ความคึกคักในเมืองอวิ๋นหยางนั้นมากกว่าเมืองไป๋เหอในระดับหนึ่ง ยังไงซะก็เป็นเมืองหลวง รวบรวมทรัพยากรจากทุกเมือง
เมืองอวิ๋นหยางไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคกลาง และยังเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของมณฑลเหอ GDPที่หนึ่งในเมืองมานานหลายปี ตำแหน่งที่ตั้งนั้นห่างจากเมืองไป๋เหอที่เป็นอันดับสองอยู่นิดหน่อย
ข้างถนน อาคารสูงใหญ่ ผู้คนดูเร่งรีบ การใช้ชีวิตที่นี่ค่อนข้างเร่งรีบนิดหน่อย
เทียบกับความเจริญ เมืองไป๋เหอด้อยกว่า แต่ว่าสภาพแวดล้อมดีกว่าเมืองอวิ๋นหยาง ค่าความสุขของผู้คนมีมากกว่าในเมืองหลวง
หลังจากขับรถเขาไปใจกลางเมือง เฉินห้าวพบว่าอาคารที่นี่ไม่ค่อยแตกต่างกัน ล้วนอยู่ใจกลางเมือง ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
นั่นก็หมายความว่า เมืองอวิ๋นหยางนอกจากเศรษฐกิจดีแล้วอย่างอื่นก็ธรรมดา ไม่มีจุดเด่นอะไร
“รอถนนเมี่ยวเจียของพวกเราสร้างเสร็จ ก็จะเป็นหนึ่งเดียวในจังหวัดแล้ว” โจวซีถงพูด
ก็จริง ตามแบบแผนพิมพ์เขียว ถนนเมี่ยวเจียจะสร้างให้เป็นตึกที่สูงอันดับหนึ่งของจังหวัด คาดว่าจะเป็นอาคารจุดเด่นของเมืองไป๋เหอ ความสูง 300 เมตร
อาคารสูงสิบกว่าชั้นอื่นๆก็มีอีกสามตึก ทุกตึกล้วนมีขนาดแบบเดียวกับตึกบริษัทโจวซื่อ เมื่อเทียบอย่างนี้ วงการธุรกิจใหม่ของถนนเมี่ยวเจีย ก็จะเป็นอันดับหนึ่งในจังหวัด สามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างดี ถึงตอนนั้นค่าบ้านเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะอาคารสำนักงาน ร้านค้าไม่ว่าจะขายหรือเช่า ต่างก็ได้กำไรกันทั้งนั้น เพราะว่าซื้อที่ดินเสียไปแค่ 80 ล้าน มูลค่าเพิ่มเป็นร้อยเท่า
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้ให้ความสำคัญกับถนนเมี่ยวเจียอย่างมาก คนอื่นมองเห็นมูลค่าของถนนเมี่ยวเจีย แต่ไม่มีกำลังที่จะพัฒนา แต่เฉินห้าวและโจวซีถงทั้งมีกำลังและความสามารถ ได้เวลาที่จะหาเงินแล้ว
ตามที่อยู่ของแผนที่การนำทาง เฉินห้าวขับรถมาถึงโรงแรมข่ายหัว พบว่าเป็นถึงระดับห้าดาว ที่จอดรถใต้ดินก็น่าประทับใจมาก เหมือนว่าจะเป็นธุรกิจของตระกูลก่วนเช่นกัน
เมื่อรอเขาจอดรถเสร็จ พบว่าโรงแรมแขวนป้ายขนาดใหญ่ไว้ เขียนไว้ว่ายินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของงานแลกเปลี่ยนธุรกิจชื่อดัง
แล้วยังมีพนักงานสาวสวยที่ใส่ชุดกี่เพ้าแหวกสูงคอยต้อนรับแขก ขณะเดียวกันที่หน้าประตูก็มีเครื่องตรวจสอบความปลอดภัย และพนักงานรักษาความปลอดภัยใส่สูทดำสิบคน ดูแล้วงานเลี้ยงค็อกเทลในครั้งนี้สเปกค่อนข้างสูง
เมื่อโจวซีถงมาถึง ชายสูทดำคนหนึ่งเข้ามาสอบถาม “คุณโจวครับ ขอบัตรเชิญของคุณครับ!”
ที่แท้คนๆนี้ก็รู้จักโจวซีถง ดูแล้วชื่อเสียงสาวสวยอันดับหนึ่งของเมืองไป๋เหอจะดังไปทั่ว และเฉินห้าวที่เป็นแฟนหนุ่มของสาวสวยอันดับหนึ่งเองก็มีเกียรติไปด้วย
โจวซีถงเอาบัตรเชิญออกจากกระเป๋า หลังจากพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นตรวจสอบ ก็ทำมือเชิญให้เธอเข้าไป
เฉินห้าวเองก็ตามเข้าไป แต่กลับถูกชายสูทดำขวางไว้
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน ในบัตรเชิญเขียนไว้ว่าพาเพื่อนมาได้ไม่ใช่หรอ” โจวซีถงพูดอธิบาย
“ได้ครับ แต่ว่าพวกผมต้องทำการตรวจค้นร่างกาย เพื่อไม่ให้เขานำสิ่งของอันตรายเข้า” ชายสูทดำพูด
ในขณะนี้ก็มีแขกอีกสองคนเข้างาน และก็มีบัตรเชิญงานเลี้ยงเช่นกัน แต่ว่าพวกเขาไม่ถูกค้นตัวก็เข้างานได้เลย
เฉินห้าวชี้สองคนด้านหน้าแล้วถามว่า “ทำไมพวกเขาไม่ต้องตรวจสอบ”
“พวกเขาเป็นนักธุรกิจชื่อดังของวงการธุรกิจที่ฐานะสูงส่ง ไม่ต้องตรวจสอบอยู่แล้วครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยสูทดำพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เฉินห้าวยักคิ้วพูดว่า “อ้อ งั้นนายหมายความว่าฉันไม่ใช่นักธุรกิจชื่อดังงั้นสิ?”
“อย่างน้อยผมไม่รู้จัก ใครจะไปรู้ว่ามีแขกคนไหนเป็นนักโทษหลบหนีรึป่าว พวกผมก็แค่ทำหน้าที่ตามกฎครับ”
ในขณะนี้มีแขกยื่นบัตรเชิญเข้างานอีกแล้ว และก็ไม่มีการตรวจค้นร่างกายเช่นกัน ดูแล้วจงใจเล็งเฉินห้าวแล้วยังให้นาม “นักโทษหลบหนี” กับเขาด้วย
เมื่อนึกถึงว่านี่เป็นโรงแรมที่ตระกูลก่วนเปิด มีโอกาสมากที่เฉินห้าวจะถูกเล็งไว้ เพราะยังไงซะเมื่อวานเขาก็เพิ่งจะสั่งสอนก่วนซงไป
“พวกนายเกินไปแล้ว เพื่อนของฉันเหมือนนักโทษหลบหนีงั้นหรอ? ถ้าพวกนายไร้มารยาทแบบนี้ งานเลี้ยงนี่ฉันไม่เข้าร่วมแล้ว”
โจวซีถงที่เป็นแฟนสาวของเฉินห้าว จะต้องปกป้องอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ขาที่เธอก้าวเข้าโรงแรมนั้นก้าวกลับออกมา ยืนอยู่ข้างเฉินห้าว
ถ้าไม่มีเฉินห้าว เธอไม่มีทางไปเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลนี่แน่นอน
พนักงานรักษาความปลอดภัยสูทดำลำบากใจ “คุณโจวครับ ผมไม่ได้จงใจหาเรื่องคุณ เพียงแค่ตรวจค้นร่างกายเขานิดหน่อย ไม่ทำอะไรครับ”
“ฉันปฏิเสธ” เฉินห้าวพูดเย็นชา นี่ถือเป็นการสบประมาทเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พกของต้องห้ามอะไรไว้ก็ตาม
“งั้นผมจะสงสัยมากว่าตัวคุณพกสิ่งของผิดกฎหมาย รบกวนให้ความร่วมมือในการตรวจสอบครับ”
ชายสูทดำเขามาจับไหล่ของเฉินห้าวอย่างไร้เหตุผล
สายตาเฉินห้าวดุดัน แล้วพลิกผันไปจับข้อมือของเขา
แต่ผลปรากฏว่าชายสูทดำคนนี้เหมือนจะเคยฝึกศิลปะป้องกันตัว แล้วปะทะกับเฉินห้าวไปสักพัก สุดท้ายมือของทั้งสองก็กุมอยู่ด้วยกัน จึงได้ใช้กำลังดึงพร้อมกัน
ครั้งนี้เฉินห้าวใช้แรงในมือไม่ได้อ่อนข้อให้ กล้ามเนื้อที่ถูกยาเสริมความแข็งแรงของร่างกายสองเม็ดปรับแต่งใช้แรงทั้งหมด
“อ๊าก!”
กระดูกมือของชายชุดสูทมีเสียงดัง “กร๊อบ” จากนั้นก็เป็นเสียงครวญคราง แรงมหาศาลของเฉินห้าว ทำให้กระดูกนิ้วของเขาแปรสภาพ ภายใต้ความเจ็บปวด เขาก็ใช้หมัดอีกข้างหนึ่งเหวี่ยงเข้าไปที่ใบหน้าของเฉินห้าวเต็มแรง
เฉินห้าวเหวี่ยงหมัดอย่างเดียวกัน หมัดของทั้งสองปะทะกันในอากาศ นี่ถือเป็นการแข่งพละกำลัง ชายสูทดำครวญครางอีกครั้ง แรงปะทะหมัดของเฉินห้าวมากเกินไป ทำให้มืออีกข้างของเขาก็บาดเจ็บอีกเช่นเดียวกัน
เฉินห้าวปล่อยมือของเขาออก ชายสูทดำคนนี้ถอยหลังออกห่าง มือของเขาเมื่อขยับก็เจ็บเข้ากระดูก ตอนนี้มือทั้งสองข้างบาดเจ็บ กระดูกร้าวแน่นอน
เพียงแค่บีบ และหนึ่งหมัดก็ทำเอามือทั้งสองข้างของพนักงานรักษาความปลอดภัยบาดเจ็บ ไม่สามารถต่อสู้ได้
ตอนนี้ทำเอาพนักงานรักษาความปลอดภัยรอบข้างตื่นตกใจ พวกเขาพุ่งเข้ามา อยากจะจับเฉินห้าว
แม้จะเป็นตำรวจก็ไม่จับใครโดยพลการอย่างนี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยสูทดำพวกนี้ อวดเก่งมากกว่าแผนกบังคับใช้กฎหมายซะอีก อาจจะเพราะไปติดนิสัยเป็นใหญ่จากก่วนซงมา
เฉินห้าวใช้หมัดต่อยชายสูทดำอีกคนออกไป แขกที่อยู่ละแวกโรงแรมกรีดร้อง ต่างก็หลบหนี ไม่มีใครคาดคิดว่าหน้าประตูโรงแรมห้าดาว จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เฉินห้าวสีหน้าเย็นชา ปกป้องโจวซีถงไว้ด้านหลัง เขาไม่ได้กลัว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้างาน
ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้ งานเลี้ยงค็อกเทลนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมแล้ว