แม้ว่าเฉินห้าวไม่หวาดกลัวการข่มขู่ของก่วนซง แต่เนื่องจากอยู่ในถิ่นของคนอื่น ยังต้องเฝ้าระวังขึ้นมา
เขาโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หามาจากในแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้านล่วงหน้า และถามว่าพวกเขามาถึงที่หรือยัง
“มาถึงแล้วครับ พวกเราอยู่นอกโรงแรม แต่หน้าประตูโรงแรมก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถ้าหากฝืนบุกรุกเข้าไป จะเกิดความขัดแย้ง” หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอก
“ตอนนี้ไม่ต้องเข้ามา พวกนายเฝ้าอยู่ที่ข้างนอกก็พอแล้ว”
คราวนี้เฉินห้าวก็รู้สึกโล่งใจ มีพวกเก่งกาจอยู่ข้างนอกโรงแรม โจวซีถงก็หาพนักงานที่ใกล้เคียงไว้บ้าง น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว
ดังนั้น ทั้งสองคนก็จิบไวน์พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย
“ประธานโจวกับประธานเฉิน อยู่ที่นี่ดูมีราศีสง่ามากนะ!”
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่เบิกบานอย่างฉับพลัน ชุยหย่องปิงประธานของหอการค้ามณฑลเข้ามา
โจวซีถงและเฉินห้าวมีความประทับใจที่ไม่เลวต่อประธานท่านนี้ ดังนั้นจึงยิ้มต้อนรับ ทั้งสามคนชนแก้วกัน และต่างคนต่างดื่มเครื่องดื่ม
ถ้อยคำสุภาพไม่กี่คำ สายตาของชุยหย่องปิงดูเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง เมื่อเห็นว่าเขาทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ก็แกล้งทำเป็นว่าเมาเหล้า และพูดด้วยรอยยิ้มว่า“เมื่อคนแก่แล้ว เพิ่งดื่มไปไม่กี่แก้วร่างกายก็ตามไม่ทันแล้ว ดูเหมือนว่าผมจะต้องถอยออกไปก่อนแล้ว”
“จะต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่ ต้องการให้ผมไปส่งคุณมั้ย?”เฉินห้าวถามอย่างสุภาพ
“ไม่ต้องๆ ผมมีลูกน้องติดตามอยู่”
ชุยหย่องปิงยิ้มแล้วโบกมือ ทันใดนั้นก็ก้าวเดินไปข้างหน้า แล้วพูดอย่างกะทันหันว่า“โธ่เอ๊ย วันนี้งานเลี้ยงค็อกเทลคนเยอะมากจริงๆ กลับไปก่อนก็จะดีกว่า ไม่แน่เดี๋ยวคนเยอะมากๆ แออัดจนขยับไม่ได้”
ชุยหย่องปิงก็ออกไปทันที คราวนี้โจวซีถงและเฉินห้าวตระหนักถึงคำใบ้ในคำพูดของเขา ให้พวกเขากลับไปก่อน ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเตรียมคนไว้มากมาย
“หรือว่าตระกูลก่วนตั้งใจจะใช้วิธีรุนแรงจริงเหรอ? แต่ว่าทำไม?”
เฉินห้าวค่อนข้างคิดไม่ออก ถ้าหากเป็นเพียงความแค้นของก่วนซง ก็ไม่ถึงขนาดต้องทำสงครามใหญ่ ที่สำคัญงานเลี้ยงค็อกเทลนี้ เตรียมไว้ก่อนที่เขาและก่วนซงจะพบปะกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป้าหมายเดิมที่แน่นอนไม่ใช่เขา แต่เป็นโจวซีถง นี่เป็นแผนการที่พุ่งเป้าหมายมาที่โจวซีถง
จัดการโจวซีถงผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง ต้องเตรียมคนจำนวนมากมายด้วยเหรอ?
เฉินห้าวคิดไม่ออกเลยสักนิด
ตอนนี้สามารถกลับไปโดยที่ไม่สนใจอะไร แต่มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่าไม่กลัวโจรขโมยก็กลัวโจรจะคิดถึงตลอดเวลา วันนี้ไม่รู้เป้าหมายของตระกูลก่วน กลัวว่ายังจะมีวิธีการร้ายกาจตามทีหลัง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เฉินห้าวก็พูด“ฉันคิดว่าสามารถรอดูก่อน ดูว่าพวกเขาจะมาไม้ไหน”
“อือ ฉันเห็นด้วย ฉันคิดว่าตระกูลก่วนไม่มีทางทำอะไร ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเจรจาธุรกิจไม่สำเร็จ ก็จะใช้กำลังมาข่มขู่ ฉันก็ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษาความภัยของสาขามณฑลอยู่ข้างนอกไว้บ้าง ประมาณสิบกว่าคน จะสนับสนุนพวกเรา ไม่ได้การอีกก็สามารถแจ้งตำรวจได้”
เฉินห้าวพยักหน้า ความตั้งใจของเขาก็คือคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ที่สำคัญเขาก็มีตัวช่วย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที โทรหากลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการว่าจ้างมาล่วงหน้า ถามว่าพวกเขาก็มาถึงที่หรือยัง
ในเมื่อมีตัวช่วย ในใจก็ไม่ตื่นตระหนก และทั้งสองคนยังคงรอต่อไป
อย่างไรก็ตามเวลาอันสุขสบายที่อยู่ร่วมกันในไม่ช้าก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง มีกลุ่มคนสูงอายุสี่คน ภายใต้การล้อมรอบไปด้วยคนกลุ่ม ก็เดินเข้ามา
“นี่เป็นคุณโจวซีถงที่สวยที่สุดในมณฑลเหอของพวกเราไม่ใช่เหรอ ไม่ได้กันหนึ่งปีกว่า สวยขึ้นกว่าเดิมนะ!”
คนที่พูดเป็นชายอายุประมาณห้าสิบปีกว่า แต่งกายด้วยชุดลำลอง ท่ามกลางกลุ่มแขกที่มาร่วมงานในชุดทางการ ถือได้ว่าโดดเด่นเพียงคนเดียว แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะเขาเป็นผู้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลในครั้งนี้ ก่วนอวิ๋นชางผู้รับผิดชอบธุรกิจทั้งหมดในสี่มณฑลของตระกูลก่วน เป็นที่รู้จักในฐานะประธานก่วน
“ประธานชมเกินไปแล้ว”โจวซีถงตอบกลับอย่างราบเรียบ
เฉินห้าวก็เก็บท่าทางที่ผ่อนคลาย รู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของคืนนี้มาถึงแล้ว เขากลับจะดูว่า ตาแก่ก่วนคนนี้กำลังปกปิดอะไรอยู่กันแน่
“ผมแนะนำให้ประธานโจวก่อน ท่านนี้ท่านประธานชุยของอวิ๋นกุ้ยกรุ๊ป ท่านนี้คือบอสจงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทแมวลาย ท่านนี้คือเถ้าแก่เจิงของGolden Globe Industry”
ก่วนอวิ๋นชางแนะนำนักธุรกิจผู้มั่งคั่งสามคนติดต่อกัน โจวซีถงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาทั้งหมด เป็นคนร่ำรวยที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน ระดับของความมั่งคั่งอันดับแรกในบางพื้นที่ ดังนั้นจึงพยักหน้าทักทายทีละคน
“ประธานโจวสวยจริงๆ ที่สำคัญอายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จ ดูเหมือนว่าจากนี้ไปแวดวงธุรกิจในประเทศ ก็จะเป็นโลกของมือดีรุ่นหลังอย่างประธานโจว”
“นั่นนะสิ สามารถที่จะบริหารบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งคนเดียวได้อย่างคุณโจว ผมชื่นชมความสามารถนี้จริงๆ ลูกสาวของผมอายุมากกว่าเธอหลายปี จนถึงตอนนี้รู้เพียงแต่กินดื่มเที่ยวเล่น ฟุ่มเฟือยไปทั่ว ปวดหัวจริงๆ!”
ชายชราหลายคนเหล่านี้อายุก็เกินครึ่งร้อยปีแล้ว เมื่อพบเจอก็มีเพียงแต่คำชื่นชม โจวซีถงทำได้เพียงตอบกลับอย่างราบเรียบ เพราะเธอรู้ว่า คนเหล่านี้เป็นพวกใช้คำพูดที่สวยงามทำให้คนอื่นหลงเชื่อ
หลังจากพูดคุยเรื่องหยุมหยิม ชายชราหลายคนก็แอบส่งสายตาให้กัน กลุ่มคนที่ติดตามพวกเขาอยู่ข้างหลัง ก็แยกย้ายกันไปโดยอัตโนมัติ และปะปนไปกับแขกบริเวณรอบๆ โดยปล่อยให้หลายคนมีที่ว่างพูดคุยกัน
ในใจของเฉินห้าวสั่นไหว ดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกจะโผล่หางออกมาแล้ว
“ประธานโจว แวดวงธุรกิจของพวกเราก็เป็นสังคมขนาดเล็ก ตะเกียบหนึ่งอันหักได้ง่าย ตะเกียบหนึ่งมัดยากที่จะหักได้ พวกเรานักธุรกิจยังต้องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวถึงจะสามารถต้านทานความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ปั่นป่วนในตอนนี้”
“ใช่ๆ ผมคิดว่าบริษัทโจวซื่อของประธานโจวก็มีความแข็งแกร่งเช่นกัน ไม่อย่างงั้นพวกเราหลายตระกูลจัดตั้งพันธมิตรทางธุรกิจ ก็จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ?”
“นี่เป็นความคิดที่ดีนะ จากนี้ไปต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนเงินทุน และข้อมูล คงจะเป็นผลลัพธ์ที่ร่วมมือกันดีกว่าแตกแยกกันไป”
ชายชราหลายคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ท่าทางกำลังจะกรีดเลือดร่วมสาบานในทันที ถ้าไม่รู้ยังคิดว่าพวกเขาจะฝึกสามวีรบุรุษสาบานในสวนท้อตามเล่าปี่
ดูเหมือนว่าแผนการร้ายของพวกเขา ก็จะเริ่มต้นจากพันธมิตร