บทที่ 17
Ink Stone_Romance
“ท…ท่านพี่เคน…! และดยุกเฟรดเดอริก อยู่ในคฤหาสน์…!”
ออสการ์ เฟรดเดอริก
เขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสายลมในฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บ
ตอนนี้เขายังอายุเพียง 16 ปี จึงทำให้ยังดูเด็กอยู่มาก แต่ผมสีดำขลับราวกับท้องฟ้าในยามค่ำคืน และดวงตาสีทองเป็นประกายคู่นั้นก็สามารถสะกดหัวใจของหญิงสาวหลายคนเอาไว้ได้
เขาส่งสายตาเป็นประกายคู่นั้นมองเด็กหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณออสการ์ เดินทางมาไกลเลย เหนื่อยไหมคะ”
“ไม่เลย ฉันไม่เป็นไร”
มิเอลสวมเดรสสีขาว มีเข็มกลัดทับทิมสีแดงทรงกุหลาบติดอยู่ตรงอก แต่งตัวงดงามราวกับรอคอยวันนี้มานาน เธอส่งรอยยิ้มแสนหวานให้ออสการ์เหมือนกันชื่อที่หมายถึงน้ำผึ้งของเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่มิเอลได้พบกับเขา และดูเหมือนว่าในอนาคตก็จะได้พบกันอีกหลายๆ ครั้ง จดหมายที่เต็มไปด้วยความเศร้าของมิเอลจะค่อยๆ ลดลงไป น้องสาวที่แสนน่ารักของเคนทำให้เขาปวดหัว เพราะจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของเด็กน้อยทำให้เขาต้องเร่งกลับมายังคฤหาสน์
โดยปกติเคนมักจะไม่กลับคฤหาสน์เลยหากยังอยู่ในช่วงเปิดเรียน แต่ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับออสการ์เพื่อนของเขา ดูท่าจะเป็นห่วงน้องสาวของตัวเองเอามากๆ
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สองวันที่ได้มาพักผ่อน วันหนึ่งก็คงจะเอารถม้าคันใหญ่ออกไปข้างนอก ส่วนอีกวันก็คงจะปลอบน้องสาวแสนสวย
มิเอลสบตากับเขาด้วยแววตาเป็นประกายต่างจากปกติ เสียงหัวเราะของมิเอลขณะที่ออสการ์ถอดเสื้อนอกออกพลางส่งให้ข้ารับใช้ เหตุใดถึงได้ดูน่าสมเพชนักนะมิเอล อาเรียเผลอจับราวบันไดแน่น
เฟรดเดอริกรับช่อลิลลี่จากข้ารับใช้ส่งให้กับมิเอล ดูท่าว่าจะเตรียมการมาก่อนแล้วสินะ
“ตายจริง ฉันเพิ่งเคยได้เห็นดอกไม้แสนสวยแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ”
“ขอบคุณ”
แน่นอนว่าเป็นการโอ้อวด มิเอลโต้ตอบเกินจริงแถมแก้มขาวนั้นค่อยๆ แดงฝาด
ดี จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม สุดท้ายฉันจะเอาแก้มนั่นลงไปขัดถูกับถังโคลน สภาพโคลนท่วมตัวคลุกโคลนนั่นคงจะน่าดูไม่ใช่น้อย
“เอาดอกไม้นี่ไปวางในห้องให้หน่อยนะ”
“ได้ค่ะ เลดี้”
มิเอลสั่งกำชับให้เอาดอกไม้ที่ได้เป็นของขวัญไปเก็บอย่างระมัดระวัง ก่อนอื่นคงต้องแอบเข้าไปในห้องนั่น อาเรียอยู่ในชุดที่เรียบง่ายผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเล็กน้อยต่างจากมิเอลที่แต่งตัวงดงามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ
คงตั้งใจจะไม่ให้คนอื่นรับรู้สินะ เมื่อได้รับข่าวเลยจงใจจัดเตรียมสวนเพื่อต้อนรับ มีแต่เธอที่ไม่ได้รับรู้อะไรเลย พอคิดได้ดังนั้นความโกรธแค้นก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
เธอมองพวกเขาที่ทักทายกันอย่างเป็นทางการพลางกัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ ไม่สามารถเอาชนะความวุ่นวายใจของตนเองได้ และในตอนที่อาเรียหันตัวกลับ จู่ๆ สายตาก็หันไปสบตากับออสการ์พอดี
“…!”
เธอไม่อยากจะสบตากับเขาทั้งที่ตนเองไม่มีอะไรน่าดูเช่นนี้ เพราะหนทางที่ดีที่สุดที่จะผลักมิเอลตกลงไปในขุมนรกก็คือการทำให้ตัวเองให้งดงามและสง่าอยู่ตลอดเวลา
อาเรียที่มัวตกใจจนลืมกะพริบตาค่อยๆ ก้าวถอยหลังกลับ ออสการ์เผลอสบตาเข้ากับคนที่ไม่คาดคิดก็รีบกะพริบตาพลางขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นหัวใจก็สั่นไหว คนที่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมองเธอในอดีตกำลังส่งสายตามาให้
ครั้งนี้อาเรียจะต้องได้นั่งข้างเขา เธอประหม่าจนเหงื่อออกเต็มมือ หันไปสบตาเขาทั้งๆที่ยังไม่ได้เช็ดมือนั้น แต่เมื่อเห็นมิเอลมองตามออสการ์ความตื่นเต้นที่แทบจะทำให้ใจหยุดเต้นก็ถูกพังทลายลง
เมื่อได้สบตากับสายตาที่ตกใจของเขา หัวใจที่เย็นยะเยือกกลับพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ร่างกายที่กำลังร้อนรุ่มเมื่อรู้สึกตัวได้ก็กลับมาสู่ความจริง
ใช่แล้ว มีแค่ช่วงเวลาที่เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ต้องทำยังอยู่เช่นเดิม
ในที่สุดอาเรียก็จับชายกระโปรงพร้อมกับโค้งคำนับอย่างสงบเงี่ยมโดยธรรมชาติ แม้จะอยู่ห่างกันแต่อาเรียได้แสดงท่าทางที่สง่างามราวกับผีเสื้อนั้นให้ทุกคนได้เห็น ออสการ์จึงตอบรับการทักทายเพราะกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทให้กับผู้ที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก รวมไปถึงความสนใจบางอย่างเกี่ยวกับข่าวลือของอาเรียที่เขายังไม่รู้ คุณชายแห่งเฟรดเดอริกมองเข้าไปในตาของอาเรียอีกครั้งด้วยสายตาอันลึกซึ้งที่เต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
“น้องได้รับข่าวว่าพี่จะมา เลยจัดเตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ และเตรียมอาหารจากผักไว้เยอะแยะอย่างที่พี่ชอบ ตั้งตารอได้เลยนะคะ”
มิเอลที่มองเฟรดเดอริกและอาเรียทักทายกันก็เข้าไปควงแขนพี่ชายของเธอพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้รีบไปรับประทานอาหาร
ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่พอใจที่ทั้งเคนและออสการ์ต่างมุ่งความสนใจไปให้อาเรีย เธอทุบไหล่เขาและทำท่าฟึดฟัดออกไป
“มิเอล ทำเกินไปแล้วนะ พี่บอกว่าชอบผักตอนไหนกัน แต่จะว่าไปนี่ก็ผ่านมื้อเที่ยงไปตั้งนานแล้วสิ”
ทันใดนั้น ออสการ์ได้ละสายตาจากอาเรียไปที่มิเอล
หล่อนปฏิบัติกับคนที่มีตำแหน่งต่ำกว่าไม่ค่อยดียิ่งนัก อาเรียจึงแสยะยิ้มออกมา ทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆ คนที่มีแต่จะเสียเปรียบก็คือมิเอลนั่นแหละ
ยิ่งไปกว่านั้น หล่อนไม่แม้แต่จะดูแลพี่สาวตัวเอง ทั้งยังทำกิริยาท่าทางน่าเกลียดอีก แสดงให้เห็นเลยว่าข้างในจิตใจของหล่อนช่างยุ่งเหยิงเสียจริง ต้องขอบใจมากเลยนะ
“เจสซี่ ช่วยจัดเตรียมชุดแล้วมาทำผมให้หน่อยสิ”
อาเรียเข้าไปในห้องของตน พลางเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวอย่างเรียบร้อยเมื่อเทียบกับมิเอลที่ส่องประกายระยิบระยับ ถึงแม้จะแต่งตัวเรียบง่ายแต่ก็เน้นการเป็นผู้ใหญ่และดูสง่า
เธอมีรสนิยมชอบการแต่งตัวแบบเรียบง่ายแต่ถูกกาลเทศะมากกว่าการแต่งตัวแบบหรูหรา แน่นอนว่าอาเรียคิดได้ในตอนที่เธอโตขึ้นก่อนจะย้อนเวลากลับมาในตอนเด็ก
และเลียนแบบการแต่งตัวของมิเอลในตอนนั้นที่แต่งตัวแบบเรียบง่าย ไม่สวมเครื่องประดับอะไรให้รกสายตา
พรมน้ำหอมกลิ่นสบู่สะอาดสะอ้านทั่วตัวและบนเส้นผมเล็กน้อย พร้อมกับจัดเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยจึงออกจากห้องตรงไปยังโต๊ะอาหาร พวกเขาเริ่มรับประทานอาหารกันแล้ว บนโต๊ะอาหารก็เสิร์ฟเมนูหลักไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
ดูเหมือนว่าเคาน์ติสยังไม่ว่างที่จะมาร่วมรับประทานอาหารแต่สำรับอาหารก็ถูกจัดแจงไว้ให้แล้ว มิเอลที่กำลังใช้ส้อมจิ้มชิ้นเนื้อเอาเข้าปากพอดี ทันใดนั้นกลับทำหน้ามุ่ยใส่เมื่อหันมาเห็นอาเรีย
เคนก็เช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าของน้องสาวก็แสดงท่าทางไม่พอใจขึ้นมาทันที
“…ฉันรบกวนหรือเปล่าคะ เห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักแล้วยังไม่มีใครเรียกเลยลงมาน่ะค่ะ…”
อาเรียถามพลางเลิกคิ้วและลูบมือตนเอง
เพราะคำพูดเหล่านั้น แม้จะเป็นลูกสาวของท่านเคานต์ก็ไม่มีใครคอยจัดแจงอาหารเที่ยงให้ ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบลง เพราะพวกเขาต่างรู้ความจริงนั้นอยู่แล้ว
ถึงอย่างนั้นเมื่อได้เห็นอาเรียที่ดูน่าสงสารมิเอลจึงส้อมตกพื้นโดยไม่รู้ตัว
แกร๊ง
เสียงส้อมตกลงบนโต๊ะอาหารทำให้อาเรียตกใจจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าตั้งใจจริงหรือเพียงแค่แกล้งทำ ลักษณะท่าทางดูไม่ค่อยชอบพอหล่อนนัก ออสการ์จึงแกล้งเอ่ยขึ้นมาเพื่อคลายบรรยากาศตึงเครียด
“ตายจริง เป็นเพราะจู่ๆ ผมก็มาเลยทำให้ทุกคนลืมเลดี้ไปเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ มัวทำอะไรกันอยู่ ไม่รีบไปเตรียมสำรับอาหารเหรอ”
เขามองเค้นข้ารับใช้ที่กำลังดูสถานการณ์ชุลมุนนั่นอยู่ ข้ารับใช้ที่ถูกหมายหัวรีบจัดแจงโต๊ะสำรับอาหารของอาเรีย เธอกล่าวขอบคุณออสการ์พอเป็นพิธี จากนั้นจึงนั่งลงตรงที่ที่ถูกจัดแจงไว้ข้างมิเอล
ฝั่งตรงข้ามมีเคนและออสการ์นั่งเรียงกันอยู่ จู่ๆ ต่างมองไปยังแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ภาพนั้นดูแปลกตามาก ทำให้ยิ้มออกมา
สลัดพร้อมน้ำสลัดอมเปรี้ยวถูกจัดวางบนโต๊ะอาหาร ออสการ์แนะนำตัวเอง ก่อนที่เขาจะจับส้อมขึ้น
“ยินดีที่ได้พบ ผมออสการ์ ดยุกแห่งเฟรดเดอริก”
อาเรียใจเต้นกับคำทักทายและคำพูดที่ไร้เหตุผลนั่น
ต่างจากครั้งแรกที่พบกันในอดีตอย่างสิ้นเชิง ตอนนั้นที่ด่าทอเธอสารพัด และเธอก็อิจฉามิเอลที่เคยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ออสการ์ ผ้าเช็ดหน้าโง่ๆ ที่หล่อนไม่ได้ทำเองด้วยซ้ำ
‘นี่คงจะเป็นโอกาสสำหรับฉันอย่างแท้จริงสินะ’
ใบหน้างดงามของอาเรียราวกับบึงน้ำมืดมิดนั้น เพียงพอที่จะดึงดูดสายตาของเขาให้โซเซมาจมลงในบ่อน้ำนี้
อาเรียที่สบตากับออสการ์ ได้ใช้ความรู้และทักษะที่สั่งสมมา เพื่อส่งยิ้มแสนงดงามให้เขา แม้มองภายนอกจะถูกด่าทอว่าต่ำต้อยแต่รอยยิ้มนั้นไม่สามารถทำให้เขาละสายตาจากเธอได้เลย
“เป็นเกียรติที่ได้พบค่ะ คุณออสการ์ ฉันอาเรียค่ะ”
หล่อนส่งยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมทำให้บรรยากาศดูผิดแปลกไป เด็กเล็กแบบนี้ไม่มีทางแสดงสีหน้าเช่นนั้นได้ ทุกคนเห็นต่างคิดว่าไม่ควรแสดงออกมาเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เด็กเล็กที่ยังไม่กร้านโลก ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ เหตุใดถึงได้ทำท่าทางเช่นนี้ อาเรียที่ดึงความสนใจจากเคนไปก็เริ่มจับส้อมขึ้นมาทานอาหาร ทั้งโต๊ะอาหารนั้นมีเพียงอาเรียที่ยังเคลื่อนไหวอยู่
‘เหตุใดฉันถึงต้องทนทุกข์ทรมานจากพวกที่ทั้งมักง่ายและน่าสมเพชพวกนั้นนะ’ หรือเป็นเพราะความงี่เง่า เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วไม่ใช่เป็นพวกเขาที่โง่เองหรอกหรือ
ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ เพราะในอดีตยังไม่เข้าใจเจตนาที่ทุกคนแสดงออกมาเลยต้องมาตายอย่างน่าอนาถแบบนั้น
แต่ไม่ใช่กับเธอในตอนนี้ การกระทำในอดีตที่โง่เขลาของเธอสลายหายไปราวกับภาพลวงตา เหลือเพียงเงาที่หลอมรวมกับมิเอลอยู่ในขณะนี้
และตอนนี้เหมือนจะได้พบกับเจ้าของร่างตัวจริง อาเรียจึงต้องแสร้งทำเป็นห่วงหล่อนเสียหน่อย
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่ามิเอล สีหน้าน้องไม่ค่อยดีเลยนะ”
“…เปล่าค่ะ น้องไม่เป็นไร”
อาเรียที่แทบจะอ้วกออกมาทันทีที่เห็นมิเอลเคี้ยวเนื้ออย่างตะกละตะกลาม เลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากชิ้นเนื้อช่างดูโหดเหี้ยม มองให้น่ารักไม่ได้เลย
‘น่าอนาถใจยิ่ง…. มิเอล พี่ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งพี่ชายของน้องไปหรอกนะ ดูเหมือนน้องจะยังไม่รู้ว่าอะไรคือไฟถึงได้วิ่งกระโจนเข้ามา เห็นอย่างนี้แล้วคงไม่มีใครอยู่ข้างน้องเลยสินะ’
เคนปั้นหน้าไม่ถูก ทำเหมือนกับว่าตนเคยพูดเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่กัน ก่อนที่จะทานอาหารต่อ
พี่ชายกลับถูกนังแพศยาขโมยหัวใจไปเสียแล้ว ท่าทางของนางนั่นดูเป็นธรรมชาติอย่างไม่มีจุดบกพร่อง
‘เพราะชาติตระกูลของเธอมันสกปรกโสโครกแบบนี้อยู่แล้วอย่างล่ะ’
นางร้ายที่ฆ่านางร้ายได้ไม่ใช่แม่พระหรอกแต่เป็นผู้ชนะต่างหากล่ะ ผู้ชนะที่ได้รับโอกาสทำเรื่องชั่วและไม่มีใครแกล้งทำตัวดีกว่ากันทั้งนั้น ทุกคนต่างก็จมอยู่ในหลุมเดียวด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้นหากจะต่อสู้กันก็ต้องถอดหน้ากากออกมาเสียก่อน เผยภาพลักษณ์ที่น่าเกลียดออกมาเท่าเทียมกัน
อดีตของอาเรีย ตอนนี้กลายเป็นมิเอล
สับเปลี่ยนโฉมหน้าที่แท้จริงอย่างสันติ
ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็ตาม ดูเหมือนว่าการที่ส่งสายตาไปให้อาเรียนั้นเป็นเรื่องน่าอายซะอย่างนั้น เคนจึงหั่นเนื้ออย่างรุนแรง
ต่อไปคงจะมีเรื่องแบบนั้นอีกเยอะเลยล่ะ เห็นว่าเหนื่อยไปซะก่อนแบบนี้ช่างน่าอนาถใจเสียจริง
……………………………………………..