บทที่ 186 เงินสดนับล้านในกระเป๋าหนังงู
จางจิ่งเทียนหยิบกระเป๋าหนังสีดำออกมา หยิบธนบัตรห้าปึกออกมาวางไว้บนโต๊ะ ยิ้มๆ “นี่ยังไม่พอให้พวกนายเปลี่ยนห้องรับรองอีกหรือ? ”
ห้าหมื่นหยวน นี่เป็นจำนวนที่มากมายพอดูแล้ว อีกทั้งนี่เป็นเพียงแค่เปลี่ยนห้องรับรองเท่านั้น ตอนนี้ผู้ชายสองคนใช้เงินสู้กันแล้ว
เฉินห้าวรู้สึกว่าการแข่งเงินไปมาเช่นนี้เด็กเล่นมาก เขาต้องการสิ้นสุดการต่อสู้นี้โดยตรง เลี่ยงที่จะเสียอารมณ์ในการกินอาหาร ด้วยเหตุนี้จึงใช้ฟังก์ชันถอนเงินสดที่ได้รับในแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้าน ถอนเงินหนึ่งล้านออกมาทันที เป็นธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนหนึ่งร้อยปึก
เงินสดพวกนี้กินพื้นที่มาก เฉินห้าวให้คนหลบออกไป พลันหยิบกระเป๋าหนังงูใบหนึ่งออกมาจากข้างล่างโต๊ะ หลังจากนั้นเอาของที่อัดแน่นอยู่ข้างในเทลงบนโต๊ะ
ทันใดนั้น ปึกธนบัตรสีชมพูแดงที่ทำให้ใจคนเต้นเร็วขึ้นก็หล่นกระจายออกมา ทั้งหมด100ปึก กองเป็นภูเขาเงิน กองสีชมพูแดงกองใหญ่ขนาดนี้บนพื้น มองแล้วอดไม่อยู่ที่จะทำให้ใจผู้คนเต้นเร็วขึ้น
“ยังจะแข่งมั้ย? ได้ยินว่านายอยากให้ฉันเปลี่ยนห้องรับรอง? ” เฉินห้าวถามกลับ
ไม่ต้องแข่งแล้วจริงๆ ไม่มีใครจะพกเงินสดเป็นล้านออกมาจากบ้าน ถึงแม้ว่าจางจิ่งเทียนจะมีเงิน แต่ก็ไม่มีทางหยิบเงินสดที่มากยิ่งกว่าออกมาได้ ความเย่อหยิ่งถูกกดลงไปทันที
จางจิ่งเทียนที่พกความเย่อหยิ่งเบาบางตลอดมาไม่เห็นแล้ว กลับเปลี่ยนไปเป็นเดือดดาลและคับแค้น มากไปกว่านั้นก็คือหมดหนทาง มีใจที่จะเอาเงินมาแข่งกับเฉินห้าวให้ถึงที่สุด แต่กลับไม่มีเงินสดมากขนาดนั้น
ในบัญชีออนไลน์ของเขานั้นมีเงินจริง แต่ว่าในเวลานี้ไม่สามารถเอายอดเงินในบัญชีจากในโทรศัพท์ออกมาแข่งตรงๆ ได้ ไม่มีวิธีแข่งเช่นนี้
จางจิ่งเทียนที่เพิ่งร่ำรวยขึ้นมา ชั่วขณะรับไม่ได้ถึงสถานการณ์ที่คนอื่นมีเงินมากกว่าเขา
“นายดีนี่ รอฉันก่อนเถอะ! ”
จางจิ่งเทียนไม่มีคำจะพูดแล้ว พาคนจากไปอย่างหม่นหมอง
แต่กว่าพริบตาเดียวก็กลับมาแล้ว ยังเอาเงินห้าหมื่นที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านี้ไปด้วย เป็นพฤติกรรมของน้องชายจริงๆ ดูแล้วที่แสร้งร่ำรวยเมื่อครู่ล้วนเป็นการแกล้งทำ
“ออกไปเถอะ อย่ามาเสแสร้งไร้ประโยชน์ที่นี่” เพื่อนนักเรียนในห้องหัวเราะด้วยกัน จางจิ่งเทียนยิ่งรีบเดินมากขึ้นไปอีก
ในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น จางจิ่งเทียนคนนี้ก็ตลกเกินไปแล้ว แสร้งทำอวดรวยต่อหน้าคนอื่น แต่ต่อหน้าเฉินห้าวที่เป็นคนร่ำรวยจริงๆ ก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงทันที
“ถ้าจะพูดก็ต้องบอกว่าเฉินห้าวของพวกเราเจ๋ง! ”
หวังเฉียงยื่นนิ้วโป้งออกมา วันนี้ระบายความโกรธได้ ล้วนอาศัยเพื่อนนักเรียนเก่าคนนี้แล้ว
“ที่ไหนกันๆ ” เฉินห้าวถ่อมตนครั้งหนึ่ง
บรรยากาศคึกคักขึ้นมาฉับพลัน ทันทีหลังจากนั้นก็มีคนเอ่ยถึงข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้ ผู้มีอิทธิพลบางคนในเมืองนี้ควักเงินมือเติบสองร้อยกว่าล้านซื้อหมู่คฤหาสน์จงหัวเอาไว้ นี่เป็นการกระทำที่ใหญ่โตจริงๆ คนที่อยู่ที่นั่นเผยท่าทางอิจฉาชื่นชมไม่มียกเว้น
เพราะว่าในข่าวที่รายงานซ่อนชื่อผู้ซื้อเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่รู้ว่าผู้ซื้อตัวจริงก็อยู่ข้างกายของพวกเขา
“เฉินห้าว นายรู้ว่าหมู่คฤหาสน์จงหัวใครเป็นคนซื้อไปหรือยัง? ” มีเพื่อนร่วมชั้นถามอย่างสนใจ ตามที่พวกเขาเข้าใจ เฉินห้าวเป็นคนมีเงิน แน่นอนว่าต้องรู้เรื่องในแวดวงคนมีเงิน
เฉินห้าวอ้ำอึ้งเล็กน้อย ในตอนนี้รู้สึกว่าพูดไปตรงๆ ว่าตนเองซื้อ จะเป็นที่น่าสงสัยว่าอวดตนเองไปหน่อย
พวกเขากำลังพูดคุย ห้องรับรองก็มีคนบุกเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้จางจิ่งเทียนตามหลังชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้นั้นเอามือไขว้หลัง ลักษณะท่าทางวางโตมองทุกคนในห้องรับรอง วางอำนาจอวดเบ่งเข้มข้นเกินขอบเขต
“ผู้อำนวยการอู๋ เป็นคนพวกนี้ที่ไม่ยอมยกห้องรับรองให้ ทั้งยังหยิบเงินออกมาโอ้อวด”
จางจิ่งเทียนฟ้องร้องอยู่ด้านหลัง
ผู้อำนวยการอู๋คนนี้มองไปที่ในกระเป๋าเงินสดใบนั้นที่วางกองอยู่บนพื้น สายตาเพ่งไปที่จุดเดียว กระแอมออกมาเสียงหนึ่ง ถามขึ้น “ที่นี่ใครใหญ่ที่สุด? ”
“ไม่จบไม่สิ้นใช่ไหม? ห้องรับรองฉันเช่าเอง ฉันไม่เปลี่ยน นายจะเอายังไง! ” หวังเฉียงลุกขึ้นถามอย่างไม่พอใจ
“พวกเราต้องการใช้ที่นี่จัดงานเลี้ยงเจรจาธุรกิจโครงการการค้าที่สำคัญ หวังว่าพวกนายจะเปลี่ยนสถานที่ได้” ชายวัยกลางคนคนนี้ยังเอ่ยถึงข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผล
“พูดกี่ครั้งแล้วว่าไม่เปลี่ยน ยังมาอีกครั้งฉันจะแจ้งตำรวจแล้ว! ” หวังเฉียงเอ่ยอย่างโมโห
จางจิ่งเทียนคนนั้นเดินขึ้นมาแฝงความดูถูกเยาะหยัน “พวกนายรู้ว่านี่เป็นใครไหม? ผู้อำนวยการอู๋แห่งธนาคารแห่งประเทศจีนสาขาเมืองไป๋เหอ นักธุรกิจที่เป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเมืองนี้ ถ้าพวกนายยังคิดจะทำธุรกิจอยู่ละก็ ยังไม่รีบเชื่อฟังแต่โดยดีอีก”
คนที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ไม่มีการคบค้าอะไรกับธนาคาร แต่ว่าหวังเฉียงพลันคิดโยงถึงเฉินห้าวว่าเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง กังวลว่าหลังจากยั่วโมโหผู้อำนวยการอู๋คนนี้แล้วจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีตามมา จึงหันไปมองเฉินห้าวทันที กลัวมากว่าจะสร้างปัญหาให้เพื่อนพ้องคนนี้
ถ้าเฉินห้าวเป็นคนทำธุรกิจปกติละก็ จำเป็นต้องจัดหาเงินกู้บ่อยๆ จะต้องประจบเอาใจธนาคาร แต่ว่าเฉินห้าวมีที่พึ่งเบื้องหลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า นั่นก็คือแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้าน เงินกู้จะมาเทียบกับเงินอุดหนุนได้อย่างไร?
เงินอุดหนุนที่ไม่ต้องชำระคืน ถึงจะเป็นการสนับสนุนที่ดี
เผชิญหน้ากับคนเยอะขนาดนี้ เฉินห้าวจึงตัดสินใจคุยกับพวกเขาดีๆ ดังนั้นจึงพูดด้วยเหตุผลอย่างถูกต้องว่า “พวกนายต้องการห้องรับรอง ตนเองรีบไปจองเร็วหน่อยสิ อย่าวิ่งมาก่อกวนความสนใจของพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า รู้ไหมอะไรที่เรียกว่าละอาย? รู้ไหมอะไรที่เรียกว่าความเป็นมนุษย์? นายก็ไม่ใช่แค่ผู้อำนวยการสาขาเล็กๆ คนหนึ่งหรือไง คนที่ไม่รู้ยังคิดว่านายเป็นพนักงานตำแหน่งใหญ่โต”
ผู้อำนวยการอู๋ถูกคนประสบเอาใจมาโดยตลอด ตอนนี้กลับถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้อยู่ในห้องรับรองเล็กๆ เช่นนี้ เอ่ยอย่างไม่พอใจทันที “กลุ่มคนไส้แห้งที่ไม่เคยเปิดหูเปิดตา ถึงกับไม่รู้ข้อดีของธนาคาร สมน้ำหน้าที่ทั้งชาตินี้มีแต่ความจน”
ตอนนี้ได้ล่วงเกินทุกคนที่มาร่วมกินอาหารในห้องทั้งหมดแล้ว ตอนที่ทุกคนกำลังจะระบายความโกรธใส่หัวหน้าธนาคารเล็กๆ นี่ พลันมีหญิงสาวเข้ามาจากด้านนอก
ผู้หญิงคนนี้บุคลิกลักษณะโดดเด่นในกลุ่มผู้คน หน้าตางดงาม เดิมทีเห็นเฉินห้าวอยู่ด้านในก็ยินดีทันที แต่พอหลังจากเห็นว่าในห้องกำลังมีสถานการณ์ตึงเครียด จึงเอ่ยอย่างลังเล “ฉันมาได้ไม่ถูกเวลาหรือเปล่า?