ทที่ 57 ช่วนช่วนเซียง
“เดี๋ยวก่อน พวกคุณจับผิดคนแล้ว ใบรับรองของเธอนั้นต้องเป็นของปลอมแน่เลย ผมต่างหากที่เป็นเจ้าของบ้าน!”
ระหว่างที่กงจินหมิงดิ้นรนนั้น เพื่อนของเขาก็ได้แสดงใบรับรองกรรมสิทธิ์ออกมา แต่วันที่ข้างบนนั้นเป็นของหลายเดือนก่อน
“พวกเราได้ตรวจเช็กแล้วว่า บ้านเป็นของคนอื่น และวันที่ทำรายการคือวันนี้ ทั้งๆที่เป็นคุณเองที่ขายบ้านให้กับคุณโจว ,แล้วตอนนี้มาไม่ยอมรับและยังจะสร้างปัญหาอีก คุณความจำเสื่อมหรือไง?”ผู้ดำเนินการทนดูต่อไปไม่ไว้ ได้วิจารณ์กงจินหมิงอย่างจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้!บ้านของผมเองขายหรือไม่ขายผมรู้ดี ผมจะไปตรวจสอบใหม่ ใบสัญญาไม่มีการเซ็นชื่อโอนย้ายจากผม !” นั้นก็ไม่ใช่ของจริง กงจินหมิงได้ร้องโวยวายออกมา
เพื่อให้เขาตายใจ ดังนั้นผู้ดำเนินการได้ติดต่อผ่านภายใน ได้ถ่ายรูปฉบับสแกนของใบสัญญาการซื้อขายบ้านมาใบหนึ่ง ในนั้นได้ปรากฏว่ากงจินหมิงได้เซ็นชื่อแล้วจริงๆ ว่าวันนี้นำกรรมสิทธิ์บ้านทั้งหลังโอนย้ายให้กับโจวซีถง เป็นราคาห้าล้านตามราคาตลาด และยังสามารถตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินได้ ในบัญชีของกงจินหมิงวันนี้ได้มีเงินก้อนโอนเข้าด้วยจำนวนห้าล้าน ทั้งสองฝ่ายได้ทำการชำระเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ไม่มีการติดค้าง มีหลักฐานที่ชัดเจนพร้อม
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เคยขาย ผมจะขายบ้านได้ยังไง ให้ผม300ล้านก็ไม่ขาย!”ใบหน้าที่เหลือเชื่อของกงจินหมิง แต่ไม่มีใครฟังเขาโวยวายเลย สุดท้ายตำรวจได้นำตัวไปในข้อหาสร้างความวุ่นวาย
ผู้ก่อความวุ่นวายจากไป โจวซีถงเลยใช้โอกาสที่นักข่าวอยู่ที่นี่ทั้งหมด ได้ช่วยบริษัทโจวซื่อทำการโฆษณาไปด้วย ข่าวแปลกๆในครั้งนี้ นับว่าจะช่วยให้บริษัทโจวซื่อประหยัดค่าโฆษณาได้หลายสิบล้านเลย ในออนไลน์ก็จะช่วยเธอโฆษณาฟรี กำไรอีกต่อหนึ่ง
โจวซีถงที่พูดคุยต่อหน้านักข่าวอย่างใจเย็นและมั่นใจ ได้ส่งสายตาให้เฉินห้าวที่อยู่ด้านล่างทีหนึ่ง ความหมายนั้นคือ “ขอบคุณค่ะ”ยังไงซะก็คือเฉินห้าวเองที่ช่วยเธอจัดการเรื่องยุ่งๆเหล่านี้
เฉินห้าวยิ้มและโบกมือให้เธอ ก็ได้ออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ เขาได้ทำตามเงื่อนไขแล้ว ก็รอแต่การถ่ายโดยผู้ซื้อของโจวซีถงแล้ว เขารู้ว่านิสัยอย่างโจวซีถงนั้น คำพูดต้องเป็นคำพูด
จากที่ยุ่งวุ่นวายมาทั้งช่วงบ่าย เวลาก็ใกล้ค่ำแล้ว ระหว่างทางที่เฉินห้าวขับรถกลับบ้าน ก็ได้รับสายเข้าจากเซี่ยจิ้ง:“ฮัลโหล ประธานเฉิน มาลองชิมอาหารที่ฉันทำหน่อย รับรองว่าอร่อยจนต้องให้คุณกลืนกินลิ้นลงไป!”
“ได้งั้นผมจะไปชิมฝีมือของเชฟเซี่ยนะ”
เฉินห้าวรู้สึกขำเล็กน้อย และก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน เพิ่งทำเป็นพะโล้อย่างเดียวก็กล้าพูดโอ้อวดขนาดนี้
เฉินห้าวก็ได้มาถึงร้านพะโล้ฝรั่งเศส เห็นเฉารุ่ยและฉิงจื๋อเทาก็อยู่ตรงนี้ พวกเขาก็ได้การรับเชิญของเซี่ยจิ้ง มาชิมอาหารรสเลิศที่นี่
“มันคืออะไรกันแน่?อย่าซ่อนไว้เลย ผมหิวแล้วเนี่ย” ฉิงจื๋อเทาผู้ชายอยู่ติดบ้านหมื่นปีนี้ได้เคาะจานชามอยู่ตรงโน้น
“ต้องระวังมารยาทการทานอาหารนะ จะรีบเสิร์ฟเดี๋ยวนี้!”
เซี่ยจิ้งได้โบกมือ พี่บริการสองคนก็ได้ยกอาหารหลักค่ำนี้มา ที่แท้เป็นช่วนช่วนเซียงนี่เอง
ในหม้อน้ำซุปใบหนึ่งซุปที่เข้มข้นได้ต้มจนเดือด ข้างในมีไม้เสียบเป็นไม้เป็นไม้ที่เสียบส่วนผสมเรียบร้อยต้มเดือดอยู่ ส่งกลิ่นหอมอันเย้ายวนออกมาชวนหลงใหล
ช่วนช่วนเซียงใครก็เคยกิน แต่ที่หอมขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กลิ่น
“มีความหมาย”
เฉินห้าวที่อยู่ภายใต้ความสนใจทุกคนนั้น ได้หยิบลูกชิ้นมาชิมไม้หนึ่ง
ลูกชิ้นนี้เมื่ออยู่ในปากแล้วเป็นดั่งสิ่งมีชีวิตเลย เนื้อเด้งนุ่มลื่น ในขณะที่เด้งอยู่ในปากนั้น กลิ่นหอมที่อุดมไปในเนื้อสัตว์ได้คลายออกมา ในนั้นยังมีรสชาติที่เข้มข้นแบบบอกไม่ถูก เป็นผลมาจากน้ำซุปก้นหม้อนั้น จู่ๆเฉินห้าวก็ได้รู้สึกถึงตัวเองได้อยู่ในมหาสมุทรที่แสนอร่อย
“อร่อยจัง!”
เฉินห้าวอดใจไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งให้
“จริงเหรอ?งั้นฉันก็ลองชิมดูหน่อย!”
ฉิงจื๋อเทาก็ได้หยิบเต้าหู้แห้งและไตกระต่ายมาสองไม้ กินเข้าไปปุ๊บหยุดไม่ได้เลย แม้จะถูกความร้อนจนแสบซี้ดๆ เขาก็ยังกินคำใหญ่ๆ เคี้ยวของอยู่ในปาก พูดคลุมเครือไม่ชัดเจนว่า:“โอ้แม่เอ๊ยอร่อยมากจริงๆ!”
“จิ้มซอสสูตรลับของตระกูลเซี่ยหน่อย ยิ่งเหมาะกับช่วนช่วนเซียงนะ!”
เซี่ยจิ้งพูดไปก็ได้เปิดเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่เหมือนกันทั้งสองใบที่ปิดผนึกออก ได้ตักซอสเผ็ดและไม่เผ็ดจากข้างในออกมา แบ่งให้ผู้คน บริการด้วยตัวเอง
กินรวมกับซอสแล้ว รสชาตินี้ดีกว่าจริงๆเลย เหมือนได้ปลดล็อกจักรวาลทั้งหมดอย่างนั้น กินคำหนึ่ง มีรสชาติระเบิดที่หลากหลายไปมา ช่างเป็นความสุขที่ลิ้มรสรสเลิศจริง
“นี่มันอร่อยมากเลยนะ!”
แม้กระทั่งเฉารุ่ยที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ตัวเองก็ทนต่ออาหารที่แสนเย้ายวนนี้ไม่ไหว กินไม้ต่อไม้แบบไม่หยุด
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันน่ะเป็นถึงผู้สืบทอดเชฟเทพของตระกูลเซี่ยเลยนะ!”
เซี่ยจิ้งอดไม่ได้ที่จะโอ้อวด ให้แสงสว่างหน่อยนี่เฉิดฉายเลยนะ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ มองไปบนท้องฟ้าในมุม45องศา ณ เวลานี้ เธอกลายเป็นจุดเด่นของร้านอาหารไปแล้ว
“ฉันว่านะพี่เซี่ย พี่หลอกพวกเรามาตลอดหรือเปล่า อาหารแสนอร่อยในระดับนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำมาจากมือใหม่ที่ไม่เคยเรียนทำอาหารมาก่อน พี่คงต้องเรียนฝึกมาหลายปีแน่ แอบซ่อนเอาไว้”
ฉิงจื๋อเทาถูกพิชิตด้วยของอร่อย ได้พูดชื่อกิตติมศักดิ์ออกมาโดยตรงเลย
เซี่ยจิ้งกล่าว:“ฉันจะโกหกคุณทำไม เมื่อก่อนฉันทำอาหารไม่เป็นจริงๆ และนี่ก็ ฝึกเป็นวันละหนึ่งอย่างเนี่ย ฉันฝึกทำตั้งแต่เช้าจนเย็น เหนื่อยมากเลยรู้ไหม!”
หลังเฉินห้าวกินไปได้สิบกว่าไม้นั้น ก็อิ่มแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนคนหนึ่งในเวลาหนึ่งวันจะมีความคืบหน้าการทำอาหารอย่างนี้ แล้วเขาก็ได้ออกไป แอบไปที่หลังครัว เพื่อสำรวจความลับของเซี่ยจิ้ง
ถังขยะในห้องครัวนั้น เขาได้เห็นกล่องพัสดุกล่องหนึ่ง จ่าหน้าได้ติดป้ายชื่อเป็นของเซี่ยจิ้ง และสถานที่ส่งคือบ้านเกิดของเธอ ส่งโดยการบินแอร์ด่วน ส่งมาเมื่อวาน ถึงวันนี้ ส่วนช่องประเภทการส่ง ได้เขียนไว้ว่า “ซอสปรุงรส”