บทที่124 เยี่ยมเยียนถึงที่
เมื่อถึงวิลล่าที่ชุยหย่องปิงพักอาศัย เฉินห้าวขับรถถึงทางเข้า ที่นี่ถือเป็นเขตวิลล่าระดับไฮเอนด์ มีรปภ.ที่เคร่งครัดดูแล โดยปกติแล้วรถและคนที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ได้เข้าไป
แต่ว่าหลังจากที่เฉินห้าวขับมา สแกนป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติแล้วก็แสดงว่า “ผ่าน” ไม้กั้นยกขึ้น เฉินห้าวยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วก็ขับเข้าไป
แน่นอนว่าเฉินห้าวไม่มีใบอนุญาตของเขตวิลล่า สามารถเข้ามาในเขตวิลล่าได้ก็เพราะฉิงจื๋อเทา เขาแฮกเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของเขตวิลล่า แล้วตั้งค่าระบบว่ารถของเฉินห้าวนั้นอยู่ในระบบ ผลลัพธ์มีเพียงแค่วันนี้ครั้งเดียว จากนั้นก็จะลบทิ้งโดยอัตโนมัติ โดยไม่มีร่องรอยให้ใครรู้เห็น
จากนั้นก็มาถึงหน้าบ้านของชุยหย่องปิง เฉินห้าวถือของขวัญมาถึงหน้าบ้าน กดกริ่งเรียก
ตอนนี้คือตอนกลางคืน ครอบครัวชุยหย่องปิงอยู่บ้านทั้งสองคน ภรรยาของเขาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ลูกชายเขาอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อเฉินห้าวกดกริ่ง ภรรยาของชุยหย่องปิงจึงเป็นคนมาเปิดประตู ผู้หญิงอายุ 40 กว่าปี บำรุงอย่างดี ดูไม่ออกถึงริ้วรอยอายุบนตัวเธอเลย
“ไม่ทราบว่าหาใครคะ?”ผู้หญิงถาม
“ไม่ทราบว่าท่านชุยอยู่มั้ยครับ?ผมมีเรื่องหาเขานิดหน่อย”ใบหน้าของเฉินห้าวมีรอยยิ้มเป็นมิตร
ผู้หญิงถามอย่างระแวง “คุณคือใครคะ?”
รปภ.ของวิลล่าพวกเขาเคร่งครัดมาก อยู่ดีๆก็มีคนแปลหน้ามาถึงบ้าน ทำให้คนสงสัย
“ผมชื่อเฉินห้าว อยากจะเข้าร่วมหอการค้า มาคุยปรึกษากับท่านชุยสักหน่อยครับ”เฉินห้าวหาเหตุผลที่ดีให้ตัวเอง ฟังแล้วสมเหตุสมผลมาก
ผู้หญิงไม่แน่ใจในตัวตนของเฉินห้าว จึงตะโกนเข้าไปด้านในอย่างระแวง “ที่รัก มีคนชื่อเฉินห้าว บอกว่าอยากเข้าร่วมหอการค้า อยากมาคุยกับคุณค่ะ”
“หืม?”
ด้านในมีเสียงนิ่งขรึมของคนวัยกลางดังออกมา เขากำลังดูข่าวในบ้าน ได้ยินว่ามีคนมาหา ก็เดินออกมา
“ให้เขาเข้ามาเถอะ”ชุยหย่องปิงนั่งอยู่บนโซฟาของห้องนั่งเล่น
“ขอบคุณครับ”หลังจากเฉินห้าวเข้าบ้าน ผู้หญิงก็เอารองเท้าในบ้านให้เขาใส่อย่างมีมารยาท เฉินห้าวถือถึงที่ใส่บุหรี่ไว้เดินเข้าไปกลางห้องนั่งเล่น
“สวัสดีครับท่านชุย ผมชื่อเฉินห้าว”เฉินห้าวพูดอย่างเกรงใจ
ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าของผู้มีอำนาจสูงสุดในวงการค้าของเมือง มีทรัพย์สินมากกว่าหลายหมื่นล้านอย่างชุยหย่องปิง การพูดคุยของเฉินห้าวกลับปกติ ไม่เหมือนกับคนส่วนมากที่เห็นคนมีเงินก็อยากจะเกาะ ท่าทางนี้ ทำให้ชุยหย่องปิงรู้สึกสนใจอยากคุยกับเฉินห้าวขึ้นมา
“นั่งสิ การเข้าร่วมหอการค้าส่งใบยื่นคำร้องเข้ามาปกติก็ได้แล้ว ผ่านเกณฑ์ก็สามารถเข้าร่วม ทำไมถึงต้องมาหาฉันละ?”สถานะของชุยหย่องปิง ทำให้เขาไม่ชอบอ้อมค้อม มาถึงจึงได้มุ่งไปที่ประเด็นหลักเลย
เฉินห้าวยื่นนามบัตรของตัวเองให้ พูดว่า “ผมกำลังก่อตั้งบริษัทหนึ่ง อยู่ในขั้นตอนการขอใบอนุญาต ด้านการป้องกันการไฟไหม้ไม่ผ่านเกณฑ์ นี่มันเรื่องเล็กทั้งนั้น เพราะว่าเวลาก็คือเงินทอง ผมอยากจะขอให้ท่านชุยช่วยดูแลสักหน่อย ให้ฝ่ายการป้องกันไฟไหม้ปล่อยๆบ้าง ให้พวกผมเปิดบริษัทไปก่อน แล้วในครึ่งเดือนผมจะแก้ไขปรับปรุงด้านการป้องกันไฟไหม้ให้เรียบร้อยครับ”
เฉินห้าวเอารูปภาพออกมาไม่กี่ใบ แสดงให้เห็นว่าการป้องกันไฟไหม้ของตัวเองส่วนใหญ่นั้นผ่านเกณฑ์ เพียงแต่ขาดเหลือจุดเล็กน้อยเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น หาช่างมาแก้ไขตำแหน่งสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แต่ว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ ประธานหอการค้าอย่างชุยหย่องปิงนั้นขี้เกียจดู เขาทำเป็นพูดอย่างใจกว้าง “เรื่องพวกนี้ คุณไปหาฝ่ายป้องกันไฟไหม้จัดการ ข้าราชการอย่างพวกเขาจัดการเรื่อง หอการค้าอย่าพวกเราไม่มีสิทธิ์ไปสั่งอะไรได้”
นี่แสดงออกชัดเจนว่าปฏิเสธแล้ว ก็ใช่ เฉินห้าวไม่สนิทกับเขา ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรเพื่อเขา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เมื่อเทียบกับคนรวยระดับเขาแล้วจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากๆ ก็แค่เรื่องที่พูดแค่คำเดียวเท่านั้น
เฉินห้าวเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้มา เขาพูดออกมาว่า “ผมทราบครับ แต่ผมทำอย่างนี้ก็มีเหตุผลนะครับ บริษัทผมมีขนาดใหญ่มาก จำนวนเงินจดทะเบียน 20 ล้าน อีกอย่าง ผมสามารถรับรองได้ปีแรกเงินจ่ายภาษีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านแน่นอน จากนั้นทุกปีก็จะเพิ่มขึ้น 30 เป็นอย่างต่ำ หรือว่าให้เมืองได้มีโอกาสได้เก็บภาษี ช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้หอการค้า ท่านประธานจะไม่สนใจหรอครับ?”
“นายรู้มั้ยว่าจดทะเบียน 20 ล้าน จ่ายภาษี 30 ล้าน นายนี้จะขี้โม้เกินไปหน่อยแล้วมั้ง?”
สายตาของชุยหย่องปิงแสดงออกถึงความดูถูก เขาไม่ชอบให้คนโกหก นักธุรกิจมีชื่อเสียงเวลาก่อตั้งบริษัท ยังไม่กล้ารับรองเงินจ่ายภาษีเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะนี่จำนวนจ่ายภาษี 30 ล้าน ถ้าอย่างนั้นธุรกิจของเขาจะต้องมีผลอย่างน้อยต้องมากกว่าหนึ่งพันกว่าล้านขึ้นไป นี่เป็นตัวเลขมหาศาลเชียวนะ
ตัวชุยหย่องปิงเอง ธุรกิจทั้งหมดรวมกัน ภาษีก็เพียงแค่เกือบจะหนึ่งพันล้านเท่านั้น “บริษัทเล็กๆ” ระดับสิบล้านของเฉินห้าวแบบนี้ กล้าพูดว่าภาษีมากกว่า 30 ล้าน ฟังแล้วก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
จำนวนมหาศาลของคนอื่น แต่เมื่ออยู่กับเฉินห้าวก็แค่เรื่องเด็กน้อย ธุรกิจช่วงนี้ของเขา ไม่มีจำนวนน้อยๆ ราคาหลักแสนหลักล้านอย่างง่ายดาย รวมๆกันแล้ว ในหนึ่งปีจ่ายภาษี 30 ล้านนั้นเป็นจำนวนที่แน่นอนมาก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัย เฉินห้าวยิ้มเล็กน้อย เอาบิลใบเสร็จที่ปริ้นไว้แล้วให้ชุยหย่องปิงดู ให้เขารับรู้ถึงความสามารถของตัวเอง
เห็นรายจ่ายมากมายและรายรับลึกลับของเฉินห้าว ชุยหย่องปิงจึงเชื่อเรื่องการเงินของเฉินห้าว แต่ว่าการบริหารบริษัทไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่มี เศรษฐีหลายคนก็ทำธุรกิจล้มละลายจนไม่เหลืออะไรเลย นี่จำเป็นต้องดูการบริหารของแต่ละบุคคล