้นเกินไปละ
พอมาถึงในร้านอาหาร เซี่ยจิ้งได้เลือกห้องวีไอพีห้องหนึ่งไว้ แบบนี้จะได้คุยกันสะดวกสะดวกหน่อย
จากนั้นก็ได้สั่งกับข้าไม่กี่อย่าง ทั้งสองกินไปด้วยคุยไปด้วย
“นายทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเหรอ?”เซี่ยจิ้งใช้มือทั้งสองประคองหน้าไว้ แล้วถามอย่างน่ารัก
“ผมเหรอ ตอนนี้ในมือมีร้านอาหารฝรั่งอยู่ร้านหนึ่ง ”เฉินห้าวกล่าว
“อาหารฝรั่งเหรอ ฉันไม่ถนัด หากเป็นอาหารจีนก็คงดี บรรพบุรุษของฉันตอนนั้นเป็นถึงพ่อครัวแห่งราชวังชิงเลยนะ ในบ้านมีรายการอาหารมากมาย คุณปู่และคุณพ่อฉันทั้งคูเป็นถึงพ่อครัวของรัฐด้วย พวกเขาไปสอนอะไรนิดหน่อยให้กับพ่อครัวของนาย รับรองได้เลยว่าร้านของนายขายดีแน่นอน ”
พื้นหลังครอบครัวของเซี่ยจิ้งได้ทำให้เฉินห้าวประหลาดใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าน้องนมใหญ่นี้เป็นถึงขั้นคนของครอบครัวเชฟ พอดีที่เขากำลังจะตัดสินทำร้านอาหาร เลยถามไปว่า:“สามารถเชิญคุณพ่อท่านไปทำงานที่ร้านอาหารผมได้ไหม?”
“ไม่มีทาง,”เซี่ยจิ้งส่ายหัว “พ่อฉันน่ะดื้อมาก เขาชอบกินแต่อาหารประจำชาติ ก่อนหน้านั้นมีร้านอาหารดังเชิญเขาด้วยเงินเดือนที่สูง เขายังปฏิเสธเลย ”
เฉินห้าวมีความผิดหวังเล็กน้อย นึกขึ้นได้ว่า เซี่ยจิ้งก็เป็นลูกคนหนึ่งในบ้าน ถามด้วยความหวังว่า:“แล้วฝีมือการทำอาหารของเธอเป็นยังไง?”เฉินห้าวได้คิดไปเองแล้วว่า ถ้าหากร้านอาหารฝรั่งเศสของเขามีสาวที่หน้าตาดี แถมหุ่นยังดีแบบแม่ครัวสาวสวยนี้ เกรงว่าลูกค้าที่มาทานอาหารคงเยอะเบียดจนประตูพังเลยแหละ
“แต่ฉันทำเป็นแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ”เซี่ยจิ้งรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย,“ฉันไม่ชอบการเป็นแม่ครัว กลิ่นควันน้ำมันไม่ดีต่อสภาพผิว ก็เลยไม่ได้ฝึกสืบทอดมา ”
“น่าเสียดายจัง ”เฉินห้าวพูดออกมาอย่างถอนหายใจ