หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 921 ไสยศาสตร์

ตอนที่ 921 ไสยศาสตร์

“สังหารไปแล้วครั้งหนึ่ง งั้นก็ต้องเป็นศพไปแล้วน่ะสิ?”

“ไม่จริงน่า คนนั้นเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ดี ไม่เห็นเหมือนคนตายเลย!”

“มันก็พูดยาก ผีดูดเลือดพวกนั้นก็ไม่มีชีพจรเหมือนกัน นายพูดได้หรือเปล่าว่าพวกเขาเป็นมนุษย์น่ะ?”

คำพูดของเยี่ยเทียนกระตุ้นความสงสัยของผู้คนภายในลานประชุมระลอกหนึ่ง ชาญ ทองทวนที่นั่งอยู่ด้านข้างราชครูจากเมืองไทยผู้นี้แม้มีสีหน้าไร้ชีวิตชีวา แต่ก็เดินเข้ามาในงานด้วยตนเอง จนกระทั่งภายหลังเยี่ยเทียนพูดออกมาอย่างนี้ ผู้คนจึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติ ว่าคนที่ชื่อชาญ ทองทวนคนนั้นกลับไม่มีลมปราณและสัญญาณของคนมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย

“แก…ไอ้คนโอหัง!” ดวงตาของนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์หรี่ลงอย่างดุดัน อดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนในท้ายที่สุด

คำพูดนี้ของเยี่ยเทียน เสียดแทงส่วนลึกสุดในใจนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ชาญ ทองทวนตามติดเขามาสามสิบกว่าปี ทุ่มเททั้งกายใจดูแลกิจวัตรประจำวันของเขา ทั้งสองแม้จะเป็นอาจารย์ลูกศิษย์กัน แต่ความสัมพันธ์เหนือยิ่งไปกว่าพ่อลูก เพียงแต่ถ้านายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์รู้ชัดว่าในประเทศจีนมีเสือซ่อนเล็บ ก็คงจะไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามาในเขตแดนจีนเพื่อเสาะหาเยี่ยเทียนแม้แต่ก้าวเดียว

ไม่อาจช่วยลูกศิษย์สะสางความแค้น ทั้งยังนำศพของชาญ ทองทวนมาทำเป็นผีดิบ ภายในใจของนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เดิมทีก็รู้สึกละอายใจอยู่แล้ว ตอนนี้เยี่ยเทียนขุดเรื่องชาญ ทองทวนขึ้นมาพูดอีก เขาจึงอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป

“ปรมาจารย์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จะกล้าประลองหรือไม่?!”

ดวงตาสองข้างของเยี่ยเทียนจดจ้องนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่เก็บงำจิตสังหารของตนแม้สักนิด สำนักพยากรณ์เสื้อป่านกับราชครูแห่งเมืองไทยผู้นี้พัวพันกันมากว่าครึ่งศตวรรษ เยี่ยเทียนจึงไม่คิดปล่อยความแค้นนี้ให้คนรุ่นหลังสะสางอีกต่อไป

“เจ้าหนุ่ม จะข่มเหงกันมากไปแล้ว!”

ถูกบีบคั้นต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ถึงแม้ตำแหน่งของเขาในประเทศไทยจะสูงส่ง พระมหากษัตริย์ยังต้องเรียกเขาว่าพระสังฆราชด้วยความเคารพ แต่ถ้าหากเหตุการณ์วันนี้เผยแพร่กลับไป ต่อให้สถานะของเขาในประเทศไทยไม่ทรุดลง เกรงว่าพระมหากษัตริย์เองก็คงเกิดความไม่พอใจในตัวเขา

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเยี่ยเทียน เขารู้ว่า แม้จะหลบหลีกจากวันนี้ไปได้ เขากับเยี่ยเทียนก็จะต้องพบจุดจบชนิดไม่ตายไม่เลิกรา สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เองก็เป็นคนทำอะไรเด็ดขาด พอขจัดความหวาดกลัวตรงหน้าแล้ว ก็ค่อยๆ เดินออกจากที่นั่งอย่างเชื่องช้า

ในเวลาเดียวกันกับที่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ออกห่างจากที่นั่ง ชาญทองทวนที่อยู่ข้างกายเขาก็ลุกตามขึ้นมาด้วย ติดตามหลังร่างนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทุกฝีก้าว แต่ที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็คือ ร่างกายสูงเกือบสองเมตรของชาญ ทองทวน กลับเดินไปตามเส้นทางอย่างเบาหวิว ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาเลย

“ขอโทษครับ การ…การแข่งขันนี้ สามารถทำได้ตัวต่อตัวเท่านั้น จะใช้จำนวนเอาชนะไม่ได้!”

ขณะที่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เดินลงมาจากอัฒจันทร์นั้นเอง แฟรงก์ก็ยืนกรานขวางหน้าร่างเขา พอลอบมองร่างสูงของชาญ ทองทวนแวบหนึ่ง คำพูดของแฟรงก์ก็แปรเปลี่ยนเป็นตะกุกตะกักขึ้นมา

“พลังวิเศษของผมคือการควบคุมผีดิบ”

แววตาของนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่หันไปมองแฟรงก์เลยแม้แต่น้อย หันร่างของเขามาพูดกับเยี่ยเทียนว่า

“ถ้าแกต้องการแลกเปลี่ยนกับฉัน ก็ต้องประจันหน้ากับทั้งคู่ แกยินยอมหรือเปล่า?”

“ใช้ศพคนมาทำเป็นผีดิบเดินได้ แถมยังเป็นลูกศิษย์ของตนเองอีก จุ๊ๆ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แกนี่ใจแข็งอย่างกับเหล็ก!”

เยี่ยเทียนถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ตอบว่า

“ไสยศาสตร์นั้นกำเนิดมาจากวิชาแมลงพิษทางมณฑลชายแดนของเมืองจีน เป็นศาสตร์วิชาที่สืบทอดต่อมาจากพ่อมดโบราณ ลี้ลับไม่อาจคาดเดา แปรเปลี่ยนได้หลากหลายสภาพ พวกแกแค่เรียนรู้เพียงกระผีก กลับไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ต่อให้แกมาเป็นคู่แล้ว ผู้แซ่เยี่ยมีหรือจะกลัว?”

ด้วยวิทยายุทธ์ระดับเยี่ยเทียน สามารถฝึกฝนให้อวัยวะภายในแข็งแกร่งราวเหล็กกล้าได้นานแล้ว ต่อให้กลืนกินแมลงพิษตัวเป็นๆ ลงไปก็สามารถย่อยสลายมันกลายเป็นน้ำหนองภายในกระเพาะ สำหรับเขาแล้ววิชาไสยศาสตร์ จึงไม่น่าหวั่นเกรงใดๆ

เวลานี้ถึงแม้ในมือจะไม่ได้ถือง้าวจันทร์เสี้ยวมังกรเขียว แต่มีดบินคู่กายภายในจุดตันเถียนของเยี่ยเทียน ก็มีคุณสมบัติแข็งแกร่งกว่าง้าวจันทร์เสี้ยวมังกรเขียวเป็นร้อยเท่า? เพียงเยี่ยเทียนปล่อยออกมา เกรงว่าจะสามารถสับบดชาญ ทองทวนจนฉีกขาดเป็นพันหมื่นชิ้น

“คุณผู้ชายครับ ในเมื่อคุณตกลงแล้ว ก็ลงนามในสัญญาฉบับนี้เลยครับ!”

แฟรงก์ที่ถูกหนีบอยู่ตรงกลางระหว่างนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพียงรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อตัว หลังจากหยิบสัญญาสองฉบับวางลงบนโต๊ะแล้ว ตัวเขาก็หลบลี้ไปอยู่ที่ไกล

“แกวอนตายเอง จะมาแค้นเคืองฉันไม่ได้ล่ะ!”

ใบหน้าของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แสดงอารมณ์โมโห และไม่ใช้ปากกาบนโต๊ะ ทว่าคัดเลือดหยดหนึ่งออกมาจากนิ้วโดยตรง แล้วกดลงนามตรงตำแหน่งชื่อของตนเอง

“หึ ใจกว้างจริงๆ สละเลือดได้ตามใจทุกเมื่อ!”

หลังจากเห็นการกระทำของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เยี่ยเทียนก็จุ๊ปากด้วยความประหลาดใจ เดินไปข้างโต๊ะ ลงชื่อของตนเองตามระเบียบ หลังจากนั้นก็ถอยหลังมาสิบกว่าเมตร หยิบสมุดสีขาวดำออกมาจากหน้าอก เปิดพลิกดูอย่างสงบเสงี่ยม

“คนนั้นเสียสติหรือเปล่า? มาถึงนี่เพื่ออ่านหนังสือเนี่ยนะ?”

“นั่นน่ะสิ ดูท่าทางเขาแบบนั้น มือเปล่าไร้อาวุธแล้วจะสู้ศึกใหญ่ได้ยังไง?”

“หุบปากกันให้หมด ระวังอย่าพูดพล่อยๆ เจ้าหนุ่มนั่นไม่ธรรมดานะ!”

หลังจากเยี่ยเทียนหยิบคัมภีร์เป็นตายออกมา ภายในงานประชุมทั่วทั้งสี่ทิศพลันมีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น คนส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจเข้าใจการกระทำของเยี่ยเทียน กำลังจะสู้กันเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว ยังจะต้องดึงพลังจากในหนังสืออีกทำไม?

แต่ก็ยังมีคนสายตาเฉียบคม ภายหลังจากเยี่ยเทียนชูคัมภีร์เป็นตายในมือ พระสงฆ์สามรูปจากอินเดียต่างเบิ่งตาโตสีหน้าแปรเปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน ในดวงตาเปี่ยมด้วยความหนักแน่นของพวกเขา ดูราวแอบแฝงความหวาดกลัวอยู่เป็นนัย

และแดร็กคูล่ากับเหล่าอัศวินโต๊ะกลม ต่างก็จับจ้องสายตาลงบนมือของเยี่ยเทียน พวกเขาสัมผัสได้ว่าหลังจากหนังสือเล่มนี้ถูกหยิบออกมา แรงกดดันอันน่าหวาดผวาก็แผ่ซ่านไปทั่ว

“แปลกจริง เรายังไม่ทันได้ใส่ปราณแท้ แล้วทำไมถึงส่งแรงกดดันออกมาได้ล่ะ?”

เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่กลางลานประลองนึกสงสัยอยู่ในใจ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสมุดเล่มนี้มากนัก นอกจากใช้อักษร “เป็น” เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้ลูกศิษย์แล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่กล้าเร่งใช้อักษร “ตาย” เพราะเขาไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ที่ตามมา

“นั่นมันอะไรกัน?”

นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้ตัวเยี่ยเทียนที่สุด ย่อมสามารถสัมผัสลมปราณที่แผ่ออกมาจากคัมภีร์เป็นตายเช่นเดียวกัน สีหน้ายังอดเปลียนไม่ได้ เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานขนาดทลายฟ้าทลายดินจากภายในคัมภีร์เป็นตาย จึงไม่กล้าลังเลอีกต่อไป

ฝ่ามือขวาประทับลงด้านหลังศรีษะของชาญ ทองทวนที่อยู่ข้างกายอย่างรุนแรง หลังจากร่ายคาถาลึกลับอันยากจะเข้าใจออกมาสองสามประโยคแล้ว สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็คำรามเสียงดังกึกก้อง

“ชาญ ทองทวน นี่คือคนร้ายที่ทำให้ร่างเจ้าต้องตาย วันนี้อาจารย์พาเจ้ามาสะสางหนี้แค้น ไป สังหารมันเสีย!”

“โอ…โอ…!”

พอถูกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ตบเข้าเช่นนี้ ปากของชาญ ทองทวนก็ส่งเสียงร้องที่ไม่ใช่ของมนุษย์ออกมา ขาขวากระทืบลงพื้นอย่างแรง จนพื้นดินทั่วลานประชุมล้วนสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น โดยอาศัยจากแรงนั้น ร่างสูงใหญ่ของชาญ ทองทวนก็พุ่งถลาเข้าไปหาเยี่ยเทียน

ความเชี่ยวชาญของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์คือการควบคุมผีดิบ และลักษณะสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของผีดิบก็คือฟันแทงไม่เข้า จะฆ่าอย่างไรมันก็ไม่ตาย นอกเสียจากจะสับแขนขาทั้งสี่และหัวของมันออกมา เยี่ยเทียนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีแม้กระทั่งอาวุธในมือ ในใจสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จึงคาดว่าจะสามารถโจมตีสังหารเขาได้ถึงแปดในสิบส่วน

แต่ทุกสิ่งล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ความด้อยของผีดิบที่ฟันแทงไม่เข้ามีเพียงอย่างเดียวคือเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วนัก การโจมตีเองก็เพียงทำได้แต่ตรงไปตรงมาทื่อๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง

สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพียงกังวลว่าตอนที่เยี่ยเทียนหลบหลีกการโจมตีของชาญทองทวนจะเข้าโจมตีตนเอง ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ด้านหลังชาญ ทองทวนตลอดเวลา โดยใช้ร่างสูงใหญ่ของเขาเป็นเกราะกำบังให้ตน

แต่กลับเห็นได้ชัดว่านายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นกังวลเกินกว่าเหตุ นั่นเพราะเขาพบว่าเยี่ยเทียนกลับไม่หลบไม่หลีกการพุ่งเข้าโจมตีจากชาญ ทองทวนเลย ยังคงจ้องมองหนังสือในมืออย่างไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่หมัดทั้งสองของชาญ ทองทวนกำลังจะถึงตัว

สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มีสีแดงซ่าน เรื่องพลังโจมตีของผีดิบ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา ในป่าลึกที่ประเทศไทย ชาญ ทองทวนผู้ถูกทำให้กลายเป็นผีดิบเคยใช้หมัดเดียวสังหารสัตว์ร้ายตัวเต็มวัย การโจมตีเช่นนี้พลังของมนุษย์จึงไม่อาจต้านทานได้

เสียง “เปรี้ยง!” ดังราวกับรถพุ่งชนเข้ากับกำแพง สนั่นหวั่นไหวจนผู้คนล้วนหูชากันไปหมด อดสั่นสะท้านไปตามๆ กันไม่ได้ บังเกิดเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นขนาดนี้ เด็กหนุ่มคนนั้นคงจะถูกอัดจนกลายเป็นเนื้อแผ่นไปแล้ว

ทว่าเมื่อพวกเขามองไปยังภายในลานประลองแล้ว ต่างต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน ในดวงตามีแววตกตะลึง เพราะเยี่ยเทียนยังคงยืนมั่นคงอยู่ตรงนั้น กระทั่งเท้าสักก้าวก็ยังไม่เคลื่อนที่ ดวงตากลับเลื่อนออกจากหนังสือแล้ว สายตามองมายังชาญทองทวนตรงหน้าอย่างไม่ยี่หระ

“เป็นไปได้ยังไง?”

“ไม่น่าเชื่อเลย!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ถูกโจมตีเข้าที่กลางหัว แล้วเขายังปลอดภัยไร้บาดแผลได้ยังไง?”

หลังจากความเงียบงันชั่วขณะภายในลานประชุม พลันเกิดเสียงดังอื้ออึงกึกก้อง ต่อให้ปีศาจเหล่านั้นมีชีวิตอยู่มาเป็นพันปี ก็ไม่อาจเข้าใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า นั่นเพราะต่อให้เป็นพวกเขา ก็คงไม่กล้ารับการโจมตีอันดุดันเช่นนั้นโดยตรง

“นับว่าพอมีแนวทางอยู่บ้าง แรงโจมตีของหมัดนี้ สามารถเทียบได้กับปลายเซียนเทียนขั้นต้น ทว่ายังไม่เพียงพอ ถ้าหากยังไม่ถึงขั้นปลายเซียนเทียน ก็อย่าหวังจะโจมตีปราณคุ้มกันของฉันให้แตกสลายเลย!”

ไม่มีใครดูออกว่า เวลานี้ภายนอกร่างเยี่ยเทียน มีปราณแท้ชั้นหนึ่งไหลเวียนเป็นเกราะคุ้มกัน หลังหมัดอันหนักหน่วงนั้นของชาญ ทองทวนโจมตีลงบนเกราะนี้ ปราณแท้ทั่วร่างของเยี่ยเทียนก็พลันกระเพื่อมไหว สลายละลายจากพลังหมัดนั่นไปจนหมด

“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”

ตาโตปากค้างจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้า นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์พลันร้องออกมา หลังจากยื่่นมือไปแก้มัดน้ำเต้าที่ช่วงเอวแล้ว สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็เทตะขาบพันขาลำตัวยาวหนึ่งฉือออกมาตัวหนึ่ง ยัดเข้าปากไปในทันที

พอนำตะขาบตัวนั้นกัดและกลืนลงไป นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้เช็ดของเหลวที่ริมฝีปาก ก็เริ่มบริกรรมคาถาออกมา หลังจากเสียงสวดลึกลับพิสดารนั้น พลังที่อยู่บนร่างของชาญ ทองทวนก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันอีกหลายเท่า

แค่นั้นยังไม่พอ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ยังเอานิ้วโป้งใส่ปากตัวเอง หลังจากกัดมันจนขาดในหนึ่งคำ ก็นำเลือดสดๆ ที่ไหลทะลักออกมาป้ายไปยังหัวคิ้วของชาญทองทวน!

……

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
    ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท