แต่ใครจะรู้ว่าฉิงจื๋อเทาจะพูดอย่างสยดสยองว่า “ฉันว่า จูหมิ่นคนนี้นายอย่าไปยุ่งดีกว่า น่ากลัวมาก!”
“ทำไมหรอ? เธอมีตัวตนอะไร คงไม่ใช่ลูกสาวของนักเลงที่ไหนหรอกใช่มั้ย?” เฉินห้าวถามอย่างสงสัย
“ถ้าแบบนี้ฉันก็ไม่กลัวแล้ว นายจัดการนักเลงไม่ใช่แค่คนเดียวแล้ว เธอน่ากลัวกว่าพวกนั้นอีก”
น้ำเสียงของฉิงจื๋อเทาร้อนรนมาก พูดจบประโยคก็หยุดแล้วก็ดื่มน้ำมาจัดการอารมณ์
เห็นเพื่อนสนิทกลัวจนถึงขั้นนี้ เฉินห้าวจึงรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉิงจิ๋อเทาพูด “เมื่อกี้ฉันแฮกเข้าระบบที่เกี่ยวกับข้อมูลของตัวเธอ หน้าเอกสารเด้งมาแล้ว แต่ว่าคอลัมน์หน้าที่เกี่ยวกับครอบครัวล้วนเป็นความลับ มีเพียงแค่อายุ หน้าที่การงาน สถานที่อยู่อาศัยและเบอร์โทรศัพท์และข้อมูลเบื้องต้นอื่นๆ ฉันยังอยากจะล้วงลึกอีกหน่อย สุดท้ายก็ไปกระตุ้นโดนระบบป้องกันแฮกเกอร์ แล้วทำการบล็อกฉัน ยังดีที่ฉันมีไหวพริบ และใช้ระบบป๊อบอัพสามชั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำการสืบค้นฉัน ฉันก็ทำการลบร่องรอยการเข้าระบบทุกอย่าง จึงไม่ถูกจับได้ ถ้าหากว่าถูกจับได้ คาดว่าฉันคงต้องไปกินข้าวแดงในคุกแล้ว นี่มันเป็นความลับนะ”
“เป็นอย่างนี้หรอ?”
เฉินห้าวเองก็ตะลึง ไม่คิดเลยว่าตัวตนของนักข่าวสาวจะลึกลับขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นบุคคลที่มีเบื้องหลัง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถช่วยเขาจัดการเรื่องนโยบายได้ง่ายขนาดนี้ แต่ว่าดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเธอจะมีเบื้องหลังใหญ่ขนาดนี้
จินตนาการที่ผ่านมา คุณหนูร่ำรวยแบบนี้ จะคอยมีพวกบอดี้การ์ดคอยตามติด และดำรงตำแหน่งที่สำคัญบางอย่างหรือดูแลธุรกิจ แต่จูหมิ่นกลับไปเป็นเด็กฝึกงานนักข่าวที่เหนื่อยล้า เขาไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อย
“ลำบากนายละ งั้นนายก็ไม่ต้องสืบเธอแล้ว ช่วงนี้ก็ระวังหน่อย” เฉินห้าวพูดปลอบใจ
“โอเค ฉันรู้แล้ว นายก็ระวังผู้หญิงคนนั้นนะ นายก็อย่าอยากขึ้นสมองจนหาเรื่องใส่ตัวละ” จากนั้นฉิงจื๋อเทาก็วางสาย
เฉินห้าวไม่ได้สนใจในคำพูดของฉิงจื๋อเทาอยู่แล้ว เขาไม่ใช่พวกเจ้าชู้สักหน่อย ไม่มีทางไปหยอดจูหมิ่น เพียงก็จำเป็นที่จะต้องระวัง เพราะยังไงซะเธอก็ลึกลับมาก
เฉินห้าวนอนอยู่บนเตียง นึกย้อนไปถึงอดีตที่รู้จักจูหมิ่น รู้สึกว่าเธอไม่ได้จงใจที่จะเข้าหาตัวเขา ก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ธรรมดามาก ถ้าหากว่าเบื้องหลังของเธอยิ่งใหญ่มาก การควบคุมอารมณ์ก็ดีเกินไปแล้วมั้ง?
แล้วยังที่เธอถูกขังไว้ที่ถนนเมี่ยวเจีย นี่ถือเป็นการถูกดูถูกแล้ว ถ้าหากว่าเธอมีเบื้องหลัง เหลียงเฉิงฟาและลูกน้องพวกนั้นของเขาคงจะอยู่ไม่สุขแน่นอน แต่ว่าหลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้นแล้วพวกขี้โกงพวกนั้นก็เหมือนจะไม่ถูกลงโทษอะไรเพิ่มเติมอีก นี่ก็น่าแปลกมากเหมือนกัน นี่มันดูไม่เหมือนปกตินี่นา
ถ้าหากว่าจูหมิ่นมีเบื้องหลังธรรมดา และเพราะเกี่ยวข้องกับความลับสำคัญบางอย่าง ทำให้ข้อมูลของเธอเก็บเป็นความลับ หรือไม่เธอก็เป็นพวกนักแสดงแต่กำเนิด ทำให้ตัวเขาดูธาตุแท้ของเธอไม่ออก
เฉินห้าวเอนเอียงไปยังความคิดแรกมากกว่า
ถึงแม้เขาจะเดาผิด ก็ไม่มีอะไรมาก เขาและจูหมิ่นก็ไม่ได้มีเรื่องกัน ไม่มีปัญหาการคัดค้านกัน เบื้องหลังเธอจะลึกลับแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขา กลับกันตกที่ว่าเพราะดีต่อกัน จึงมีอำนาจที่พึ่งเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง
เมื่อคิดสิ่งเหล่านี้จนเข้าใจแล้ว เฉินห้าวก็วางใจแล้วหลับไป
……….
วันต่อมา เฉินห้าวก็ยังไปออกกำลังกายที่สนามแต่เช้าเหมือนเดิม รอบนี้เขาตื่นมาตามปกติ ไปออกกำลังกายประมาณหกโมงเช้า
แต่เมื่อเพิ่งถึงสนาม ก็เห็นอู๋ตันและชิวหย่าหนานเองก็มาเช่นกัน ทั้งสองใส่เสื้อออกกำลังกายสีฟ้าคนหนึ่งชมพูคนหนึ่ง ที่หน้าผากคาดที่คาดผมขนฟูไว้ ดูแล้วเป็นแบบสาวนักกีฬา
“เจ้านายคะ พวกเราคงไม่ได้รบกวนคุณหรอกใช่มั้ยคะ?” ชิวหย่าหนานที่ร่างเริงวิ่งเข้ามาถาม
“ไม่หรอก พื้นที่กว้างขนาดนี้ ออกกำลังกายตามสบาย”
แล้วต่อมาก็ไม่ได้คุยกันอีก แล้วต่างคนต่างฝึกกับสาวสวยทั้งสอง เขาก็ยังฝึกฝนตามเดิม ทำการออกกำลังกายร่างกายก่อน แล้วก็ฝึกฝนวิชาท่าห้าสัตว์
เมื่อเฉินห้าวทำการใช้วิชาท่าห้าเสือได้อย่างทรงพลัง และใช้วิชาท่ากวางได้อย่างสง่างาม รังสีในร่างกายแผ่ออกมา ราวกับเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง นางแบบสาวทั้งสองไม่เพียงแต่ถูกดึงดูดสายตายืนมองอยู่ข้างๆอย่างตื่นเต้น
เมื่อเฉินห้าวฝึกสองอย่างเสร็จแล้ว สาวทั้งสองคนก็ปรบมืออย่างตื่นเต้น
“ศิลปินการต่อสู้เจ้านายเท่มากค่ะ!”
ชิวหย่าหนานที่ร่างเริงตะโกนเสียงดัง อู๋ตันที่ขี้อายก็เพียงแค่มองดูด้วยสายตาที่ตื่นเต้น เพื่อแสดงออกถึงความนับถือของเธอ
อู๋ตันเอาผ้าเช็ดหน้าใหม่ที่เตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาให้เฉินห้าวเช็ดเหงื่อ
“ยังโอเค ศิลปะการป้องกันตัวของฉันเป็นรูปแบบของสัตว์ พวกเธอไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาดก็ดีแล้ว” เฉินห้าวรับผ้าเช็ดหน้ามาด้วยรอยยิ้ม บนผ้าเช็ดหน้ายังมีกลิ่นหอม และซับเหงื่อได้ดี เนื้อผ้าไม่เลว
“สอนพวกเราฝึกด้วยได้มั้ยคะ!” ชิวหย่าหนานมีความคิดแปลกออกมา
อู๋ตันที่เป็นพี่ใหญ่กลับดึงชายเสื้อของหย่าหนาน พูดจาแบบนี้ดูไม่มีมารยาทมาก เพราะศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจขนาดนี้ ไม่มีทางส่งต่อให้กับคนอื่นเป็นการส่วนตัวแน่นอน
แต่เฉินห้าวกลับพูดว่า “ไม่ใช่ว่าไม่สอนเธอ แต่เพราะว่าวิชาท่าเสือและวิชาท่ากวางที่ฉันเป็นในตอนนี้ไม่เหมาะกับสาวๆอย่างพวกเธอ ในตอนที่ฝึกฝนจะต้องจินตนาการว่าตัวเองเป็นสัตว์ หรือว่าพวกเธออยากจะเป็นแม่เสืองั้นหรอ?”
“ฉันไม่อยากเป็นแม่เสือหรอกค่ะ คนเขาเป็นสาวเรียบร้อย เป็นกระต่ายน้อย ฉันแค่ล้อเล่นค่ะ”
ในตอนที่ชิวหย่าหนานพูดเธอก็โชว์แขนที่เรียวเล็กของเธอ ดูออกเลยว่าขาดการออกกำลังกาย นอกเสียจากว่าต่อไปจะทำการฝึกอย่างหนัก ไม่อย่างนั้นถึงจะฝึกวิชาท่าห้าเสือเป็น ก็อาจจะสู้กับพวกนักเลงข้างถนนไม่ไหวด้วยซ้ำ
ถ้ากำลังมีไม่พอ ไม่ว่าจะมีกระบวนท่ามากแค่ไหน ก็อาจจะถูกคนอื่นเขาตีล้มในทีเดียวได้
นี่ก็จะเป็นตามคำคมว่า ศิลปะการต่อสู้จะดีแค่ไหนก็กลัวมีด กระบวนท่าเก่งแค่ไหน อิฐเดียวก็ล้ม