ในนิยายไซอิ๋วของอู่เฉิงเอินจนถึงนิยายเรื่องโปเยโปโลเยที่แต่งโดยผู่ซงหลิงสมัยราชวงศ์ชิง ก่อนหน้านั้นยังมีเรื่องซานไห่จิงที่เล่าถึงเรื่องเซียนเทพสัตว์ในตำนานต่างๆ หลายประเทศคงคุ้นเคยกับเรื่องราวเหล่านี้ที่ถูกถ่ายทอดเป็นละครโทรทัศน์
มนุษย์อย่างเราชื่นชอบเรื่องปีศาจเรื่องลี้ลับน่าติดตามประเภทนี้ แต่ถ้าได้เจอกับตัวจริงเข้าคงจะไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ ที่ปากบอกชอบแต่ใจไม่ได้ชอบจริงๆ น่าจะเหมาะกับคนส่วนมาก
ยกตัวอย่างเช่นเจ้าสิงห์ขนทองกับเหมาโถวอยู่ในเรือนสี่ประสานแล้วคุยภาษาคนกันอย่างครึกครื้น เหล่าคุณป้าของเยี่ยเทียนคงตกใจหัวใจวายกันหมด ดังนั้นเขาจึงต้องเน้นย้ำให้หนักแน่น ไม่ให้เจ้าสองแสบก่อเรื่อง
“ฉันไม่เห็นอยากจะพูดเลย”
เสี่ยวจินสิงห์ขนทองตั้งแต่เริ่มเกิดดวงปัญญา ใบหน้าของมันถ่ายทอดอารมณ์ได้มากมาย มันเบ้ปากตอบว่า
“อาจารย์ ฉันเจอบางอย่างจากเศษซากจิตดั้งเดิมของคนๆนั้น อาจารย์จะดูไหม?”
สิงห์ขนทองกลืนกินดวงวิญญาณได้ นอกจากดูดกลืนพลังนั้นแล้วยังสามารถกักเก็บความทรงจำที่ตกค้างบางส่วนได้ ถึงทำให้มันเป็นสัตว์ที่ฝืนธรรมชาติ ถ้ามันมีประสบการณ์การฆ่าและสติปัญญาที่เพิ่มพูนขึ้น มันจะน่ากลัวยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า
“ความทรงจำของเหอปู้อวี่? แน่นอนว่าต้องดูสิ!”
ได้ยินดังนั้นเยี่ยเทียนตาวาวขึ้นมา แม้เขาเข้าไปในดินแดนแห่งทวยเทพไม่ได้ แต่ช่วงนี้มักมีคนจากข้างในนั้นออกมารบกวนเยี่ยเทียนอยู่เรื่อยๆ เขาอยากจะรู้จักโลกข้างในว่าเป็นอย่างไร
“มีแต่เรื่องทำร้ายคน ไม่มีอะไรน่าดู?”
สิงห์ขนทองชักสีหน้า สำหรับปีศาจอย่างมัน ความเจ้าเล่ห์เพทุบายสู้พละกำลังมหาศาลไม่ได้ ต่อให้มีแนวความคิดมากมายขนาดไหน มันก็ใช้อุ้งเท้าข้างเดียวตบจนตาย
เมื่อมันตั้งจิตก็ถ่ายทอดความทรงจำที่ตกค้างของเหอปู้อวี่ไปสู่สมองของเยี่ยเทียน ตอนที่มันกลืนวิญญาณของเหอปู้อวี่ลงไปนั้น ความทรงจำถูกทำลายเสียหายมาก จึงหลงเหลือเพียงความทรงจำที่ลึกที่สุดเท่านั้น
“ข้อมูลมากมายขนาดนี้เลย?”
เหอปู้อวี่อายุมาหลายร้อยปี เพียงแค่ความทรงจำช่วงสั้นๆทำให้ภาพในสมองของเยี่ยเทียนสับสนวุ่นวายไปหมด เขาจึงหลับตาลงสงบจิต แล้วค่อยๆตรวจดูคลื่นความทรงจำที่ไหลเข้ามาสมองของเขาทีละฉาก
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าเล่าถึงมีคนออกมาคิดบัญชี”
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยเทียนค่อยๆลืมตาขึ้น เขาดูความทรงจำของเหอปู้อวี่อย่างละเอียดแล้ว สิ่งที่ทำให้เยี่ยทียนรู้สึกเศร้าหมองคือความทรงจำพวกนี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งทวยเทพนั้นเลย
ในความทรงจำเบื้องลึก แน่นอนว่าเขาผูกใจเจ็บว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมกับตัวเอง ตั้งแต่อาจารย์ของเขาบรรลุเซียนแล้ว ตัวเขาก็ล่องลอยไม่มีผู้สอนสั่ง ดังนั้นทำให้เหอปู้อวี่เกิดความอิจฉาในศิษย์ตามสำนักใหญ่แห่งอื่น มีศิษย์ของสำนักใหญ่ๆห้าหกแห่งเป็นอย่างน้อยที่ตายด้วยฝีมือเขา
ผู้ที่เหอปู้อวี่ผูกเป็นมิตรนั้น สุดท้ายแล้วถูกเขาวางแผนเอาชีวิตเพื่อแลกกับเงินทอง ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงไม่กลัวว่าจะมีใครจากดินแดนแห่งทวยเทพมาเพื่อล้างแค้นเขา ทำให้เขาวางใจลง
“เบื้องหลังของคนๆนี้มีแต่ความชั่ว!”
เยี่ยเทียนพูดจบ โก่วซินเจียก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่มีต่อดินแดนแห่งทวยเทพนั้นยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงขึ้นมา
ในโลกแห่งนั้นอุดมไปด้วยพลังวิเศษ เหมาะจะใช้ฝึกวิชาเต๋า แต่ถ้าเทียบกับโลกมนุษย์ การมีชีวิตในที่นั้นซื่อตรงกว่ามาก ผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าจะเป็นผู้เหนือกว่า ด้วยตบะของโก่วซินเจีย ถ้าได้เข้าไปในนั้นก็ต้องอยู่ในชนชั้นล่างสุด
“เยี่ยเทียน ในนั้นมีข่าวคราวของเจ้านายฉันบ้างไหม?”
วานรขาวได้ยินเสียงเยี่ยเทียนดังมาแต่ไกล ก็รีบเข้ามาใกล้ มองเยี่ยเทียนด้วยความหวัง
“มี แต่ว่า….ท่านซือคงได้ตายไปแล้ว ส่วนคนร้ายนั้น?”
พูดถึงเรื่องนี้ เยี่ยเทียนเหลือบมองร่างแหลกเหลวของเหอปู้อวี่ เอ่ยต่อว่า
“คนๆนี้จิตใจอำมหิต เขาหลอกให้ท่านซือคงไว้ใจแล้ว….”
ในความทรงจำของเหอปู้อวี่ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับซือคงหลงเหลืออยู่ เพราะผู้ที่มีตบะแกร่งกล้าแต่ตายด้วยน้ำมือเยี่ยเทียนคนนี้ เขาฝึกวิชาห่างจากการขึ้นจินตันเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ทั้งยังเป็นศิษย์ใกล้ชิดในสำนักวิชาสำนักหนึ่งในดินแดนแห่งทวยเทพ
เมื่อเริ่มแรกที่ซือคงเข้าไปในโลกแห่งนั้น เหอปู้อวี่ได้ผูกมิตรกับเขาโดยบังเอิญ แต่ตบะของซือคงสูงกว่าเหอปู้อวี่ พอเข้าไปในโลกนั้นก็ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักแห่งหนึ่ง ยืมใช้ข้อมูลจากสำนัก ซือคงเก็บตัวฝึกวิชาตลอด หลังจากนั้นมาก็ได้ตัดขาดจากเหอปู้อวี่
เมื่อฝึกถึงขั้นเจี่ยตันแล้วได้รับอายุขัยเพิ่มอีกหลายสิบปี ซือคงคิดพิจารณาแล้วว่าอยากจะออกไปท่องเที่ยวในดินแดนแห่งทวยเทพเพื่อความสบายใจในการฝึกวิชาต่อ ทำให้บังเอิญไปเจอกับเหอปู้อวี่
ซือคงเติบโตมาในชีวิตสังคมเกษตรกรรม ไม่ค่อยได้สัมผัสกับโลกภายนอก ไม่มีความหวาดระแวงภัยในการคบหาสมาคมกับใคร
บวกกับคำพูดพะเน้าพะนอให้ความสนิทคุ้นเคยของเหอปู้อวี่ ทั้งยังมอบยาวิเศษพันปีที่เก็บมาเองให้ซือคงเป็นของขวัญ ทำให้ซือคงคิดว่าเขาเป็นคนรู้ใจ ไม่ได้หวาดระแวงอะไรอีก ซือคงเล่าที่มาที่ไปของตัวเองในโลกมนุษย์ให้เหอปู้อวี่ฟังจนหมด
แต่ซือคงคิดไม่ถึงเลยว่า ในช่วงเวลาที่เขาสนิทสนมกับเหอปู้อวี่ เหอปู้อวี่จะลอบวางยาพิษทำลายตันเถียนลงในสุราที่เขาหมักเองทุกวันทีละน้อย ซือคงไม่มีทางรู้สึกได้
หลังจากนั้นหนึ่งเดือนกว่า รอจนพิษสะสมในร่างกายจนถึงปริมาณหนึ่งแล้ว เหอปู้อวี่เปลี่ยนไปใส่ยาพิษอีกชนิดที่มีฤทธิ์ชักนำทำให้พิษกำเริบ
แต่ด้วยตบะที่สูงส่งของซือคง ต่อให้ถูกพิษแล้วยังสามารถทำร้ายเหอปู้อวี่ให้บาดเจ็บสาหัสได้ ด้วยเหตุนี้เหอปู้อวี่จึงต้องหลบออกมาจากดินแดนแห่งทวยเทพนั้น เพื่อมาหาของวิเศษของซือคงในอาณาเขตแห่งเทพกสิกรนี้ เพื่อนำกลับไปใช้รักษาอาการบาดเจ็บ
จากความทรงจำที่เห็น เยี่ยเทียนรู้ถึงเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ ในโลกแห่งเทพกับโลกมนุษย์ไม่มีความใกล้ชิดกัน สำนักใหญ่ๆ ได้ครอบครองข้อมูลส่วนใหญ่เอาไว้ จึงไม่เห็นความสำคัญกับสิ่งของบนโลกมนุษย์
แต่สำนักน้อยกลับยังมีความเกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์อยู่มาก บางสำนักที่ต้องการหลอมทองคำก็ต้องเดินทางมาในโลกมนุษย์ อาณาเขตแห่งเทพกสิกรที่กว้างใหญ่นี้ เป็นเครื่องแสดงถึงอำนาจในโลกมนุษย์ที่ซือคงใช้แสดงต่อสำนักของเขา
ตอนแรกซือคงคิดอยากจะนำพาวานรขาวเข้ามาในโลกแห่งนี้ด้วย แต่ตรวจดวงชะตาแล้วตนเองจะมีเคราะห์หนัก เพิ่งออกจากสำนักก็พบกับเหอปู้อวี่ สุดท้ายต้องมีจุดจบที่ดวงจิตแตกสลาย
“อ่า!!!”
ฟังเยี่ยเทียนเล่าจบ วานรขาวโกรธแค้นอย่างหนัก มันถือกระบองเหล็กไปที่ร่างของเหอปู้อวี่ลงมือทุบจนชิ้นเนื้อแหลกเหลว
แต่ก็ ไม่ทำให้วานรขาวลดความโกรธแค้นไปได้ มันยังไปจับเสือดาวในป่ามาอีกสองตัว บังคับให้พวกมันกินเนื้อสดของเหอปู้อวี่ เสือดาวสองตัวช่างน่าสงสาร พวกมันโตมาขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่มันต้องกินอาหารกันอย่างหวาดกลัว
“ให้ตายสิ ในป่านี่เสือหรือลิงที่เป็นเจ้าป่ากันแน่?”
เห็นภาพตรงหน้าแล้วเยี่ยเทียนกระอักกระอ่วน รอจนเสือดาวกินซากจนหมดแล้ว เยี่ยเทียนบอกกับวานรขาวว่า
“พี่วานรขาว ยินดีด้วยที่พี่ล้างแค้นได้ มีทาสที่ซื่อสัตย์อย่างพี่ ซือคงคงตายตาหลับแล้ว!”
“ขอบใจแกมากเยี่ยเทียน ฉันจะพาพวกแกไปเก็บสมุนไพร!”
วานรขาวเช็ดน้ำตาแล้วเดินนำเยี่ยเทียนเข้าไปในเขาสมุนไพร
“ถ้าเทียบกับเกาะเซียนเผิงไหล ที่นี่แตกต่างกันมาก!”
ถ้าเทียบกับครั้งที่มาถึงที่นี่ครั้งแรก จิตใจของเยี่ยเทียนแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุดอยู่นิ่ง ความรู้สึกถึงพลังวิเศษในสถานที่แห่งนี้ที่เข้มข้นมากเมื่อตอนมาถึงครั้งแรกนั้นกลายเป็นเฉยชาไปแล้ว ตามที่เยี่ยเทียนคิด เกรงว่าพลังในดินแดนแห่งทวยเทพจะต้องเข้มข้นกว่านี้หลายเท่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าเจอยาตัวไหนที่เหมาะสม ก็เก็บกลับไปเถอะ เอาไว้ทำเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ!”
หันไปมองศิษย์พี่ใหญ่ที่กำลังตะลึงตาค้าง เยี่ยเทียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หากศิษย์พี่ใหญ่ได้ไปที่เกาะเซียนเผิงไหลมา คงจะทำให้เขาถูกใจกว่าที่นี่
“หา ได้ ได้ ศิษย์น้องเล็ก พวกเราจะรวยกันแล้ว!”
สีหน้าของโก่วซินเจียแสดงอาการตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด พอเขามองออกไปเบื้องหน้า โก่วซินเจียเห็นว่ายาสมุนไพรที่นี่นอกจากจะเป็นยาที่มีอายุยาวนาน ทั้งยังมียาวิเศษที่หาได้ยากในตำราโบราณที่บนโลกมนุษย์ได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
เขาหยิบถุงยาที่เตรียมมาแล้วโก่วซินเจียก็ลงมือเด็ดยาทีละกำใหญ่ แต่เขายังรู้จักมีมารยาท ระวังไม่เก็บลงไปถึงส่วนรากของต้นยา จะเก็บแต่เฉพาะส่วนที่ใช้ทำยา ส่วนรากนั้นแน่นอนว่าต้องรักษาเอาไว้ต่อไป
ส่วนเจ้าเหมาโถวน้อยก็ได้นำสิงห์ขนทองไปทำลายต้นท้อหลายต้นด้วยความอยากผูกมิตร ลูกท้อที่โตหน่อยจะถูกมันทั้งสองตัวกินลงท้องไปเกือบหมด วานรขาวกับเยี่ยเทียนมองอย่างเหนื่อยใจ เจ้าสองแสบกินลูกท้อมากขนาดนี้ เหมือนกับจะกินล้างกินผลาญกันเลยทีเดียว
แต่ลูกท้อพวกนี้ไม่สำคัญเลยเมื่อเทียบกับยาสมุนไพรหายาก เยี่ยเทียนขี้เกียจไปบังคับควบคุมมันทั้งสองตัว ปล่อยให้พวกมันกินกันจนอิ่มแปล้
“เยี่ยเทียน เก็บเสร็จแล้ว มียาวิเศษพวกนี้ ฉันจะปรุงยาให้เธอใช้ได้”
ยาวิเศษต้องปลูกในที่ที่มีพลังวิเศษหล่อเลี้ยง สวนสมุนไพรถึงจะเล็ก แต่มียาดีหายากที่ประเมินค่าไม่ได้ ผ่านไปชั่วโมงกว่า โก่วซินเจียถือถุงยาเดินออกมาหาเยี่ยเทียน
นอกจากยาวิเศษชั้นยอดแล้ว ยาทั่วไปก็ยังมีอย่างอุดมสมบูรณ์ เม็ดยาที่ปรุงออกมาจะมีฤทธิ์แรงกว่ายาทั่วไปถึงสามส่วน โก่วซินเจียรู้ดังนี้ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สำหรับเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อครัวใหญ่ที่กำลังมองดูวัตถุดิบคุณภาพมากมาย
“เยี่ยเทียน ยาก็เก็บเสร็จแล้ว ตอนนี้พวกแกไปกันได้หรือยัง?”
เห็นสวนสมุนไพรที่เฝ้าทะนุถนอมมาหลายปี ถูกเก็บไปเกือบเรียบ วานรขาวมองดูแล้วเสียดายยิ่ง ถ้าไม่ใช่คนรู้จักกัน มันคงลงไปห้ามแบบสุดใจขาดดิ้น พอเห็นว่าโก่วซินเจียวางมือแล้ว จึงรีบออกปากไล่แขกทันที
เยี่ยเทียนส่ายหัว ตอบว่า
“พี่วานรขาว ขออภัยจริงๆ ฉันยังมีเรื่องจะขอร้องอีกเรื่องหนึ่ง!”
…………………………..